ปวดคอ แขน ข้อมือ ลามยันนิ้ว ปัญหาจากงานที่ทำ ผมควรจะทำยังไงกับชีวิตดี

ผมขอเล่าเรื่องของผมให้ฟังก่อนก็แล้วกันครับ ผมมีอาชีพเป็นพนักงานกราฟฟิค ผลิตภาพสามมิติ หน้าที่หลักๆของผมคือการปั้นโมเดล ถ้าจะอธิบายง่ายๆก็คิดซะว่าเป็นงานที่เอาจุดเล็กๆมาต่อกันเป็นเส้นดัดเส้นหลายๆเส้นต่อกันเป็นรูปร่าง การเคลื่อนไหวข้อมือกับนิ้วก็คือการกดปุ่มค้างไว้แล้วก็ลากไปมา ปริมาณความถี่ก็พอๆกับการเล่นเกมตามร้านเน็ตที่คนชอบเล่นกัน แต่สำหรับผมมันคืองานที่ต้องทำทุกวัน

ปีแรกที่ผมทำงานผมต้องปรับตัวและถูกบังคับให้ทำงานเร็วๆ ทำงานเสร็จก็ให้ไปช่วยคนอื่นต่อ ผลจากการทำงานและนั่งเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อตรงคอแข็งเป็นก้อนต้องอาศัยการนวดจึงจะผ่อนคลายลงบ้างบางทีอาการก็ลามจนปวดหัว จนผมรู้จักกับยานอจีสิต ก็บรรเทากันไปเป็นครั้งคราว แต่ผมก็มีอาการปวดข้อมือร่วมด้วย อาการมันแรงขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องหาวิธีทั้งเปลี่ยนมาซื้อเมาส์หลายๆแบบใช้ที่รองข้อมือ บางครั้งก็ต้องหยุดงานเพราะปวดมาก อาการแวดเริ่มลามจากข้อมือไปที่แขน สุดท้ายผมก็เลิกที่จะใช้เมาส์ปรกติและหันไปใช้เม้าปากกาแทนด้วยอาการ โรคเส้นเอ็นนิ้วหัวแม่มืออักเสบ หรือ เดอ โกแวง

หลังจากที่ผมได้รับการตรวจจากหมอแล้วก็บอกผมว่าผมยังเป็นไม่หนักมาก็แค่รับยาและคำแนะนำให้สวมปลอกข้อมือที่มีการบล็อกนิ้วโป้งเอาไว้ แล้วผมก็ยังต้องกลับมาทำงานต่อหลังจากที่ผมหัดใช้เม้าปากกาจนคล่องอาการที่อัคเสบก็ไปไปที่นิ้วโป้ง แต่มันลามไปยังท่อนแขนแทน เพราะโปรแกรมที่ผมใช้งานจำเป็นต้องกดเม้าปุ่มกลางค้างไว้มันเกิดการแกร็งแขน ถ้าถามว่าทำไมถึงเกร็งก็คงตอบได้ว่าเพราะมันเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดมาก มันก็เลยเกร็งโดยอัตโนมัติ มันลามไปเรื่อยๆจนครบทั้งคอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ นิ้ว รู้สึกทรมาน ผมเลยศึกษาหาวิธีรักษา เลยลองไปฝังแข็มดู ผลของการฝังเข็มครั้งแรกๆดีมาก อาการลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังๆอาการกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกๆยังคงแข็งอยู่ ผมโดนการขูดด้วยเขาสัตว์ ดูดถ้วยครอบ เจาะดูดเลือดออก และการตอกด้วยค้อนเล็กๆที่มีหัวเป็นเข็มจนเลือดออกแล้วก็ดูดถ้วย จนผมเริ่มคิดว่ามันไม่หาย ผมกลัวการตอกให้เกิดแผลด้วยเพราะผมเป็นเบาหวาน ผมจึงเลิกรักษาด้วยวิธีนี้

ผลเลยพยายามศึกษาข้อมูลหลายอย่าง ปรับเปลี่ยนที่นั่ง และอีกหลายๆอย่าง จนผมได้รู้จักกับ trigger point และผมก็ตัดสินใจไปรักษากับที่หนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญในการกดจุด trigger point เพื่อรักษา ผู้รักษาแนะนำว่ากล้ามเนื้อผมลีบ เนื่องจากผมเจ็บปวดจึงหลีกเลี่ยงที่จะออกแรงกล้ามเนื้อเลยเล็กลง เขาแนะนำให้ผมออกกำลังกายเล่นกล้าม เป็นการรักษาที่ยั่งยืน แต่ว่าเอาเข้าจริงๆผมก็ไม่สามารถทำได้ ผมเจองานที่บางที่ผมก็รับไม่ไหว บางที่ก็มาเร่งกันเหมือนกับผมเป็นเครื่องจักร พอผมทำเสร็จก่อนก็บังคับให้ผมไปช่วยงานคนอื่น คือเขาเห็นผมว่างไม่ได้และเขาไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผม เหมือนกับว่าความเจ็บปวด ไม่เกี่ยวกับงานหรือทีมเวิค ความเครียส ความไม่พอใจมันเลยสุมอยู่ที่ตัวผม วันๆกลับบ้านไปก็กินข้าวแล้วก็นอน ตื่นตี 5 ออกจากบ้าน 6 โมงเช้า ชีวิตประจำวันเหมือนติดอยู่ในกรงขังอะไรซักอย่าง ทำงาน เจ็บปวด เครียส หงุดหงิด ผมเลยคิดจะลาออกไปสมัครงานที่อื่นแทน ผมเลยคิดจะทำตัวอย่างงานเพื่อไปสมัครงาน แต่พอผมนั่งโตีะร่างกายมันก็ปฏิเสธที่จะทำงาน มันเกลียดการจับเมาส์ ความปวดที่แฝงอยู่ค่อยๆออกมา พอฝืนใช้ก็จะปวดที่ข้อมือ นิ้ว ต้นแขนปลายแขน จนเหมือนกับผมรังเกียจที่จะใช้เม้าส์ไปเลย เหมือนกับมันบอกว่าวันนี้วันหยุดผมไม่ควรทำงาน ผมไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีผมควรลาออกเลยดีกว่าไหม ถ้าผมไม่ทำคอมก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไรเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่อยากอยู่แบบนี้แล้วเหมือนกัน เหมือนกับว่าผมต้องทำงานที่บริษัทนี้ไปจนตายหรือเปล่า ไปไหนก็ไม่ได้

ผมควรรักษาร่างกายกับชีวิตตัวเองยังไงดีครับ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่