ปราปต์ บุนปาน: ′มะเขือเผา′ กับ ′กรวย′ คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนออนไลน์

กระทู้สนทนา
(ปรับปรุงเพิ่มเติมจากต้นฉบับในมติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 12 พฤษภาคม 2557)

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นายกฯหญิงคนแรกไปแล้ว
เรียบร้อยโรงเรียนศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช.

เกมชิงอำนาจทางการเมืองที่เคยลดโทนความรุนแรงลงไปบ้าง นับแต่การเลือกตั้ง
ปี 2554 เป็นต้นมา จากการมีผู้นำหญิง ที่มีบุคลิกภาพประนีประนอม และดูไม่ค่อย
เป็นพิษเป็นภัย

ซึ่งเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังก็อาจถึงคราวต้องกลับมาซัดกัน
แบบดิบๆซึ่งๆ หน้า

แต่ก็เหมือนที่หลายคนวิเคราะห์ไว้ว่าศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช.เอง ก็สนองตอบ
ต่อเป้าประสงค์ของ กปปส.และเครือข่ายเบื้องหลัง ได้ไม่ถึงที่สุด

เพราะติดขัดประเด็นข้อกฎหมาย รวมถึงอาจลังเลใจว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจาก
มหาอำนาจและนานาอารยประเทศ

แม้แต่ภายในประเทศเองหากเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยมตั้งเป้าเล่นงาน
ฝ่ายเพื่อไทยแบบล่อกันให้เละ ไม่ต้องคำนึงถึงหลักการใดๆ อีกแล้ว

ภายหลังชัยชนะทางการเมืองแบบโกงๆ ผู้ได้รับการชูมืออย่างค้านสายตา
ก็คงปกครองและเอาชนะใจผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้

ด้านกองทัพ กลับเป็นฝ่ายตั้งการ์ดแน่นพอสมควรในความขัดแย้งระลอกนี้
กระทั่งยังไม่มีแนวโน้มชัดเจนที่จะเข้าแทรกแซงการเมืองด้วยการก่อรัฐประหาร

ล่าสุด "เผือกร้อน" เรื่องการหานายกฯนอกรัฐธรรมนูญ จึงถูกโยนจากสุเทพ
เทือกสุบรรณ ไปสู่มือของสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธาน ส.ว., ประธานศาลฎีกา,
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธาน กกต.

ทว่า มีคำถามตามมาอีกมากถึงข้อเสนอดังกล่าว อาทิ กระบวนการเลือกประธาน
วุฒิสภาเมื่อคืนวันที่ 9 พฤษภาคม ดำเนินไปอย่างถูกต้องหรือไม่?

และสุรชัย ในฐานะ "ประธานวุฒิสภา" จะทูลเกล้าฯ ชื่อนายกฯ คนใหม่ได้อย่างไร?
เมื่อเลขาธิการ กปปส. ประกาศไม่ยอมรับฐานะรักษาการนายกฯ ของนิวัฒน์ธำรง
บุญทรงไพศาล

เนื่องจากก่อนที่สุรชัยจะดำเนินการตามโรดแมปของสุเทพได้นั้นนิวัฒน์ธำรง
ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกฯต้องเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสุรชัยเป็นประธาน ส.ว.เสียก่อน

กระบวนการนอกรัฐธรรมนูญที่ดูสวยหรูในจินตภาพ จึงอาจยังเป็นได้แค่ "มะเขือเผา"
ในโลกความเป็นจริงปัจจุบัน

คู่ขนานไปกับเกมชิงอำนาจในหมู่ชนชั้นนำ ผ่านตัวบทกฎหมายและการสับเปลี่ยน
ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ภาวะ "ไร้ขื่อแป" ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็เริ่มประจักษ์ชัดต่อสายตา
คนเมืองหลวงมากยิ่งขึ้น

เพียงแค่คุณเดินลงจากรถไปย้าย"กรวย" ที่ตั้งกีดขวางเส้นทางจราจร
โดยไร้ข้อกฎหมายใดๆ รองรับ

คุณก็สามารถถูกรุมยิงรุมซ้อมได้ และถ้ากลุ่มคนนอกกฎหมายเหล่านั้น ไม่ตระหนัก
ว่าคุณเป็นข้าราชการทหารระดับสูง ก็ไม่แน่นักว่าคุณจะมีชีวิตรอดกลับมา

นอกจากนี้ พอคุณจะรีบขับรถไปฟังผลสอบ ก็กลับมีใคร (และอาศัยอำนาจอะไร)
ไม่รู้ มาสั่งหยุดรถของคุณบนทางด่วน

เมื่อคุณตัดสินใจเหยียบคันเร่งไปต่อเพื่อยืนยันในสิทธิการใช้ถนนของตนเองกลุ่มคน
นอกกฎหมายพวกนั้นก็ปรี่เข้ารุมทุบกระจกรถและทำร้ายร่างกายคุณ

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคุณเป็นนักท่องเที่ยวซึ่งกำลังนั่งแท็กซี่เพื่อไปขึ้นเครื่องบิน
คนนอกกฎหมายกลุ่มเดิมๆ ก็โผล่มาออกคำสั่งห้ามแท็กซี่วิ่ง แถมยังสั่งให้
คุณเดินเท้าจากโทลล์เวย์ไปสนามบิน

ที่น่าเศร้ากว่า คือ เพียงเพราะคุณประกอบสัมมาชีพของตนเอง แต่ดันไปกระทบกระทั่ง
"กรวยศักดิ์สิทธิ์" เข้า คุณก็ถึงกับต้องถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อหน้า
ต่อตาภรรยาผู้กำลังตั้งครรภ์ของคุณ

คน กทม. (รวมทั้งคนในสังคมไทย) ยอมรับพฤติกรรมข่มขู่คุกคามแบบนี้ได้จริงๆ หรือ?

ผู้ประกอบธุรกิจ (ที่บางส่วนอาจเคยหรือยังคงสนับสนุน กปปส.) ยอมรับภาพลักษณ์
เสื่อมทรามเช่นนี้ได้จริงๆ หรือ?

เราต้องอดทนอยู่ใน "สภาวะยกเว้น" และต้องจำใจใช้ชีวิตร่วมกับพวก
"มะเขือเผา" และ "กรวย" เหล่านี้ ไปอีกนานเท่าไหร่
?

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1399900301&grpid=01&catid=&subcatid=

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่