ครั้งแรกกับการพิชิตภูกระดึงในเวลา 1 ชั่วโมง 55 นาที

กระทู้สนทนา
เราเคยอัพกระทู้เรื่องอายุ 35 แต่อยากมีเอว 24 ซึ่งทำได้แล้ว
แล้วก็ยังคงออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างสนุกสนาน
มีความสุขกับการกิน การออกกำลังกาย การลงรายการแข่งขันตามสมควร

จริงๆภูกระดึงไม่ได้อยู่ใน wish list
แต่เรารักการวิ่งเทรล คือ ติดใจมาจากงานวิ่ง TNF ที่เขาใหญ่แล้ว
ก็เลยมองหางานวิ่งเทรลต่อมาเรื่อยๆ
จนมาเจองานภูกระดึงแล้วก็ปิ๊งขึ้นมาเลย

ซึ่งเค้าจัดงานไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นกิจกรรมวิ่งขึ้นภูกระดึง
เราเองเห็นครั้งแรกที่กลุ่ม Ultra trail แล้วแทบจะโดดเข้าใส่
เพราะรู้สึกว่ามันยั่วยวนใจมากๆ ด้วยความที่ชอบวิ่งเทรลอยู่แล้ว
และใครๆก็บอกว่า การขึ้นภูกระดึงเป็นอะไรที่ทรหด ยากมาก
ปกติเราจะไปวิ่งขึ้นภูในวันธรรมดาก็คงไม่ได้
พอเค้าจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาก็รีบสมัครทันที
มีเพื่อนร่วมแกงค์เป็นสาวๆที่เรียนมาด้วยกันสมัยมหาวิทยาลัย
(ซึ่งก็ 10 กว่าปีผ่านมาละนะ)
กลับมารวมแกงค์กันใหม่เพราะต่างคนต่างรักการวิ่งเหมือนกัน
โดยเฉพาะการวิ่งเทรล งานนี้ไปด้วยกันทั้งหมด 4 คน

จริงๆระหว่างจะถึงวันไปนี่ก็คิดอยู่ในใจว่า ผีป่าอะไรเข้าสิง
เพราะว่าตัดสินใจแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เพื่อนๆคนอื่นก็เหมือนกัน
พอชวนปุ๊บก็ตกปากรับคำไปกันทันที ทั้งๆที่กลัวทากกันสุดใจขาดดิ้น
แล้วพอเริ่มบอกใครๆก็มีแต่คนหาว่าบ้า ในการวิ่งขึ้นภูกระดึง

ก็คนมันไม่รู้จักเสือ มันก็ไม่รู้ว่าเสือน่ากลัวยังไงใช่มั้ย
เราก็ไปแบบไม่รู้จักภูกระดึงนี่แหละ

ระหว่างที่จะขึ้นภู ถามว่าฟิตซ้อมอะไรมั้ย
คือ ปกติแล้วออกกำลังกายทุกวันค่ะ วิ่งวันละ 5 กิโล หรือครึ่งชั่วโมง
หรือเล่นโยคะ เล่นเวทอะไรไปตามอารมณ์ วันไหนอยากเล่นอะไรก็เล่น
ช่วงเดือนก่อนเจ็บเข่าพักไปสองอาทิตย์
พอกลับมาวิ่งแล้วก็เลยไม่กล้าวิ่งเยอะมาก จะ max ไว้ที่ 5 กิโล
(แต่ปกติก็คือ สามารถวิ่งได้ถึง 10 กิโลตอนซ้อม)
แล้วก็เน้นเล่นเวทขามากขึ้น เพราะอาการเจ็บเข่ามันฟ้องว่า
กล้ามเนื้อขายังไม่แข็งแรงพอจะทนทานการวิ่งที่เร็วขึ้นและนานขึ้นได้
เพราะงั้นก็เรียกได้ว่า แทบจะไม่ได้ซ้อมอะไรผิดจากวันปกติ

มาถึงวันเดินทางไปกัน

วันเสาร์ที่ 3 เราบินจากกทม.ไปขอนแก่น แล้วต่อรถไปเชิงภูเพื่อรับเสื้อและเบอร์
อย่าหาว่าเรากระแดะบินไปเลย
เพราะยังไงเราก็ยอมรับว่าเราเป็นสาวออฟฟิศกทม.ที่รักความสบาย
การไปวิ่งขึ้นภูกระดึงเป็นรายการทรหด แต่เราก็คิดว่า
เราไม่ต้องทรหดกันตลอดทางก็ได้นะ พักสบายๆ เดินทางสบายๆ
เก็บแรงเอาไว้วิ่งกันดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 4 เราตื่นกันตั้งแต่ตีสี่นิดๆ
แต่งตัว แต่งหน้า (เพื่อนๆชินแล้วกับการที่เราจะตื่นมากรีดตาก่อนไปวิ่ง
คือ เป็นคนมีคอนเซปท์ที่ว่า ฟอร์มวิ่งเป็นไงไม่รู้ แต่ชั้นต้องสวยไว้ก่อน)  
ขอรีวิวไว้ตรงนี้สำหรับสาวห้องแป้งเลยว่า eyeliner dolly wink มันเริ่ดมากอะไรมาก
วิ่งเสร็จแล้วตายังไม่เป็นแพนด้าเลย ยังสวยอยู่ได้

พอเราหยิบถุงมือออกมาใส่ ก็โดนเพื่อนหัวเราะเยาะว่า
แกจะเยอะไปละนะ จะใส่ถุงมือทำไม เราก็บอกว่า เอาไว้ปีนไงแก



แล้วก็มาได้หัวเราะเยาะเพื่อนคืนตอนถึงเส้นชัยแล้ว
ระหว่างที่ปีนขึ้นภูนั้นจำเป็นต้องโหน จับ เกาะอะไรมากมาย
มีถุงมือนี่ช่วยให้สบายขึ้นเยอะ ตอนนี้ก็คิดจะซื้อถุงมือเหมือนกันแล้วล่ะสิ



เริ่มออกตัวกันตอน 6 โมงเช้า ก่อนออกตัวก็ตกลงกันในกลุ่มแล้วว่า
ไปเลย แล้วเจอกันเส้นชัย พวกเราสาวๆแกงค์นี้ไม่ใช่ประเภท วิ่งรอกัน
เธอทิ้งชั้น ชั้นจะโกรธเธอ ไม่ยอมรอ อะไรแบบนี้ ไม่ใช่ไง



จะบอกว่า บ้าพลังก็ว่าได้ คือ ใครซ้อมมาดี ใครอึดกว่าก็ไปก่อนเลย
(เราแยกกันซ้อม ปกติเจอกันเฉพาะในอีเวนท์วิ่งอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ซ้อมด้วยกัน)
เราพอเริ่มสตาร์ทก็วิ่งออกมาก่อน พยายามแซงเพื่อเอาพื้นที่ข้างหน้า เนื่องจากกลัวคนติด
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้าเพื่อนๆคือ จุดสตาร์ท แล้วก็ไม่เจออีกเลยจนเส้นชัย

ซำแฮกนั้นเหนื่อยสมชื่อจริงๆ เราใช้เวลาปีนซำนี้ 16 นาทีกว่าๆ
ซึ่งทำให้ท้อใจมาก เพราะตอนแรกตั้งใจว่าจะถึงเส้นชัยก่อน 1.30 ชั่วโมง
แต่พอเจอซำแฮกเข้าไปก็ถอดใจเลยว่า คงไม่ทันแน่
แต่ว่าบางช่วงมันวิ่งไม่ได้ และต้องปีนกันอย่างจริงจัง
และรู้สึกเลยว่า ยืดกล้ามเนื้อก่อนวิ่งมาไม่พอ วอร์มมาไม่พอ
ไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้ คือ พอยืดกล้ามเนื้อมาไม่พอ ก็เกิดอาการล้าเร็วมาก
ทำให้มีผลกับการวิ่งที่เหลือตลอดเส้นทางที่เป็นทางปีนขึ้น

แต่เรามีความตั้งใจอย่างหนึ่งคือ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็จะไม่หยุดพักเด็ดขาด

พอเข้าซำที่สองจนถึงก่อนซำสุดท้ายก็วิ่งทางราบ และเดินทางชัน
ตรงที่มีทางราบก็ดีหน่อย พอทำเวลาได้ แต่พอต้องปีนนี่กล้ามเนื้อก็ร้องเลย

พอมาถึงซำสุดท้าย เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ก็บอกว่า ซำสุดท้ายแล้วจะถึงหลังแป
เราถามว่ามันยากมั้ย เค้าบอกว่า โหดสุด ทางยากกว่านี้นะ
ซำนี้เราเลยจัดไป 28 นาทีได้ มาเสียเวลาที่ซำนี้เยอะเกินไปมากๆ
มีคนแซงเราขึ้นไปหลายคนที่ซำนี้
ไม่ใช่เพราะเราเหนื่อย แต่เพราะปีนแบบงกๆเงิ่นๆ คนไม่เคยขึ้นภู
ไม่เคยปีนเขา คุณลุงท่านหนึ่งที่ปีนผ่านไปก็บอกว่า ปีนมาแล้ว 2-3 ภู
นี่เราเพิ่งปีนเป็นหนแรก โดนแซงซะท้อใจเพราะโดนคุณป้าวัย 60 แซงขึ้นไป
ในใจคิดว่า เดี๋ยวให้ถึงหลังแปก่อนนะ สาวกรุงเทพฯอาจจะไม่เหมาะกับทางแบบนี้
แต่รอให้ถึงทางราบก่อนเถอะ

พอขึ้นถึงหลังแปได้ก็รู้สึกว่า โอ้ว สวรรค์มาแล้ว
เลยจัดเต็มใส่สปีดเท่าที่แรงที่เหลืออยู่จะพอทำได้
ก็พยายามแซงผู้หญิงทุกคนที่เราเห็นอยู่ข้างหน้า ซึ่งแซงได้ทุกคนจริงๆ
แต่สปีดนี้ก็ยังไม่ใช่สปิดที่ปกติวิ่งได้ข้างล่าง
เข้าใจว่าเป็นเพราะความสูงของภู พื้นที่เป็นทรายและแรงที่ใช้ในการปีนภูไปบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่วิ่งขึ้นมาพร้อมๆกันก็เข้ามาทักว่าติดเหรียญมั้ย
ซึ่งไม่ติด หลายคนก็เสียดายแทน เพราะว่าน่าจะติดเหรียญสักรางวัลหนึ่ง
พอเข้าไปเช็คเวลา เราก็เข้ามาเป็นที่ 4 ... เค้าแจก 3 รางวัล

(ถ้ามีใครทักท้วงเรื่องตำแหน่งก็ยินดีนะคะ
เพราะตอนไปลงชื่อกับเวลาก็เช็คแล้วว่า ไม่มีใครคั่นเรา
ระหว่างที่ 3 กับเวลาของเรา ไปเช็ค 2-3 รอบเพื่อความแน่ใจ)

คือจะบอกว่า งานที่แล้ววิ่งที่งานพันท้ายนรสิงห์
เราก็เข้าที่ 6 เค้าแจกกัน 5 รางวัล โดนแซงตอนกิโลสุดท้าย
แล้วเราสปรินท์ตามไม่ไหว เจ็บใจเป็นงานที่ 2 ติดต่อกัน

แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเอาชนะตัวเองที่สามารถขึ้นภูมาได้ด้วยเวลา 1.55 นาที
ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเป็นเวลาที่มากแล้ว แต่พอเจ้าหน้าที่ หรือคนขายของบนนั้นถามว่า
เราใช้เวลาขึ้นมาเท่าไหร่ พอบอกว่า ใช้เวลา 1.55 ชั่วโมงค่ะ
ก็มีแต่คนทำตาโตว่า โห ขึ้นมาได้อย่างไร เวลาเท่านี้
เลยเพิ่งรู้ว่า คนปกติเดินขึ้นภูเค้าใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง ..
ส่วนเพื่อนๆตามกันขึ้นมาที่ 2.15, 2.25, และ 2.28
(เถลไถลถ่ายรูปเล่นอีกต่างหาก เชื่อนางเลย)







เป็นงานที่สนุกดีนะคะ ใครที่คิดว่าอยากลองวัดพลังของตัวเอง
ปีหน้าเค้าจะจัดอีกรอบเดือนมีนาคม
ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นี่ก็ถามว่า ปีหน้ามาอีกมั้ย
ก็บอกเลยว่า เอ่อ ครั้งหนึ่งในชีวิตก็คงพอแล้วมั้งคะ ^^

แต่ก็รอดูปีหน้าอีกทีนึงแล้วกันค่ะ
เพราะว่าตอนนี้อยากไปไตรกีฬาสามเหลี่ยมทองคำ
ที่เค้าจัดพร้อมกันปีนี้ ถ้าปีหน้ามีงานไตรกีฬาจะไปงานนั้น
ลงทีมผลัดกับแฟนและหาเพื่อนอีกคนมาปั่นจักรยาน

ป.ล.1 หลังจากขึ้นเขามาในเวลาสองชั่วโมงครึ่ง
ก็พากันไปขี่จักรยานไปผาหล่มสัก ไปกลับ 18 กิโล
ซึ่งไม่เคยขี่จักรยานนอกยิมมานานมากแล้ว คนละแบบเลยจริงๆ
ซึ่งเหนื่อยกว่าวิ่งอีก ครั้งหน้าขอวิ่งไปกลับแทนแล้วกัน (ถ้ามีครั้งหน้า)



ป.ล.2 จะบอกว่าขาขึ้นรวมปั่นจักรยาน ร่างกายโอเคมาก ไม่ปวด ไม่เป็นอะไร
แต่พอขาลงเท่านั้นแหละ กลับบ้านมาปวดน่องเลย สาหัสกว่าขาขึ้น+ปั่นจักรยานอีก





ป.ล.3 ขึ้นไปตลกรับประทานที่ผาหล่มสัก
หลอกล่อร้านชมพู่มะเหมี่ยวได้โกโก้ร้อนพร้อมโปสการ์ดฟรีมาได้
ขอบพระคุณที่เอ็นดูพวกเรามากๆค่ะ ชอบน้ำใจคนบนภูกระดึงมากๆ
บราวนี่อร่อยมาก โดยเฉพาะหลังจากปั่นจักรยานมา 9 กิโล



ป.ล. 4 อย่าคิดว่าอายุเป็นอุปสรรคในการออกกำลังกาย
รายการแข่งนี้มีคนอายุเกิน 40 มาแข่งกันมากสุดในรายการที่เคยแข่งมา
เราโดยคุณป้าอายุ 60 แซงพรวดขึ้นไปเลย ช็อคมาก
(แต่แซงกลับได้นะคะ ไม่งั้นกลับบ้านนอนไม่หลับเป็นแน่แท้)

ป.ล.5 (จะเยอะไปไหน) เจอกันงานหน้า Columbia trail ที่แก่งกระจาน ^^

http://www.facebook.com/ihealthdiary
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่