อ้างอิง:
http://pantip.com/topic/31934397
สุชาติ ศรีสุวรรณ : บาปใดที่ร่วมก่อ คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ มติชนออนไลน์
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือที่เรียกกันว่า "ศอ.รส." เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจของ
รัฐบาลที่รวมหน่วยงานด้านความมั่นคงของทั้งหมดไว้ด้วยกัน แลกเปลี่ยนข้อมูล ประเมินวิเคราะห์
สถานการณ์ และหาทางออกร่วมกัน
เป้าหมายคือทำอย่างไรให้ประเทศรักษาความมั่นคงภายในไว้ได้
ไม่มีใครในประเทศนี้ไม่รู้ว่า การเมืองมีกระบวนการจัดการตามภารกิจที่กำหนดเป้าหมายไว้แล้วจาก
กลไกที่อยู่คนละฝ่ายกับรัฐบาลแต่กุมอำนาจควบคุมทิศทางความเป็นไปได้มากกว่า
ฝ่ายรัฐบาลและผู้สนับสนุนรู้ เหมือนกับฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลรู้
การใช้อำนาจขององค์กรอิสระเพื่อจัดการให้บรรลุภารกิจดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทำกันแบบไม่ต้อง
ปิดบังซ่อนเร้นอะไร ทำกันแบบให้รู้กันว่า "จะเอาอย่างนี้มีอะไรหรือไม่"
แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจากคนที่เรียนรู้ประสบการณ์จากการช่วงชิงอำนาจ
ทั่วโลกว่า การมุ่งสู่ชัยชนะโดยทำลายหลักการการอยู่ร่วมกันเช่นนี้จะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น
เสียงเตือนเรื่อง "สงครามกลางเมือง" ดังอย่างร้องขอให้บันยะบันยังการใช้อำนาจโดยละเลยหลักการ
เสียบ้างดังมาอย่างต่อเนื่อง
แต่นั่นเป็นเสียงที่ดังจากคนอื่น จากคนที่ห่วงใยว่าประเทศชาติจะยับเยิน
ไม่ใช่เสียงเตือนจาก "ศอ.รส." ที่เป็นศูนย์รวมหน่วยงานความมั่นคง ที่เต็มไปด้วยข้อมูลความเคลื่อนไหว
อาจจะเป็นเพราะแม้จะรู้สึกไม่ต่างจากคนอื่น แต่เนื่องจาก ศอ.รส.เป็นหน่วยงานของรัฐ การแสดงท่าที
ต่อองค์กรอิสระซึ่งตั้งขึ้นมาตามรัฐธรรมนูญ ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องให้ความเกรงอกเกรงใจกัน
หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง หรือยังพอควบคุมสถานการณ์ได้ ศอ.รส.ขอไม่ร้องขอให้
แต่แล้วสถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น มีข่าวเรื่องเส้นตายของภารกิจ พร้อมแผนการที่จะสถาปนา
"รัฏฐาธิปัตย์" ขึ้นมาจากฝ่ายหนึ่ง โดยอีกฝ่ายหนึ่งท้าทายให้เร่งรีบดำเนินการ ทำนองว่าแล้วจะ
รู้ว่านรกมีจริง
ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นที่รับรู้ว่าหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะด้านการข่าวทำงานกันหาม
รุ่งหามค่ำเพื่อเช็กความเคลื่อนไหวในทุกช่องทาง
ที่สุดแล้ว "ศอ.รอ." ต้องเลือกที่จะมาบอกกล่าว ร้องขอต่อองค์กรอิสระว่า อย่าได้ทำลายเส้นบางเส้น
ที่อ่อนไหวต่อความมั่นคงของประเทศ
เป็นการบอกกล่าวเพื่อเตือนให้เห็นว่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นจะหนักหนาสาหัสต่อความมั่นคง
ของชาติ
สมควรที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซึ่งหากเกิดขึ้นแล้วยากจะเยียวยาแก้ไข
แต่การส่งเสียงเตือนนั้นเหมือนจะไม่มีความหมายอะไร
ภารกิจของฝ่ายที่ต้องการสร้าง "รัฏฐาธิปัตย์นอกระบบ" ยังเป็นความจำเป็น เป็นความยิ่งใหญ่เกินกว่า
ที่จะเหลียวหลังลังเลกับความเสี่ยงต่อความสูญเสียซึ่งจะสะเทือนต่อความมั่นคงตามที่ ศอ.รส.ร้องเตือน
ไม่ว่าความสูญเสียนั้นจะสาหัส มากมายและจะลุกลามรุนแรงแค่ไหน ไม่มีความสำคัญที่จะคำนึงถึงเท่า
กับภารกิจอันเป็นเป้าหมายต้องปฏิบัติ
การตอบโต้เพื่อให้เห็นว่าเสียงเตือนของ ศอ.รส.ว่าไม่ชอบธรรม ละเมิดอำนาจขององค์กรอิสระเกิดขึ้น
อย่างทันท่วงที
ข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคงที่พยายามจะบอกถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียนั้น ถูกมองว่าเป็นแผน
การถูกตีความว่าเป็นแผนการทางเมืองเพื่อทำลายองค์กรอิสระ
นี่เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง
ด้วยเป็นการสะท้อนถึงความแตกแยกที่แท้จริง หน่วยงานของรัฐที่ควรประสานเพื่อรักษาสภาพการ
อยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี กลับออกมาตอบโต้กันและกัน
เพื่อบรรลุภารกิจที่จะนำชัยชนะมาให้พวกตนฝ่ายตน ไม่มีใครรับรู้ถึงความหดหู่กันเกิดจากความว้าเหว่
ไร้ที่พึ่งพาของประชาชน
เหมือนประเทศนี้ คนกลุ่มหนึ่งที่มีอำนาจพร้อมที่จะให้เกิดอะไรขึ้นก็ได้ขอเพียงให้กลุ่มของตัวเองเป็น
ผู้ชนะ
ชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนที่เสี่ยงกับความสูญเสีย ความมั่นคงของประเทศจะสิ้นสลาย
ไม่มีความหมายมากไปกว่า "พวกข้าต้องชนะ"
อาจบางทีการเกิดมาเป็นประชาชนประเทศนี้ คงได้แต่ถามว่า "เราสร้างกรรมอะไรด้วยกันไว้จึงต้อง
มาเผชิญกับสภาพที่ชวนให้ต้องขนพองสยองเกล้าเช่นนี้"
..............
(ที่มา:มติชนรายวัน 20 เม.ย.2557)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398054169&grpid=&catid=02&subcatid=0207
คิดว่าบทความนี้ น่าจะแทนใจ ปชช.หลายๆ คนที่อึดอัดกับ กับบทบาทของ ศาลรธน.
และก็ เห็นว่า การเปรียบเปรย "อึ่งอ่างพองตัว อิอิ" ก็ไม่ขำไปด้วย .....
เพื่อนๆ หลายคน บอกว่า สาวเหลือน้อย ไม่เข้าใจ ... นักวิชาการย่อมสามารถวิพากษ์วิจารณ์ คำตัดสินของศาลได้
แต่ .... ผู้รับคำตัดสิน ต้องยอมรับ อย่างเดียว ... แล้วนักวิชาการ จะไปวิจารณ์ทำไม หากไม่มีใครสามารถนำ
คำวิเคราะห์ วิจารณ์โต้แย้ง นั้นไปใช้อ้างอิงได้
เสียดสี ถากถางกัน ทุกวันเรื่อง รัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจศาล
ปชช. อย่างดิฉัน กำลังสับสน ศาลเป็น GOD หรือ สั่งอะไรมาต้องรับปฏิบัติเท่านั้น
ไม่งั้น จะเป็น "อึ่งอ่างพองตัว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ่านบทความนี้ ตั้งแต่วันวาน แต่เขาพึ่งแปะใน เว็ป มาช้าดีกว่าไม่มาค่ะ
ไม่รับคำตัดสินของศาล "บ้านเมือง...ไม่มีขื่อ มีแป"
ทุกวันนี้ ก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว หลายคนอึดอัด แต่ก็ดีใจที่ยังมีรัฐบาล
ประทับใจ "๐๐๐๐๐ อึ่งอ่างพองตัว อิอิ ๐๐๐๐๐ ของคุณโพ้นฟ้า" ค่ะ ขอตอบหน่อย
สุชาติ ศรีสุวรรณ : บาปใดที่ร่วมก่อ คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ มติชนออนไลน์
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือที่เรียกกันว่า "ศอ.รส." เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจของ
รัฐบาลที่รวมหน่วยงานด้านความมั่นคงของทั้งหมดไว้ด้วยกัน แลกเปลี่ยนข้อมูล ประเมินวิเคราะห์
สถานการณ์ และหาทางออกร่วมกัน
เป้าหมายคือทำอย่างไรให้ประเทศรักษาความมั่นคงภายในไว้ได้
ไม่มีใครในประเทศนี้ไม่รู้ว่า การเมืองมีกระบวนการจัดการตามภารกิจที่กำหนดเป้าหมายไว้แล้วจาก
กลไกที่อยู่คนละฝ่ายกับรัฐบาลแต่กุมอำนาจควบคุมทิศทางความเป็นไปได้มากกว่า
ฝ่ายรัฐบาลและผู้สนับสนุนรู้ เหมือนกับฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลรู้
การใช้อำนาจขององค์กรอิสระเพื่อจัดการให้บรรลุภารกิจดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทำกันแบบไม่ต้อง
ปิดบังซ่อนเร้นอะไร ทำกันแบบให้รู้กันว่า "จะเอาอย่างนี้มีอะไรหรือไม่"
แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจากคนที่เรียนรู้ประสบการณ์จากการช่วงชิงอำนาจ
ทั่วโลกว่า การมุ่งสู่ชัยชนะโดยทำลายหลักการการอยู่ร่วมกันเช่นนี้จะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น
เสียงเตือนเรื่อง "สงครามกลางเมือง" ดังอย่างร้องขอให้บันยะบันยังการใช้อำนาจโดยละเลยหลักการ
เสียบ้างดังมาอย่างต่อเนื่อง
แต่นั่นเป็นเสียงที่ดังจากคนอื่น จากคนที่ห่วงใยว่าประเทศชาติจะยับเยิน
ไม่ใช่เสียงเตือนจาก "ศอ.รส." ที่เป็นศูนย์รวมหน่วยงานความมั่นคง ที่เต็มไปด้วยข้อมูลความเคลื่อนไหว
อาจจะเป็นเพราะแม้จะรู้สึกไม่ต่างจากคนอื่น แต่เนื่องจาก ศอ.รส.เป็นหน่วยงานของรัฐ การแสดงท่าที
ต่อองค์กรอิสระซึ่งตั้งขึ้นมาตามรัฐธรรมนูญ ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ต้องให้ความเกรงอกเกรงใจกัน
หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง หรือยังพอควบคุมสถานการณ์ได้ ศอ.รส.ขอไม่ร้องขอให้
แต่แล้วสถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น มีข่าวเรื่องเส้นตายของภารกิจ พร้อมแผนการที่จะสถาปนา
"รัฏฐาธิปัตย์" ขึ้นมาจากฝ่ายหนึ่ง โดยอีกฝ่ายหนึ่งท้าทายให้เร่งรีบดำเนินการ ทำนองว่าแล้วจะ
รู้ว่านรกมีจริง
ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นที่รับรู้ว่าหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะด้านการข่าวทำงานกันหาม
รุ่งหามค่ำเพื่อเช็กความเคลื่อนไหวในทุกช่องทาง
ที่สุดแล้ว "ศอ.รอ." ต้องเลือกที่จะมาบอกกล่าว ร้องขอต่อองค์กรอิสระว่า อย่าได้ทำลายเส้นบางเส้น
ที่อ่อนไหวต่อความมั่นคงของประเทศ
เป็นการบอกกล่าวเพื่อเตือนให้เห็นว่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นจะหนักหนาสาหัสต่อความมั่นคง
ของชาติ
สมควรที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซึ่งหากเกิดขึ้นแล้วยากจะเยียวยาแก้ไข
แต่การส่งเสียงเตือนนั้นเหมือนจะไม่มีความหมายอะไร
ภารกิจของฝ่ายที่ต้องการสร้าง "รัฏฐาธิปัตย์นอกระบบ" ยังเป็นความจำเป็น เป็นความยิ่งใหญ่เกินกว่า
ที่จะเหลียวหลังลังเลกับความเสี่ยงต่อความสูญเสียซึ่งจะสะเทือนต่อความมั่นคงตามที่ ศอ.รส.ร้องเตือน
ไม่ว่าความสูญเสียนั้นจะสาหัส มากมายและจะลุกลามรุนแรงแค่ไหน ไม่มีความสำคัญที่จะคำนึงถึงเท่า
กับภารกิจอันเป็นเป้าหมายต้องปฏิบัติ
การตอบโต้เพื่อให้เห็นว่าเสียงเตือนของ ศอ.รส.ว่าไม่ชอบธรรม ละเมิดอำนาจขององค์กรอิสระเกิดขึ้น
อย่างทันท่วงที
ข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคงที่พยายามจะบอกถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียนั้น ถูกมองว่าเป็นแผน
การถูกตีความว่าเป็นแผนการทางเมืองเพื่อทำลายองค์กรอิสระ
นี่เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง
ด้วยเป็นการสะท้อนถึงความแตกแยกที่แท้จริง หน่วยงานของรัฐที่ควรประสานเพื่อรักษาสภาพการ
อยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี กลับออกมาตอบโต้กันและกัน
เพื่อบรรลุภารกิจที่จะนำชัยชนะมาให้พวกตนฝ่ายตน ไม่มีใครรับรู้ถึงความหดหู่กันเกิดจากความว้าเหว่
ไร้ที่พึ่งพาของประชาชน
เหมือนประเทศนี้ คนกลุ่มหนึ่งที่มีอำนาจพร้อมที่จะให้เกิดอะไรขึ้นก็ได้ขอเพียงให้กลุ่มของตัวเองเป็น
ผู้ชนะ
ชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนที่เสี่ยงกับความสูญเสีย ความมั่นคงของประเทศจะสิ้นสลาย
ไม่มีความหมายมากไปกว่า "พวกข้าต้องชนะ"
อาจบางทีการเกิดมาเป็นประชาชนประเทศนี้ คงได้แต่ถามว่า "เราสร้างกรรมอะไรด้วยกันไว้จึงต้อง
มาเผชิญกับสภาพที่ชวนให้ต้องขนพองสยองเกล้าเช่นนี้"
..............
(ที่มา:มติชนรายวัน 20 เม.ย.2557)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398054169&grpid=&catid=02&subcatid=0207
คิดว่าบทความนี้ น่าจะแทนใจ ปชช.หลายๆ คนที่อึดอัดกับ กับบทบาทของ ศาลรธน.
และก็ เห็นว่า การเปรียบเปรย "อึ่งอ่างพองตัว อิอิ" ก็ไม่ขำไปด้วย .....
เพื่อนๆ หลายคน บอกว่า สาวเหลือน้อย ไม่เข้าใจ ... นักวิชาการย่อมสามารถวิพากษ์วิจารณ์ คำตัดสินของศาลได้
แต่ .... ผู้รับคำตัดสิน ต้องยอมรับ อย่างเดียว ... แล้วนักวิชาการ จะไปวิจารณ์ทำไม หากไม่มีใครสามารถนำ
คำวิเคราะห์ วิจารณ์โต้แย้ง นั้นไปใช้อ้างอิงได้
เสียดสี ถากถางกัน ทุกวันเรื่อง รัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจศาล
ปชช. อย่างดิฉัน กำลังสับสน ศาลเป็น GOD หรือ สั่งอะไรมาต้องรับปฏิบัติเท่านั้น
ไม่งั้น จะเป็น "อึ่งอ่างพองตัว"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไม่รับคำตัดสินของศาล "บ้านเมือง...ไม่มีขื่อ มีแป"
ทุกวันนี้ ก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว หลายคนอึดอัด แต่ก็ดีใจที่ยังมีรัฐบาล