อย่าลืมฉัน(กึ่งรีวิว)ในคืนนี้ : Similarities




มหกรรมการง้องอนเริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้


กฎของนิวตันข้อสุดท้าย Action=Reaction ยังใช้ได้เสมอ ทำะไรไว้อย่างไรก็ได้อย่างนั้น แรงเท่ากันด้วย แต่ในความลำบากลำบนแกมท้อใจของเขมก็ส่งให้เห็นอะไรอย่างหนึ่งเหมือนกัน ... สุริยาวดีและเขมชาติ ... คนสองคนนี้เหมือนกันมากกว่าที่คิดที่รู้สึก ทั้งความดื้อ ทั้งความยึดมั่นถือมั่น ทั้งความรัก ทั้งการกระทำ โดยเฉพาะยามเมื่อพายุแห่งอารมณ์เข้าครอบงำจิตใจ เมื่อโกรธและยกอารมณ์ขึ้นมาเป็นเจ้าเรือน สองคนนี้แทบจะมองอะไรไม่ผิดกัน เมื่อเจ็บถึงที่สุดก็จะ ร้าย .... ซึ่งพอร้ายแล้วไม่มีคำว่าตรงกลาง เมื่อร้ายคือร้ายให้ถึงที่สุด

การกระทำของสองคนนี้คลับคล้ายมองภาพสะท้อนในกระจกเงา


ครั้งหนึ่งในวันที่สุริยวดีกลับมาในมาดของสุริยง เขมชาติร้อนรนแทบบ้าคลั่งค่าที่ว่าไม่เคยได้รับคำตอบที่คาใจ ค่าที่ว่าไม่ได้รับความสนใจอย่างใด ๆ ตอบกลับมา และ ความบ้านั้นนั่นแหละที่ทำให้เจ้าตัวพยายามอย่างยิ่งที่จะสะบั้นความรู้สึกจริง ๆ ในใจทิ้งไปไม่ให้เจ็บเหมือนเดิม หัวใจที่ไม่ได้รับคำตอบพยายามอย่างหนักที่จะพาตัวเองให้หลุดพ้นจากความทุกตรมที่ได้รับ พยายามให้ตัวเองอยู่ในโลกแห่งตรรกะและเหตุผลว่าคนที่ดีก็คือคนที่ใช่ ทำตัวเองให้ร้ายที่สุดตอบแทนให้สาสมที่สุดโดยมีจุดประสงค์ที่จะตัดผู้หญิงคนหนึ่งออกไปจากชีวิต ทำทุกอย่างตั้งแต่ทำร้ายคนอื่น ทำร้ายคนที่รัก และ ทำร้ายตัวเอง แต่มันก็ยังไม่ใช่ทางออก

ครั้งหนึ่งเช่นเดียวกันที่สุริยาวดีในเวอร์ชั่นสุริยงตอบรับอาการบ้าคลั่งด้วยการยอมการนิ่งแต่กระนั้นในการกระทำที่ทำไว้มาตั้งแต่เริ่มถึงแม้ว่าจะเกิดจากความตั้งใจดีแต่มันก็ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ สิ่งที่เขมชาติต้องการคือ "ความจริง" จากปาก ที่จะแสดงความจริงใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างเราสองคน ซึ่งเป็นสิ่งที่สุริยาวดี "ยัง" ไม่เคยให้ สุริยาวดี "คิด" ว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกให้เขมชาติคือดีที่สุด ว่าสิ่งที่แสดงออกไป ... คือ จริงใจแล้ว ไม่ได้คิดว่าบางทีการไม่พูดแล้วแสดงออกด้วยการกระทำ เขาก็คงเข้าใจแต่อาจเข้าใจไปคนละทางกับที่เป็นจริง จุดนี้นี่เองทำให้สถานการณ์คลุมเครือมากลงไปกว่าเดิม น่าคลางแคลงใจมากไปกว่าเดิม แย่ลงไปกว่าเดิม ความมั่นใจน้อยนิดที่เคยคิดว่ามีอยู่ในตัวสุริยาวดีในวันก่อนค่อย ๆ จางลง แล้วก็หมดไป จนแผนระเบิดพลีชีพก็ปะทุ

แน่นอนว่าสุริยาวดีเสียใจแสนสาหัส บอกว่าหมดหนี้เวรหนี้กรรมกันแล้ว แต่จริง ๆ ส่วนหนึ่งที่สุริยาวดียังไม่ได้ย้อนคิดก็คือ .... สภาพของเขมชาติในเวลานั้นคงไม่ต่างกันเท่าไหร่กับที่ตัวเองเผชิญอยู่นี่ ไม่ได้คิอลึก ๆ ลงไปว่าจริง ๆ แล้วเบื้องหลังการกระทำหยาบคายคืออะไร เป็นเพียงการตัดตวงแก้แค้นอย่างที่เข้าใจหรือไม่ ? ซึ่งจิตใจของวดีก็คงไม่อำนวยให้คิดแบบนี้ (เหมือนที่แต่ก่อนเขมชาติไม่คิดเหมือนกันว่าวดีจะมีเหตุและผลอะไรที่ทิ้งตัวเองไปจนทำอะไรห่วย ๆ ชนิดไม่น่าให้อภัย) เพราะ สิ่งที่โดนมันรุนแรงเหลือเกิน แต่สำหรับเราผู้อยู่วงนอก เห็นภาพสะท้อนกันเลยทีเดียวว่าที่เขมชาติเดียดฉันท์สร้างกางเล็บแยกเขี้ยวใส่วีดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็เพราะการใช้ชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดเป็นเวลายาวนานนี่แหละ คนที่เดินจาก กับ คนที่โดนทิ้ง ถึงจะบอกว่าเข้าใจอย่างไร ไม่โดนเหมือนกันไม่มีทางเข้าใจได้ 100 %

แต่ในทางกลับกัน เขมชาติที่หูตูบคอตกในวันนี้ เขมชาติเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่วดีโดนคืออะไร สายตาพลันสว่างขึ้นมา เมื่อสิ่งที่เรียกว่า "ความจริง" ปรากฎ เหมือนครั้งที่ตัวเองทำกับวดีนั่นแหละ ในวันนี้วันที่ตัวเองแสดงความจริงใจแล้วมันไม่ได้ผล กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะกันไป เพราะการกระทำเก่า ๆ ของตัวเอง เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจของคนที่เราต้องการแสดงออกด้วยมันหายไปหมดแล้ว เจอเหมือนที่วดีเคยเจอไม่มากไม่น้อยดีกรีไปกว่ากันเลยทีเดียว มันอาจจะร้ายกว่าตรงที่ วดีทั้งผลักไสด้วยวาจา และ การกระทำ แถมมีไอ้หนูหรืออิหนู(ที่ตัวคุณแม่ยังไม่ยอมรับ)เป็นเดิมพันอีก

สิ่งที่ผ่านมาสิ่งที่ทั้งสองคนเจอมาในวันนี้ ... ถ้าพูดอีกที ก็คือ "สิ่ง" ที่ต่างฝ่ายต่าง "เคย" กระทำกับแต่ละคนนั่นเอง
ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว โดยตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ ก็เหอะ



ในด้านของผลที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก เมื่อเขมชาติกระทำต่อวดีคราวนั้น เหมือนจะสะใจแต่แล้วเป็นยังไง แม้ความจริงจะไม่ปรากฎ แม้จะไม่มีกล่องปลาทูสะท้านโลกระเบิดบึ้มโกโก้ครันซ์ ก็หนีความรู้สึกตัวเองไม่พ้น ทำเค้าเราก็เจ็บ ด่าเค้าเราก็เจ็บ สิ่งที่รู้สึกมันต้องปะทุออกมายังวันยังค่ำ กล่องแห่งความลับนั่นก็แค่ตัวเร่งปฏิกิริยาเท่านั้น สุริยาวดีก็เช่นกันเมื่อฟื้นคืนจากความเสียใจได้ ก็ผลักไสไล่ส่งต่าง ๆ นานา แม้ในใจจะคิดเกลียด แม้จะยังเข้าใจว่าที่เขาทำนั้นคือแค้นและขอชำระหนี้ แต่เมื่อมีคำถามสะกิดก็ยังเสียใจน้ำตาซึมอยู่ลึก ๆ เวลาถูกถามว่ากลับมาเจอเขมชาติทำไม พอจวนตัวก็ยังมีแก่ใจอธิบายกับเกนหลงว่าให้เกลียดตัวเองเถอะ อย่าเกลียดเขมชาติเลย

แม้จะคนละสาเหตุ คนละเรื่องราวเบื้องหลัง
แต่ความดื้อ ทิฐิ และปากไม่ตรงกับใจ
เรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างที่เหมือนกัน
ระหว่างเขมชาติ และ สุริยาวดี
และที่สำคัญ ...... แล้วก็สุดจะเหมือนกันก็คือ
ไม่ว่าความเสียใจ หรือ อะไรที่ทั้งสองคนเสียไป
ต่างไม่มีใครสามารถเรียกมันคืนได้เช่นเดียวกัน


ป.ล. แอบจับได้ถึงความน้อยใจของสุริยาวดีนิด ๆ ตอนที่คุยกับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งพยายามหว่านล้อมว่าเขมเป็นห่วงวดีมาก วดีกลับบอกว่าเป็นห่วงอย่างอื่นมากกว่า (ชั้นคุ้นเคยประโยคอย่างนี้จากอังศุมาลินนะจ๊ะ ที่นางกลัวว่านางจะไม่เหลืออะไรเลย เพราะ โกโบริต้องการแต่ลูก) อิชั้นได้กลิ่นทะยิ้ม ๆ จากคำพูดนี้ของหญิงวดึมือปาไข่ อิชั้นว่ามากน้อยนาง(น่าจะ)น้อยใจที่เขมพูดถึงแต่ลูกอย่างโน้น ลูกอย่างนี้ ... และ นางไม่อยากให้เขมมายุ่งกับลูกของนาง (perception เดียวกับอังศุมาลิน)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่