สำหรับผู้ที่กำลังสนใจจะเลือกซื้อบ้าน อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ วันนี้เรามีบทความน่าสนใจมาแบ่งปันอีกเช่นเคยจ้า
ขณะที่ตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวแบบทรงๆ แต่ในจังหวัดหลายภูมิภาค การซื้อขายและลงทุนคอนโดฯคึกคักมาก ที่สำคัญบางพื้นที่ตลาดนี้ถือว่าเพิ่งเกิด เพราะฉะนั้นอะไรๆก็ดูใหม่ไปหมดทั้งคนซื้อคนขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนซื้อมือใหม่อาจตัดสินใจกันไม่ถูกเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเลือกโครงการมีมากมาย ผู้ประกอบการก็หลากหลายทั้งคนใหม่ที่เห็นลู่ทางทางธุรกิจสดใส มีที่ดินก็เลยมาทำคอนโดฯขาย หรือรายเก่าที่เคยทำโครงการอยู่ก่อนแล้วเห็น่องทางก็เลยขยายเปิดโครงการ
กรณีที่โครงการยังไม่ได้ก่อสร้าง ผู้ซื้อจะต้องไม่พลาดการพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1.ใบอนุญาตก่อสร้าง : ถ้าโครงการยังไม่ได้ก่อสร้างจะต้องได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารปี 2522 โดยผู้ซื้อสามารถสอบถามเกี่ยวกับใบอนุญาตก่อสร้างได้ว่าได้รับใบอนุญาตก่อสร้างแล้วหรือยัง
2.รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) : เป็นเอกสารสำคัญที่ควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้หากโครงการนั้นมีจำนวนห้องชุดตั้งแต่ 80 ยูนิตขึ้นไป หรือมีพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรจะต้องได้รับอนุมัติรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งโดยทั่วไปแม้จะมีการเปิดขายโครงการไปก่อน แต่ผู้ประกอบการอาจยังไม่ลงมือก่อสร้างหากยังไม่ได้รับอนุมัติรายงาน EIA เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความยุ่งยากหากก่อสร้างไปแล้วจะต้องถูกสั่งให้แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงแบบอาคาร
3.โฉนดที่ดิน : กรรมสิทธิ์สำหรับที่ดินแปลงที่จะใช้ก่อสร้างคอนโดฯจะต้องเป็น “โฉนด” เท่านั้นและควรเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโครงการหรือบริษัทผู้ดำเนินการ รวมทั้งจะต้องปลอดจากภาระผูกพันใดๆ ยกเว้นการจำนอง เนื่องจากหากที่ดินติดภาระผูกพันอย่างอื่นจะไม่สามารถจดทะเบียนอาคารชุดได้ หากต้องการความมั่นใจในเรื่องนี้สามารถตรวจสอบโฉนดได้ที่สำนักงานที่ดินที่โครงการนั้นตั้งอยู่
4.เขตที่ดิน : ก็ต้องตรวจสอบเช่นกัน เพื่อดูว่าแปลงที่ดินนั้นมีทางเข้าออกหรือไม่และทางเข้าออกนั้นเป็นทางสาธารณะหรือที่ส่วนบุคคล โดยเฉพาะหากทางเข้าออกเป็นที่ส่วนบุคคลจะต้องมีการจดภาระจำยอมให้ที่ดินแปลงที่ตั้งโครงการสามารถใช้เป็นทางเข้าออกได้
5.ชื่อที่อยู่ของผู้ประกอบการ : อย่างแรกที่จะต้องตรวจสอบคือผู้ประกอบการต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงที่จะก่อสร้างคอนโดฯนั้น ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ถ้าเป็นนิติบุคคลก็ต้องดูว่าได้มีการจดทะเบียนถูกต้องแล้วหรือยัง ทุนจดทะเบียนเท่าไร เหมาะสมกับมูลค่าของโครงการหรือไม่ ใครเป็นกรรมการผู้จัดการหรือกกรรมการผู้มีอำนาจลงาม เราสามารถตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือกรมทะเบียนการค้า นอกจากนี้ประวัติของผู้ประกอบการก็สำคัญ ประสบการณ์ ผลงานในอดีตเป็นอย่างไรชื่อเสียงหรือภาพพจน์ในวงการก็เป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆหลายๆคนไม่มากก็น้อยนะคะ
สามารถแนะนำหรือติชมได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ามาแวะเวียนอ่านกันค่ะ

ที่มา :
www.home.co.th
5 ข้อ ตรวจสอบก่อนซื้อคอนโดฯ (ที่ยังไม่สร้าง)
ขณะที่ตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวแบบทรงๆ แต่ในจังหวัดหลายภูมิภาค การซื้อขายและลงทุนคอนโดฯคึกคักมาก ที่สำคัญบางพื้นที่ตลาดนี้ถือว่าเพิ่งเกิด เพราะฉะนั้นอะไรๆก็ดูใหม่ไปหมดทั้งคนซื้อคนขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนซื้อมือใหม่อาจตัดสินใจกันไม่ถูกเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเลือกโครงการมีมากมาย ผู้ประกอบการก็หลากหลายทั้งคนใหม่ที่เห็นลู่ทางทางธุรกิจสดใส มีที่ดินก็เลยมาทำคอนโดฯขาย หรือรายเก่าที่เคยทำโครงการอยู่ก่อนแล้วเห็น่องทางก็เลยขยายเปิดโครงการ
กรณีที่โครงการยังไม่ได้ก่อสร้าง ผู้ซื้อจะต้องไม่พลาดการพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1.ใบอนุญาตก่อสร้าง : ถ้าโครงการยังไม่ได้ก่อสร้างจะต้องได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารปี 2522 โดยผู้ซื้อสามารถสอบถามเกี่ยวกับใบอนุญาตก่อสร้างได้ว่าได้รับใบอนุญาตก่อสร้างแล้วหรือยัง
2.รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) : เป็นเอกสารสำคัญที่ควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้หากโครงการนั้นมีจำนวนห้องชุดตั้งแต่ 80 ยูนิตขึ้นไป หรือมีพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรจะต้องได้รับอนุมัติรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งโดยทั่วไปแม้จะมีการเปิดขายโครงการไปก่อน แต่ผู้ประกอบการอาจยังไม่ลงมือก่อสร้างหากยังไม่ได้รับอนุมัติรายงาน EIA เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความยุ่งยากหากก่อสร้างไปแล้วจะต้องถูกสั่งให้แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงแบบอาคาร
3.โฉนดที่ดิน : กรรมสิทธิ์สำหรับที่ดินแปลงที่จะใช้ก่อสร้างคอนโดฯจะต้องเป็น “โฉนด” เท่านั้นและควรเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโครงการหรือบริษัทผู้ดำเนินการ รวมทั้งจะต้องปลอดจากภาระผูกพันใดๆ ยกเว้นการจำนอง เนื่องจากหากที่ดินติดภาระผูกพันอย่างอื่นจะไม่สามารถจดทะเบียนอาคารชุดได้ หากต้องการความมั่นใจในเรื่องนี้สามารถตรวจสอบโฉนดได้ที่สำนักงานที่ดินที่โครงการนั้นตั้งอยู่
4.เขตที่ดิน : ก็ต้องตรวจสอบเช่นกัน เพื่อดูว่าแปลงที่ดินนั้นมีทางเข้าออกหรือไม่และทางเข้าออกนั้นเป็นทางสาธารณะหรือที่ส่วนบุคคล โดยเฉพาะหากทางเข้าออกเป็นที่ส่วนบุคคลจะต้องมีการจดภาระจำยอมให้ที่ดินแปลงที่ตั้งโครงการสามารถใช้เป็นทางเข้าออกได้
5.ชื่อที่อยู่ของผู้ประกอบการ : อย่างแรกที่จะต้องตรวจสอบคือผู้ประกอบการต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงที่จะก่อสร้างคอนโดฯนั้น ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ถ้าเป็นนิติบุคคลก็ต้องดูว่าได้มีการจดทะเบียนถูกต้องแล้วหรือยัง ทุนจดทะเบียนเท่าไร เหมาะสมกับมูลค่าของโครงการหรือไม่ ใครเป็นกรรมการผู้จัดการหรือกกรรมการผู้มีอำนาจลงาม เราสามารถตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือกรมทะเบียนการค้า นอกจากนี้ประวัติของผู้ประกอบการก็สำคัญ ประสบการณ์ ผลงานในอดีตเป็นอย่างไรชื่อเสียงหรือภาพพจน์ในวงการก็เป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆหลายๆคนไม่มากก็น้อยนะคะ
สามารถแนะนำหรือติชมได้นะคะ ขอบคุณที่เข้ามาแวะเวียนอ่านกันค่ะ
ที่มา : www.home.co.th