1. แบล็คฟอเรสท์เค้ก (Black Forest Cake)
ด้วยความขึ้นชื่อเสียงในเรื่อง เบียร์ ชนิทเซล (หมูทอดชุบเกล็ดขนมปัง) และเค้กอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ ‘เยอรมนี’ จะกลายเป็นสถานที่กินดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลก โดยเฉพาะเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน) และทุกวันนี้ ‘แบล็คฟอเรสท์เค้ก’ ก็เป็นเค้กที่ชื่นชอบของคนทั่วทั้งโลก
2. ทีรามิสุ (Tiramisu)
เค้กชื่อดังของอิตาลี ทำขึ้นจากเลดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีส และซาบากลิออเน ลือกันว่า ‘ทีรามิสุมี’ จุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่สองทำเค้กให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่า ส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาล จะช่วยให้คุณสามีนั้นมีพลังและแคล้วคลาดจากอันตราย มันเกิดขึ้นจากความรักและความห่วงใยนี่เอง (โรแมนติกจัง><)
3. แครมบรูเล่ (Creme Brulee)
แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ของอังกฤษ ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้นขนมสูตรเด็ดนี้ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่า คงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้อย่าง ‘แครมบรูเล่’ ได้ดีเท่าใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีสอีกแล้ว
4. แอปเปิ้ล พาย (Apple Pie)
และอีกเช่นเคย แม้ชื่อขนมนี้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดีเช่นกัน โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อนตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิ้ลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอน หรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิ้ลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาลูกค้านักชิมทุกที่ไป
5. นาไนโม บาร์ (Nanaimo Bars)
แคนาดานั้นขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน?? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่า กรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจาก เกาะแวนคูเวอร์ เมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจาก ฝีมือแม่บ้านท้องถิ่น ซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรงจัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสารและคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือเป็นอย่างมาก เราก็ชอบเช่นกัน ^^
6. บาคลาวา (Baklava)
ประวัติที่แท้จริงของ ‘บาคลาวา’ ยากที่จะระบุให้แน่ชัด ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจาก การนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับ ก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็นจุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความอร่อยเด็ดดวง
7. กุหลับ จามาน (Gulab Jamen)
ก้อนขนมปังหวานที่คงไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราดด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้ หน้าตาน่ากินสุดๆ และหวานสุดๆ ด้วย > <
8. ไดฟุกุ (Daifuku)
ขนมเจลลาตินทรงกลมนุ่มลิ้นจากแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศที่เต็มไปด้วยขนมนานาชนิด ‘ไดฟุกุ’ นิยมสอดไส้ด้วยถั่วแดงหวานหรือสตอเบอร์รี่ชิ้นโต โรยด้วยแป้งบางๆ สามารถหาซื้อทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น หาทานง่ายยิ่งกว่าอะไรดี
9. ฮาโล ฮาโล (Halo Halo)
ขนมเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ‘ฮาโล ฮาโล’ ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งไสของบ้านเรานัก โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวาน และน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา
10. ข้าวเหนียวมะม่วง
ปิดท้ายที่ของหวานไทยอันเลื่องชื่อ มะม่วงสุกเหลืองอร่ามทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดน้ำกะทิ ชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าใครก็ลองชิมก็ติดใจตามๆ กัน สามารถหาทานได้ทั่วไป ทั้งร้านในตลาด ร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมต่างๆ Thailand Only ของเค้าดีจริงอะไรจริง .. ใครชอบทานขนมเป็นชีวิตจิตใจล่ะก็ ลองหามาทานกันดูนะ
10 ขนมหวานยอดฮิตจากทั่วโลก
ด้วยความขึ้นชื่อเสียงในเรื่อง เบียร์ ชนิทเซล (หมูทอดชุบเกล็ดขนมปัง) และเค้กอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ ‘เยอรมนี’ จะกลายเป็นสถานที่กินดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลก โดยเฉพาะเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน) และทุกวันนี้ ‘แบล็คฟอเรสท์เค้ก’ ก็เป็นเค้กที่ชื่นชอบของคนทั่วทั้งโลก
2. ทีรามิสุ (Tiramisu)
เค้กชื่อดังของอิตาลี ทำขึ้นจากเลดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีส และซาบากลิออเน ลือกันว่า ‘ทีรามิสุมี’ จุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่สองทำเค้กให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่า ส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาล จะช่วยให้คุณสามีนั้นมีพลังและแคล้วคลาดจากอันตราย มันเกิดขึ้นจากความรักและความห่วงใยนี่เอง (โรแมนติกจัง><)
3. แครมบรูเล่ (Creme Brulee)
แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ของอังกฤษ ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้นขนมสูตรเด็ดนี้ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่า คงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้อย่าง ‘แครมบรูเล่’ ได้ดีเท่าใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีสอีกแล้ว
4. แอปเปิ้ล พาย (Apple Pie)
และอีกเช่นเคย แม้ชื่อขนมนี้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดีเช่นกัน โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อนตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิ้ลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอน หรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิ้ลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาลูกค้านักชิมทุกที่ไป
5. นาไนโม บาร์ (Nanaimo Bars)
แคนาดานั้นขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน?? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่า กรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจาก เกาะแวนคูเวอร์ เมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจาก ฝีมือแม่บ้านท้องถิ่น ซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรงจัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสารและคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือเป็นอย่างมาก เราก็ชอบเช่นกัน ^^
6. บาคลาวา (Baklava)
ประวัติที่แท้จริงของ ‘บาคลาวา’ ยากที่จะระบุให้แน่ชัด ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจาก การนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับ ก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็นจุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความอร่อยเด็ดดวง
7. กุหลับ จามาน (Gulab Jamen)
ก้อนขนมปังหวานที่คงไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราดด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้ หน้าตาน่ากินสุดๆ และหวานสุดๆ ด้วย > <
8. ไดฟุกุ (Daifuku)
ขนมเจลลาตินทรงกลมนุ่มลิ้นจากแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศที่เต็มไปด้วยขนมนานาชนิด ‘ไดฟุกุ’ นิยมสอดไส้ด้วยถั่วแดงหวานหรือสตอเบอร์รี่ชิ้นโต โรยด้วยแป้งบางๆ สามารถหาซื้อทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น หาทานง่ายยิ่งกว่าอะไรดี
9. ฮาโล ฮาโล (Halo Halo)
ขนมเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ‘ฮาโล ฮาโล’ ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งไสของบ้านเรานัก โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวาน และน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา
10. ข้าวเหนียวมะม่วง
ปิดท้ายที่ของหวานไทยอันเลื่องชื่อ มะม่วงสุกเหลืองอร่ามทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดน้ำกะทิ ชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าใครก็ลองชิมก็ติดใจตามๆ กัน สามารถหาทานได้ทั่วไป ทั้งร้านในตลาด ร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมต่างๆ Thailand Only ของเค้าดีจริงอะไรจริง .. ใครชอบทานขนมเป็นชีวิตจิตใจล่ะก็ ลองหามาทานกันดูนะ