เวลา 13.00 น หลังจากรับประทานก๋วยเตี๋ยวกั้ง เมนูชื่อดังย่านบ้านเพ จาก wongnai ก็ได้แชร์ตำแหน่งแบ่งปันให้พี่ท่านหนึ่งทราบ พี่เขาคิดว่าเราจะไปเสม็ดกัน เราจึงรู้สึกอยากไปเสม็ดขึ้นมาทันทีโดยไม่มีเหตุผล จากแผนเดิมที่จะไปแค่หาดสวนสนแค่นั้น

ผมตะเวนหาท่าเรือข้ามฝากแถวๆนั้นทันที โดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย คิดสดๆกันตอนนั้นเลย ที่พักก็ไม่ได้จอง ไปหามองเอาดาบหน้า เผื่อมีว่าง ถ้าไม่มีก็กลับบ้าน เราได้ซื้อตั๋วเรือไป-กลับในราคาคนละ 120 บาท(มาทราบภายหลังว่าราคา 100 บาท โดนเอาเปรียบเข้าให้แล้ว)

นับเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ได้นั่งเรือที่แล่นในทะเล ทำให้นึกถึงคราวที่ไปเที่ยวเกาะสีชัง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะถ่ายรูป และ แชร์ให้เพื่อนๆทราบกัน นอกจากคลื่นทะเลแรงแล้ว คลื่นโทรศัพท์กลางทะเลก็แรงไม่แพ้กัน แชทมันจุงเบย
เมื่อเรือถึงเกาะก็ได้พบกับรูปปั้นผีเสื้อสมุทรขนาดใหญ่มาก เฝ้าต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ ผู้คนก็ถ่ายรูปนางกันจัง ผมก็คิดจะถ่ายนะแต่เวลามีไม่มาก เพราะต้องไปหาที่พักกันก่อน
พอเห็นรถโดยสารสีเขียวเราก็เดินดิ่งเข้าไปเลย เขาก็ถามนะว่า ไปหาดทรายแก้วมั้ย เราก็ไม่รอช้าล่ะ รีบพยักหน้าและขึ้นรถทันที ทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำหาดทายแก้วอยู่ไหน มีอะไร สวยหรือเปล่า
ภาพแรกที่เห็นทางเข้าหาดทรายแก้วค่อนข้างไม่ประทับใจเท่าไร เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบ แดดก็ร้อน มีห้องพักว่างด้วย แต่ผมไม่ชอบสักเท่าไร จึงต้องใช้ความหวังสุดท้ายจากอากู๋ หรือ กูเกิ้ลนั่นเอง อากู๋ บวก พันทิป จึงได้ออกมาว่า อ่าวพร้าว เงียบสงบดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการพอดี จึงรีบต่อรถไปอ่าวพร้าวทันที ช่วงนี้ทางกำลังปรับปรุงเส้นทางให้เป็นถนนคอนกรีต แต่ก็ยังไม่เสร็จดีนัก มีบ่อโคลนที่เกิดจากฝนตกอีกต่างหาก ได้บรรยากาศผจญภัยไปอีกแบบ

อ่าวพร้าวคนน้อยมากเลย และที่พักค่อนข้างมีราคาแพง จึงหมดหวังที่จะพักที่นี่แน่นอน ได้แต่นั่งอึ้งกันสักพักหน้ารีสอร์ทหรู ว่าจะทำยังไงต่อดี ทันใดนั้นเองก็เหลือบเห็นห้องอาบน้ำริมหาดมีบริการเช่าเตียงนอน จึงรีบใช้บริการเช่าเตียงริมหาดทันที
ชายหาดหันไปทางทิศทะวันตกพอดีทำให้มองทะเลแสบตายิ่งนั่ง เราจึงแก้ปัญหาโดยการไปนั่งแช่ในน้ำทะเลใส น้ำทะเลใสจริงๆนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าปีที่แล้วมันเคยดำเพราะคราบน้ำมันเต็มหาดไปหมด

แสงแดดเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เราจึงต้องรีบเตรียมตัวกลับแล้วเพราะไม่มีที่พักสำหรับเราในคืนนี้ เราได้เหมารถสีเขียวกลับท่าเรือในตอนแรกนั้นราคา 250 บาท ผมว่าแพงไปนะ แต่ก็ช่างเถอะ รถโดยสารถึงอ่าวไข่ก็มีผู้โดยสารขึ้นมากับเราด้วย พี่เขาก็มาแนวเดียวกับเราเช่นกัน คือ ไม่มีที่พักก็กลับ ไม่ซีเรียสดี เมื่อถึงท่าเรือค่าโดยสารจึงถูกหารลงเหลือเพียง 100 บาทเท่านั่น นับว่ายุติธรรม

ระหว่างรอเรือมารับเราได้ไปอำลานางผีเสื้อสมุทรและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับนางด้วย เห็นวิวบ้านเพไกลๆจากเกาะเสม็ด ท่องฟ้าสีแดงอมน้ำเงิน ให้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจอยากบอกไม่ถูก อยากจะอยู่ต่อ แต่ ที่พักก็ไม่มี เศร้าจัง
และแล้วเรือก็มารับเราตอนประมาณ 20.00 น. เราจึงได้เห็นเกาะเสม็ดเวลากลางคืน ที่มีแสงไฟสวยงามประดับประดา ดาวที่อยู่บนฟ้าช่างสวยงาม อะไรจะดีอย่างนี้ มีชาวต่างชาติสูบบุหรี่ อยากจะหนีก็หนีไปไม่ได้ และถ้ามีโอกาสมาเยือนอีกครั้งแน่นอน
ไปเสม็ดครั้งแรก ประทับใจมากครับ
เวลา 13.00 น หลังจากรับประทานก๋วยเตี๋ยวกั้ง เมนูชื่อดังย่านบ้านเพ จาก wongnai ก็ได้แชร์ตำแหน่งแบ่งปันให้พี่ท่านหนึ่งทราบ พี่เขาคิดว่าเราจะไปเสม็ดกัน เราจึงรู้สึกอยากไปเสม็ดขึ้นมาทันทีโดยไม่มีเหตุผล จากแผนเดิมที่จะไปแค่หาดสวนสนแค่นั้น
ผมตะเวนหาท่าเรือข้ามฝากแถวๆนั้นทันที โดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย คิดสดๆกันตอนนั้นเลย ที่พักก็ไม่ได้จอง ไปหามองเอาดาบหน้า เผื่อมีว่าง ถ้าไม่มีก็กลับบ้าน เราได้ซื้อตั๋วเรือไป-กลับในราคาคนละ 120 บาท(มาทราบภายหลังว่าราคา 100 บาท โดนเอาเปรียบเข้าให้แล้ว)
นับเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ได้นั่งเรือที่แล่นในทะเล ทำให้นึกถึงคราวที่ไปเที่ยวเกาะสีชัง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะถ่ายรูป และ แชร์ให้เพื่อนๆทราบกัน นอกจากคลื่นทะเลแรงแล้ว คลื่นโทรศัพท์กลางทะเลก็แรงไม่แพ้กัน แชทมันจุงเบย
เมื่อเรือถึงเกาะก็ได้พบกับรูปปั้นผีเสื้อสมุทรขนาดใหญ่มาก เฝ้าต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ ผู้คนก็ถ่ายรูปนางกันจัง ผมก็คิดจะถ่ายนะแต่เวลามีไม่มาก เพราะต้องไปหาที่พักกันก่อน
พอเห็นรถโดยสารสีเขียวเราก็เดินดิ่งเข้าไปเลย เขาก็ถามนะว่า ไปหาดทรายแก้วมั้ย เราก็ไม่รอช้าล่ะ รีบพยักหน้าและขึ้นรถทันที ทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำหาดทายแก้วอยู่ไหน มีอะไร สวยหรือเปล่า
ภาพแรกที่เห็นทางเข้าหาดทรายแก้วค่อนข้างไม่ประทับใจเท่าไร เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบ แดดก็ร้อน มีห้องพักว่างด้วย แต่ผมไม่ชอบสักเท่าไร จึงต้องใช้ความหวังสุดท้ายจากอากู๋ หรือ กูเกิ้ลนั่นเอง อากู๋ บวก พันทิป จึงได้ออกมาว่า อ่าวพร้าว เงียบสงบดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการพอดี จึงรีบต่อรถไปอ่าวพร้าวทันที ช่วงนี้ทางกำลังปรับปรุงเส้นทางให้เป็นถนนคอนกรีต แต่ก็ยังไม่เสร็จดีนัก มีบ่อโคลนที่เกิดจากฝนตกอีกต่างหาก ได้บรรยากาศผจญภัยไปอีกแบบ
อ่าวพร้าวคนน้อยมากเลย และที่พักค่อนข้างมีราคาแพง จึงหมดหวังที่จะพักที่นี่แน่นอน ได้แต่นั่งอึ้งกันสักพักหน้ารีสอร์ทหรู ว่าจะทำยังไงต่อดี ทันใดนั้นเองก็เหลือบเห็นห้องอาบน้ำริมหาดมีบริการเช่าเตียงนอน จึงรีบใช้บริการเช่าเตียงริมหาดทันที
ชายหาดหันไปทางทิศทะวันตกพอดีทำให้มองทะเลแสบตายิ่งนั่ง เราจึงแก้ปัญหาโดยการไปนั่งแช่ในน้ำทะเลใส น้ำทะเลใสจริงๆนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าปีที่แล้วมันเคยดำเพราะคราบน้ำมันเต็มหาดไปหมด
แสงแดดเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เราจึงต้องรีบเตรียมตัวกลับแล้วเพราะไม่มีที่พักสำหรับเราในคืนนี้ เราได้เหมารถสีเขียวกลับท่าเรือในตอนแรกนั้นราคา 250 บาท ผมว่าแพงไปนะ แต่ก็ช่างเถอะ รถโดยสารถึงอ่าวไข่ก็มีผู้โดยสารขึ้นมากับเราด้วย พี่เขาก็มาแนวเดียวกับเราเช่นกัน คือ ไม่มีที่พักก็กลับ ไม่ซีเรียสดี เมื่อถึงท่าเรือค่าโดยสารจึงถูกหารลงเหลือเพียง 100 บาทเท่านั่น นับว่ายุติธรรม
ระหว่างรอเรือมารับเราได้ไปอำลานางผีเสื้อสมุทรและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับนางด้วย เห็นวิวบ้านเพไกลๆจากเกาะเสม็ด ท่องฟ้าสีแดงอมน้ำเงิน ให้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจอยากบอกไม่ถูก อยากจะอยู่ต่อ แต่ ที่พักก็ไม่มี เศร้าจัง
และแล้วเรือก็มารับเราตอนประมาณ 20.00 น. เราจึงได้เห็นเกาะเสม็ดเวลากลางคืน ที่มีแสงไฟสวยงามประดับประดา ดาวที่อยู่บนฟ้าช่างสวยงาม อะไรจะดีอย่างนี้ มีชาวต่างชาติสูบบุหรี่ อยากจะหนีก็หนีไปไม่ได้ และถ้ามีโอกาสมาเยือนอีกครั้งแน่นอน