.
ปรมาจารย์ท่านหนึ่งพำนักอย่างเรียบง่ายอยู่ในเมืองหลวง คหบดีและคนชั้นสูงต่างก็อยากจะได้เข้าพบและถวายของมีค่าต่อท่านแต่ท่านมักจะไม่รับ
วันหนึ่งคหบดีนำแจกันลายครามเก่าแก่อายุมากกว่าพันปีมาถวายท่าน คหบดีผู้นี้เป็นผู้ที่มีอุปการะคุณต่อวัดนี้มาก โดยปกติแล้วท่านมักจะไม่รับของถวายเช่นนี้ แต่ครั้งนี้ท่านรับและยังสั่งให้เก็บรักษาไว้ในกุฏิอีกด้วย ลูกศิษย์ทั้งหลายต่างก็แปลกใจเป็นอันมาก
แจกันนี้ถูกจัดวางไว้อย่างดีในบริเวณที่ท่านอาจารย์จะมองเห็นได้ตลอดเวลา พระเณรทั้งหลายในวัดถูกกำชับเรื่องการเข้าออกกุฏิอย่างเข้มงวด มีการวางกฎระเบียบเพิ่มขึ้นอีกหลายประการ จากที่เคยเข้าออกได้ตามสบายก็จะต้องระมัดระวังระวังมากขึ้น ต้องเดินเท้าเบาๆ ห้ามพูดคุยเสียงดัง แถมยังต้องจัดเวรยามดูแล ฯลฯ ไม่มีใครสักคนในวัดที่จะไม่รู้ถึงความล้ำค่าของแจกันนี้ ไม่มีใครสักคนที่จะไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ให้ความสำคัญกับแจกันนี้ขนาดไหน
แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกคนก็ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียง เพล้ง! ดังสนั่นมาจากกุฏินั้น เมื่อวิ่งเข้าไปดูก็พบว่า แจกันลายครามใบนั้นแตกกระจายอยู่กับพื้น โดยมีต้นเหตุคือแมวที่วิ่งไล่กวดกันมา… ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกนั้นเอง ท่านอาจารย์ก็ก้าวเข้ามาในห้องแล้วกล่าวว่า
“อืม…หมดภาระกันไปที เมื่อเรารับปากจะดูแลแจกันนี้ เราดูแลเต็มที่ แต่บัดนี้เราหมดภาระแล้ว”
คงจะดี หากพวกเราได้ฝึกใช้หลักคิดนี้เพื่อการดำเนินชีวิตบ้าง ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และรู้จักปล่อยวาง
เรียบเรียงโดย อาสาสมัครหมู่บ้านพลัม
ภาพ ฐิติพงษ์ เหลืองอรุณเลิศ บทความจากนิตยสาร Secret
http://www.secret-thai.com/
บทความอื่นๆเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่นี่
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.458836714178444.109925.164494073612711&type=3
เว็บไซต์หมู่บ้านพลัม
http://www.thaiplumvillage.org/
http://dhammaway.wordpress.com/2014/03/07/vase-zen/
.
อ่านนิทานเซ็น เรื่อง “แจกันลายคราม”
ปรมาจารย์ท่านหนึ่งพำนักอย่างเรียบง่ายอยู่ในเมืองหลวง คหบดีและคนชั้นสูงต่างก็อยากจะได้เข้าพบและถวายของมีค่าต่อท่านแต่ท่านมักจะไม่รับ
วันหนึ่งคหบดีนำแจกันลายครามเก่าแก่อายุมากกว่าพันปีมาถวายท่าน คหบดีผู้นี้เป็นผู้ที่มีอุปการะคุณต่อวัดนี้มาก โดยปกติแล้วท่านมักจะไม่รับของถวายเช่นนี้ แต่ครั้งนี้ท่านรับและยังสั่งให้เก็บรักษาไว้ในกุฏิอีกด้วย ลูกศิษย์ทั้งหลายต่างก็แปลกใจเป็นอันมาก
แจกันนี้ถูกจัดวางไว้อย่างดีในบริเวณที่ท่านอาจารย์จะมองเห็นได้ตลอดเวลา พระเณรทั้งหลายในวัดถูกกำชับเรื่องการเข้าออกกุฏิอย่างเข้มงวด มีการวางกฎระเบียบเพิ่มขึ้นอีกหลายประการ จากที่เคยเข้าออกได้ตามสบายก็จะต้องระมัดระวังระวังมากขึ้น ต้องเดินเท้าเบาๆ ห้ามพูดคุยเสียงดัง แถมยังต้องจัดเวรยามดูแล ฯลฯ ไม่มีใครสักคนในวัดที่จะไม่รู้ถึงความล้ำค่าของแจกันนี้ ไม่มีใครสักคนที่จะไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ให้ความสำคัญกับแจกันนี้ขนาดไหน
แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกคนก็ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียง เพล้ง! ดังสนั่นมาจากกุฏินั้น เมื่อวิ่งเข้าไปดูก็พบว่า แจกันลายครามใบนั้นแตกกระจายอยู่กับพื้น โดยมีต้นเหตุคือแมวที่วิ่งไล่กวดกันมา… ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกนั้นเอง ท่านอาจารย์ก็ก้าวเข้ามาในห้องแล้วกล่าวว่า
“อืม…หมดภาระกันไปที เมื่อเรารับปากจะดูแลแจกันนี้ เราดูแลเต็มที่ แต่บัดนี้เราหมดภาระแล้ว”
คงจะดี หากพวกเราได้ฝึกใช้หลักคิดนี้เพื่อการดำเนินชีวิตบ้าง ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และรู้จักปล่อยวาง
เรียบเรียงโดย อาสาสมัครหมู่บ้านพลัม
ภาพ ฐิติพงษ์ เหลืองอรุณเลิศ บทความจากนิตยสาร Secret
http://www.secret-thai.com/
บทความอื่นๆเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่นี่
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.458836714178444.109925.164494073612711&type=3
เว็บไซต์หมู่บ้านพลัม
http://www.thaiplumvillage.org/
http://dhammaway.wordpress.com/2014/03/07/vase-zen/
.