*****เวลาไม่สามารถย้อนกลับมาได้ ทุกๆคนต่างรู้ .........แต่จะมีกี่คนที่เข้าใจและรู้สึกกับมันจริง*****
ผมเขียนเรื่องราวต่างๆจากเรื่องจริง แม้มันเป็นความทรงจำสั่นๆ ที่ผมจำมันได้ชัดเจน และแอบหวังเล็กๆเผื่อว่าเธอคนนั้นผ่านมา จะได้รู้ว่าผมยังคิดถึงคุณ
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่บนเกาะแห่งนี้ เกาะหลี่เป๊ะ เกาะที่ใครก็รู้จักมันในนามสวรรค์แห่งอันดามัน หลังจากที่ผมทำงานมา
เกือบสัปดาห์และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมอยู่ที่นี้ ตอนนี้เป็นเช้าวันพฤหัส ผมตื่นนอนแต่เช้าเตรียมเก็บกระเป๋า สัมภาระต่างๆ ผมจะ
ต้องไปให้ทันเรือรอบเช้าที่สุดสำหรับการเดินทางไปที่หาดใหญ่ เพื่อให้ทันขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ จริงอยู่ครับที่เกาะแห่งนี้เป็น
เกาะที่สวย แต่ผมขอแนะนำให้มาเป็นคู่ครับ หรือไม่ก็มากับครอบครัว แต่อย่ามาคนเดียวแบบผม เพราะคุณจะรู้สึกไม่มีตัวตนเลยก็เป็นได้
เกาะหลี่เป๊ะรถไม่ติดครับ จะมีแค่รถมอเตอร์ไซน์สองสามคันกับรถต่อพ่วงวิ่งในตอนเช้าทั้งเกาะ ทำให้ผมไปถึงโป๊ะเรือก่อนเวลา 20 นาที
เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพแล้ว ผมอาจจะพลาดการเดินทางครั้งนี้ก็ได้ แต่สำหรับที่นี่ผมคงจะมาเร็วเกินไป โป๊ะเรือเป็นโป๊ะขนาดกลาง
สามารถจุคนได้ 60 -100 คน ลอยอยู่กลางทะเล ใช้เวลา 2-3 นาทีนั่งเรือหางจากฝั่งมาถึงที่นี่ ซึ่งไม่ไกลนัก ขณะที่ผมไปถึงมีผู้โดยสารมา
รอขึ้นเรือไม่มากนัก เรือที่เรานั่งเดินทางกลับในวันนี้ชื่อเรือ “พลอยสยาม” ซึ่งมาจอดรอเราอยู่แล้ว หลังจากที่เราวางกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
ผมจึงเดินไปเอาตั๋วขึ้นเรือ ผมได้คิวที่ 39 ครับ ทุกอย่างก็ดูปกติดี มันควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าสายตาของผมมันไม่ไปสะดุดกับ
เธอคนนั้นเข้า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่ผมเจอเธอที่ถนนคนเดินเมื่อวานตอนเย็นๆ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสีทอง ดวงตาเป็นประกายสดใส
กำลังยุ่งกับการจัดกระเป๋าของเธออยู่ ผมว่าเธอน่าจะมาเที่ยวกับครอบครัวของเธอ คนที่นั่งข้างๆเธอก็น่าจะเป็นพ่อและแม่ของเธอ ผมยอมรับว่าเธอ
ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ผมเจอและคิดว่าน่ารักบนเกาะแห่งนี้ เธอไม่ได้ดูสวยไปกว่าสาวมาเลผิวขาว แต่งตัวเปรี้ยวๆ หรือฝรั่งผมแดงเลย แต่ที่สะดุดตาไปมากกว่าใครนั้นก็น่าจะเป็นดวงตาของเธอหลังจากที่ได้บัตรคิวเรือแล้ว ผมแอบยืนมองเธออยู่สักพัก เก้าอี้บนโป๊ะเรือ สามารถนั่งได้ทั้งสองฝั่ง
และสิ่งที่ผมทำไปโดยไม่คิด สิ่งแรกหลังจากนั้นคือผมแอบเนียนไปนั่งข้างหลังเธออย่างเงียบๆ ผมบอกได้คำเดียวครับว่าเธอน่ารัก ในใจผมแอบคิด
มันคงจะดีนะ ถ้าเราได้นั่งเรือลำเดียวกันกับขึ้นฝั่ง
รอเวลาไม่นานนัก เด็กเรือก็เรียกผู้โดยสารขึ้นเรือ โดยเรียกเข้าแถวเรียงลำดับตามคิว สิ่งที่ผมคิดไว้เป็นจริงครับ เธอยืนอยู่ข้างหน้าห่างจากผมไม่
ไกลนักไม่น่าจะเกิน 4 คนครับ จากนั้นเราก็ทยอยขึ้นเรือ หลังจากที่ลงเรือไป สิ่งแรกที่ทำมันไม่ใช่การหาที่นั่ง แต่ผมมองว่าเธออยู่ตรงไหนมากกว่า
เธอนั่งทางฝั่งซ้ายของเรือ มันยังพอมีที่ว่างเหลือบ้างเฉพาะด้านหน้า แต่ผมเลือกที่จะนั่ง ที่นั่งเล็กๆที่อยู่ทางขวามือขอเรือ ที่นั่งของผมอยู่เยื้องๆ
กับเธอครับ เรานั่งอยู่คละฝั่งกัน ผมต้องมองผ่านผู้ชายสองคนนั่งอยู่ตรงกลางของเรือเพื่อที่จะพอเห็นเธอบ้าง สถานการณ์แบบนี้แว่นดำสามารถ
ช่วยคุณได้จริงๆ ข้อแรกก็คือทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางไม่คิดว่าผมเป็นเกย์ ข้อสองก็คือไม่ทำให้เธอรู้ว่าผมแอบมองเธออยู่
หลังจากผู้โดยสารขึ้นครบแล้ว สักพักไม่เกิน 10 นาทีเรือก็เล่นออก สายลมอ่อนๆพัดผ่านมายังตัวเรือ บวกกับแสงแดดยามเช้าของเดือนเมษา
ที่มันไม่ต่างอะไรกับแดดตอนเที่ยงวัน กระทบลงบนใบหน้าของเธอ ผมคิดในใจ เธอพลาดแล้วละ เพราะตลอดการเดินทางเธอคงร้อนน่าดู
หลังจากที่เรือแล่นไปได้สักพักจู่ๆเรือก็หยุดเครื่องยนต์ลงที่กลางทะเล มันไม่น่าจะใช่สถานการณ์ปกติครับถ้าไม่จอดเพื่อเติมน้ำมัน(เถื่อน)หรือ
ไม่ก็คงจะโดนปล้น!!
24/04/57 ***เกาะหลี่เป๊ะ....................ผมคิดถึงคุณ****
ผมเขียนเรื่องราวต่างๆจากเรื่องจริง แม้มันเป็นความทรงจำสั่นๆ ที่ผมจำมันได้ชัดเจน และแอบหวังเล็กๆเผื่อว่าเธอคนนั้นผ่านมา จะได้รู้ว่าผมยังคิดถึงคุณ
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่บนเกาะแห่งนี้ เกาะหลี่เป๊ะ เกาะที่ใครก็รู้จักมันในนามสวรรค์แห่งอันดามัน หลังจากที่ผมทำงานมา
เกือบสัปดาห์และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมอยู่ที่นี้ ตอนนี้เป็นเช้าวันพฤหัส ผมตื่นนอนแต่เช้าเตรียมเก็บกระเป๋า สัมภาระต่างๆ ผมจะ
ต้องไปให้ทันเรือรอบเช้าที่สุดสำหรับการเดินทางไปที่หาดใหญ่ เพื่อให้ทันขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ จริงอยู่ครับที่เกาะแห่งนี้เป็น
เกาะที่สวย แต่ผมขอแนะนำให้มาเป็นคู่ครับ หรือไม่ก็มากับครอบครัว แต่อย่ามาคนเดียวแบบผม เพราะคุณจะรู้สึกไม่มีตัวตนเลยก็เป็นได้
เกาะหลี่เป๊ะรถไม่ติดครับ จะมีแค่รถมอเตอร์ไซน์สองสามคันกับรถต่อพ่วงวิ่งในตอนเช้าทั้งเกาะ ทำให้ผมไปถึงโป๊ะเรือก่อนเวลา 20 นาที
เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพแล้ว ผมอาจจะพลาดการเดินทางครั้งนี้ก็ได้ แต่สำหรับที่นี่ผมคงจะมาเร็วเกินไป โป๊ะเรือเป็นโป๊ะขนาดกลาง
สามารถจุคนได้ 60 -100 คน ลอยอยู่กลางทะเล ใช้เวลา 2-3 นาทีนั่งเรือหางจากฝั่งมาถึงที่นี่ ซึ่งไม่ไกลนัก ขณะที่ผมไปถึงมีผู้โดยสารมา
รอขึ้นเรือไม่มากนัก เรือที่เรานั่งเดินทางกลับในวันนี้ชื่อเรือ “พลอยสยาม” ซึ่งมาจอดรอเราอยู่แล้ว หลังจากที่เราวางกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
ผมจึงเดินไปเอาตั๋วขึ้นเรือ ผมได้คิวที่ 39 ครับ ทุกอย่างก็ดูปกติดี มันควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าสายตาของผมมันไม่ไปสะดุดกับ
เธอคนนั้นเข้า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่ผมเจอเธอที่ถนนคนเดินเมื่อวานตอนเย็นๆ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสีทอง ดวงตาเป็นประกายสดใส
กำลังยุ่งกับการจัดกระเป๋าของเธออยู่ ผมว่าเธอน่าจะมาเที่ยวกับครอบครัวของเธอ คนที่นั่งข้างๆเธอก็น่าจะเป็นพ่อและแม่ของเธอ ผมยอมรับว่าเธอ
ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ผมเจอและคิดว่าน่ารักบนเกาะแห่งนี้ เธอไม่ได้ดูสวยไปกว่าสาวมาเลผิวขาว แต่งตัวเปรี้ยวๆ หรือฝรั่งผมแดงเลย แต่ที่สะดุดตาไปมากกว่าใครนั้นก็น่าจะเป็นดวงตาของเธอหลังจากที่ได้บัตรคิวเรือแล้ว ผมแอบยืนมองเธออยู่สักพัก เก้าอี้บนโป๊ะเรือ สามารถนั่งได้ทั้งสองฝั่ง
และสิ่งที่ผมทำไปโดยไม่คิด สิ่งแรกหลังจากนั้นคือผมแอบเนียนไปนั่งข้างหลังเธออย่างเงียบๆ ผมบอกได้คำเดียวครับว่าเธอน่ารัก ในใจผมแอบคิด
มันคงจะดีนะ ถ้าเราได้นั่งเรือลำเดียวกันกับขึ้นฝั่ง
รอเวลาไม่นานนัก เด็กเรือก็เรียกผู้โดยสารขึ้นเรือ โดยเรียกเข้าแถวเรียงลำดับตามคิว สิ่งที่ผมคิดไว้เป็นจริงครับ เธอยืนอยู่ข้างหน้าห่างจากผมไม่
ไกลนักไม่น่าจะเกิน 4 คนครับ จากนั้นเราก็ทยอยขึ้นเรือ หลังจากที่ลงเรือไป สิ่งแรกที่ทำมันไม่ใช่การหาที่นั่ง แต่ผมมองว่าเธออยู่ตรงไหนมากกว่า
เธอนั่งทางฝั่งซ้ายของเรือ มันยังพอมีที่ว่างเหลือบ้างเฉพาะด้านหน้า แต่ผมเลือกที่จะนั่ง ที่นั่งเล็กๆที่อยู่ทางขวามือขอเรือ ที่นั่งของผมอยู่เยื้องๆ
กับเธอครับ เรานั่งอยู่คละฝั่งกัน ผมต้องมองผ่านผู้ชายสองคนนั่งอยู่ตรงกลางของเรือเพื่อที่จะพอเห็นเธอบ้าง สถานการณ์แบบนี้แว่นดำสามารถ
ช่วยคุณได้จริงๆ ข้อแรกก็คือทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางไม่คิดว่าผมเป็นเกย์ ข้อสองก็คือไม่ทำให้เธอรู้ว่าผมแอบมองเธออยู่
หลังจากผู้โดยสารขึ้นครบแล้ว สักพักไม่เกิน 10 นาทีเรือก็เล่นออก สายลมอ่อนๆพัดผ่านมายังตัวเรือ บวกกับแสงแดดยามเช้าของเดือนเมษา
ที่มันไม่ต่างอะไรกับแดดตอนเที่ยงวัน กระทบลงบนใบหน้าของเธอ ผมคิดในใจ เธอพลาดแล้วละ เพราะตลอดการเดินทางเธอคงร้อนน่าดู
หลังจากที่เรือแล่นไปได้สักพักจู่ๆเรือก็หยุดเครื่องยนต์ลงที่กลางทะเล มันไม่น่าจะใช่สถานการณ์ปกติครับถ้าไม่จอดเพื่อเติมน้ำมัน(เถื่อน)หรือ
ไม่ก็คงจะโดนปล้น!!