ช่วงหลายวันนี้ ผมได้นำเสนอแนวทางที่จะช่วยสังคมหาทางออก (แบบไม่หวังผลจริงจัง) อยู่หลายข้อ ซึ่งเมื่อประมวลจากที่มีคนเข้าไปแลกเปลี่ยนความเห็นแล้ว ผมขอสรุปแนวคิดของผมให้ชัดเจนอีกครั้ง
1. ตอนนี้คุณนิวัฒน์ธำรง ไม่ว่าจะเรียกตำแหน่งอะไรก็ตาม มีอำนาจเหมือนนายกฯ ทุกประการ
2. รัฐบาลตอนนี้ ถึงเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ก็มีอำนาจเหมือนรัฐบาลปกติ ไม่ติดเงื่อนไขตามมาตรา 181 เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเลือกตั้ง
3. การเลือกนายกฯ คนใหม่ตามมาตรา 172 ยังไงก็ต้องรอหลังเลือกตั้ง ดังนั้นรัฐบาลนี้ต้องรักษาการไปจนเลือกตั้งจบ
4. จากช่วงนี้ยังไงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ดังนั้น จึงควรปรับ ครม.เพื่อให้มีคนมารับผิดชอบในกระทรวงที่ไม่มีรัฐมนตรี
5. โดยการปรับ ครม.นั้น ถ้าหากรัฐบาลเห็นว่า เพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าลดความขัดแย้งลงได้ ก็อาจจะปรับครม. โดยมีเป้าหมายเอาคนเข้ามาเพื่อเริ่มต้นงานปฏิรูป
6. การปฏิรูปที่จะทำก่อนเลือกตั้ง ควรเป็นเรื่องที่สำคัญ ทำได้เร็ว โดยอาจจะมีเป้าหมายใช้เวลาก่อนเลือกตั้ง ไม่เกินสามเดือน เพื่อให้สามารถเลือกตั้งได้ภายในเดือนสิงหาคม
7. รัฐบาลควรทำความเข้าใจกับ กกต.ให้เดินหน้าเลือกตั้ง ภายใต้แนวคิดที่ว่า รัฐบาลจะผลักดันการปฏิรูปที่ทำได้เร็วให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง โดย กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งภายในเดือนสิงหาคมให้ได้
8. เมื่อได้ข้อสรุปชัดเจน รัฐบาลก็ทำความเข้าใจกับประชาชน ให้ผู้ชุมนุมเข้าใจเรื่องที่รัฐบาลกำลังลงมือทำ เพื่อดึงมวลชนกลับบ้าน คืนความสงบให้กับสังคม
ที่ผมพูดมาเป็นเรื่องที่ผมคิดว่ารัฐบาลทำได้ และควรทำ อย่าเอาแต่นิ่งเฉย เพื่อรอสถานการณ์เดินไปหาทางออกเอง มันจะคาดเดาจุดจบไม่ได้
ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็จะเหมือนถูกบีบให้เข้าไปหาจุดอับ สุดท้ายต้องแก้ไขด้วยความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งๆ ที่วันนี้รัฐบาลยังมีโอกาสทำ เพื่อให้สถานการณ์อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลจะคุมเกมได้
ดังนั้นถ้าวันนี้รัฐบาลไม่ยอมทำอะไร ถึงวันที่สายเกินไป จะโทษแต่ฝ่ายอื่นไม่ได้
เพราะเรื่องนี้รัฐบาลมีส่วนรับผิดชอบมากที่สุด เนื่องจากมีหน้าที่แล้วไม่ทำอะไร
รัฐบาลควรจะเริ่มทำอะไรได้แล้ว
1. ตอนนี้คุณนิวัฒน์ธำรง ไม่ว่าจะเรียกตำแหน่งอะไรก็ตาม มีอำนาจเหมือนนายกฯ ทุกประการ
2. รัฐบาลตอนนี้ ถึงเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ก็มีอำนาจเหมือนรัฐบาลปกติ ไม่ติดเงื่อนไขตามมาตรา 181 เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเลือกตั้ง
3. การเลือกนายกฯ คนใหม่ตามมาตรา 172 ยังไงก็ต้องรอหลังเลือกตั้ง ดังนั้นรัฐบาลนี้ต้องรักษาการไปจนเลือกตั้งจบ
4. จากช่วงนี้ยังไงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ดังนั้น จึงควรปรับ ครม.เพื่อให้มีคนมารับผิดชอบในกระทรวงที่ไม่มีรัฐมนตรี
5. โดยการปรับ ครม.นั้น ถ้าหากรัฐบาลเห็นว่า เพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าลดความขัดแย้งลงได้ ก็อาจจะปรับครม. โดยมีเป้าหมายเอาคนเข้ามาเพื่อเริ่มต้นงานปฏิรูป
6. การปฏิรูปที่จะทำก่อนเลือกตั้ง ควรเป็นเรื่องที่สำคัญ ทำได้เร็ว โดยอาจจะมีเป้าหมายใช้เวลาก่อนเลือกตั้ง ไม่เกินสามเดือน เพื่อให้สามารถเลือกตั้งได้ภายในเดือนสิงหาคม
7. รัฐบาลควรทำความเข้าใจกับ กกต.ให้เดินหน้าเลือกตั้ง ภายใต้แนวคิดที่ว่า รัฐบาลจะผลักดันการปฏิรูปที่ทำได้เร็วให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง โดย กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งภายในเดือนสิงหาคมให้ได้
8. เมื่อได้ข้อสรุปชัดเจน รัฐบาลก็ทำความเข้าใจกับประชาชน ให้ผู้ชุมนุมเข้าใจเรื่องที่รัฐบาลกำลังลงมือทำ เพื่อดึงมวลชนกลับบ้าน คืนความสงบให้กับสังคม
ที่ผมพูดมาเป็นเรื่องที่ผมคิดว่ารัฐบาลทำได้ และควรทำ อย่าเอาแต่นิ่งเฉย เพื่อรอสถานการณ์เดินไปหาทางออกเอง มันจะคาดเดาจุดจบไม่ได้
ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็จะเหมือนถูกบีบให้เข้าไปหาจุดอับ สุดท้ายต้องแก้ไขด้วยความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งๆ ที่วันนี้รัฐบาลยังมีโอกาสทำ เพื่อให้สถานการณ์อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลจะคุมเกมได้
ดังนั้นถ้าวันนี้รัฐบาลไม่ยอมทำอะไร ถึงวันที่สายเกินไป จะโทษแต่ฝ่ายอื่นไม่ได้
เพราะเรื่องนี้รัฐบาลมีส่วนรับผิดชอบมากที่สุด เนื่องจากมีหน้าที่แล้วไม่ทำอะไร