อายุ 24 กับหนี้ 7 ล้าน

สวัสดีค่ะทุกคน พอดีเมื่อไม่นานมานี้ จขกท. ได้รู้ความลับบางอย่างที่คุณแม่เก็บไว้ ตอนนี้เซอร์ไพรส์มากค่ะบอกเลย 555

ตอนนี้ จขกท. อายุ 24 ปีค่ะ กำลังเรียนป.โท (วิชาชีพเฉพาะทาง) เกือบจบละค่ะ

เมื่อ 2-3 วันก่อน เปิดอกคุยกับคุณแม่ตามภาษาลูกผู้หญิง เริ่มเรื่องด้วยปัญหาภายในครอบครัวที่สะสมมานานเกิน 10 ปี (คุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่ด้วยกัน มีลูก 3 คน จขกท.เป็นคนสุดท้องค่ะ แต่ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นมาก) วันนั้นจขกท.รู้สึกอยากยุติปัญหาโดยเริ่มคุยกับคุณแม่คนแรกค่ะ จนสุดท้ายรู้ความจริงที่ว่า ..ตอนนี้ที่บ้านเป็นหนี้อยู่ 7 ล้านบาท.. เฮือก!

เดิมก็พอรู้อยู่บ้างนะคะว่าเป็นหนี้ แต่ที่ทราบคือประมาณ 2 ล้านบาท ในใจคิดว่า ชีวิตนี้คงหามาคืนได้ ..
ตอนนี้ หนี้ 7 ล้านบาท (เพิ่มจากเดิมตั้ง 5 ล้านแหน่ะ 555 ... หัวเราะทั้งน้ำตา) จขกท.คิดว่ายังไงก็ต้องหามาคืนให้ได้ (..มั้ยนะ)
*** เพิ่มเติมนะคะ 2 ล้านบาทตอนแรก คือเป็นหนี้ธนาคาร (แค่เงินต้นไม่รวมดอก) และ 5 ล้านที่เพิ่มขึ้นมาเพราะดอกเบี้ยจากธนาคารส่วนหนึ่ง และหยิบยืมมาเพิ่มอีกส่วนหนึ่งค่ะ ณ ปัจจุบันคือยืมเงินจากญาติมาโปะธนาคารหมดแล้ว รวมทั้งสิ้น 7 ล้านบาทค่ะ เมื่อก่อนที่รู้แค่นั้นเพราะไม่ได้ถามรายละเอียดจากคุณแม่ให้ชัดเจน

หนี้สินในตอนนี้ทั้งหมด คือการหยิบยืมคุณตา-คุณยาย และญาติพี่น้องค่ะ ไม่ได้กู้ธนาคาร หรือว่ากู้นอกระบบ
ถึงแม้จะเป็นการหยิบยืมญาติพี่น้อง คุณตาท่านอาจจะให้เปล่า แต่จขกท.ตั้งใจไว้ว่ายังไงก็ต้องคืนค่ะ ไม่คืนไม่ได้

หนี้สินที่เกิดทั้งหมด จขกท.คิดว่าคนในครอบครัวทั้ง 5 มีส่วนร่วมค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคนใดคนหนึ่ง ไม่อยากพูดถึงอดีตที่ผ่านมาค่ะ อยากคิดแก้ไขปัญหาข้างหน้ามากกว่า (จริงๆอดีตที่ผ่านมาจขกท.ก็เก็บมาคิดบ้างค่ะ เอาไว้เตือนไม่ให้พลาดอีก)

ประเด็นคือ ตอนนี้มันรู้สึกหน่วงๆ มันบอกไม่ถูก มันคิดวนไปวนมาไม่จบ เป็นห่วง ที่คิดตอนนี้ อย่างแย่ที่สุดถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ๆ แล้วเหลือเราคนเดียวที่จะต้องหาเงินมาใช้ เราจะทำได้มั้ย หรือเราจะหามาทันเวลาที่ทุกคนในครอบครัวยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้มั้ย

จขกท.ไม่ได้มาถามว่าควรทำอย่างไรดี เพราะรายละเอียดมันเยอะมาก

แต่สิ่งที่อยากได้ คือ อยากได้เรื่องราว ประสบการณ์การปลดหนี้ของแต่ละคนค่ะ อยากอ่านเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เผื่อเอาไปอ่านให้พี่ๆฟังเค้าจะได้ไม่ท้อ เผื่อเอาไว้สอนตัวเองในอนาคตค่ะ




ช่วยตอกย้ำจขกท.ที .. ปลดหนี้ 7 ล้าน .. มันไม่ยากเกินความสามารถใช้มั้ยคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เราตอนอายุ 42-43 ตกงาน (วิกฤตต้มยำกุ้ง)  มีหนี้ 6.8  ล้าน  ลูกสองคน สามีทำงานคนเดียวเงินเดือนถูกลดลง
ประมาณ 40% พูดง่ายๆ สองคนรายได้ลดลง 60%  มันก็ผ่านมาได้ค่ะ  ตอนนี้เราเป็นไทมา 3-4 ปีแล้ว  ไชโย !

คุณก็ต้องผ่านได้  เพราะเจ้าหนี้เขาไม่คิดดอกเบี้ย  แต่ของเราตอนดอกเบี้ยพีคที่สุดคือ 16-17% เราผ่อนเดือนละ
65,000 บาท  เป็นเงินต้น 2 พันกว่าบาท  อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ  2 พันกว่าบาทจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 22
พ่อผมเสียตั้งแต่ผมอายุ 16 เพิ่งเรียนอยู่ ม. 6 แม่ผมเป็นแม่บ้านไม่มีรายได้ มีน้องสาวหนึ่งคน น้องชายอายุ 4 ขวบในตอนนั้นอีกคน ตอนพ่อผมเสียมีหนี้สินทิ้งไว้หลายแสนบาท

หลังจบปริญญาตรี ผมทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ใช้หนี้แทนแม่ ปัจจุบันผมอายุ 30 กลางๆ เลี้ยงแม่ ส่งเสียน้องเรียนจนจบปริญญาตรี  ตอนนี้ผมมีทรัพย์สินทั้งหมด 16 ล้าน เงินทั้งหมดเกิดมาจากสองมือสองเท้าของตัวเอง ทำงานแลกมาอย่างสุจริตครับ

ที่เล่าก็แค่อยากให้มีกำลังใจ แม้ผมไม่ได้มีหนี้สินมากเท่าคุณ แต่ผมก็มีภาระรับผิดชอบมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในวันนี้ ผมสร้างมันมาด้วยตัวเอง

สู้ๆนะครับ ตั้งใจเรียนให้จบ หางานที่มั่นคงทำ คุณปลดหนี้ได้แน่ ขอแค่มีความพยายาม และไม่ยอมแพ้
ความคิดเห็นที่ 23
เข้ามาเป็นเพื่อน "สมาคมนิยมหนี้"  
2546               แม่กู้ปลูกตึก ทำกิจการ ส่ง 16,500/ด   15ปี
2546-2552       กิจการดีมากๆ ใช้จ่ายกันหนุกหนาน
2553 เป็นต้นมา   กิจการไปไม่ไหว  เริ่มทรุด และเริ่มขาดส่ง เกือบปี ดอกทบ ทวีคูณ มานั่งคิดกันว่าจะให้ลูกมากู้ร่วมเพื่อดันต่อ หรือจะยอมหักดิบปล่อยยึด ทุกคนลงมติว่าหากลากลูกมากู้ร่วมแล้วไปไม่ไหวจะตายกันทั้งบ้าน ให้รักษาคนที่เครดิตดีที่สุดคือผมเอาไว้ โดยยอมเจ็บปวด        
คือปล่อยยืด  
2554               โชคดีที่ขายบ้านได้ แถมได้เงินหลังหักโป่ะมา 6 แสน ส่วนแม่ไปอยู่กับลุง ปล่อยวางและปลงเพื่อให้ลูกไม่เป็นหนี้        


ทุกวันนี้ไม่มีบ้านอยู่  ผมทำงานอยู่กทมกับแฟน  แม่อยู่บ้านลุง  ลูกผม3ขวบอยู่บ้านแม่ยาย   ผมให้เงินแม่ทุกเดือน จากที่เมื่อก่อนแม่เคยเครียดว่าแต่ละเดือนจากเอาเงินที่ไหนมาผ่อนตึก  หมุนแทบตายไหนจะค่าดำเนินกิจการอีก   ปัจจุบันแม่ไม่เครียดอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ไปเที่ยว  ไม่ต้องทำงาน ลูกให้เงินใช้   จากเดิมที่แม่จะเป็นคนรักษาหน้ามากๆ ไปไหนมาไหนคนเรียกคุณนาย จะกลัวคนนินทาว่าไม่มีบ้านอยู่ แต่คนเราถ้าไม่ยอมถอยก็ตาย ส่วนผมน่ะยังไงก็จะรับแม่มาอยู่ให้ได้ที่ไหนซักแห่งหากชีวิตไม่สิ้น
ความคิดเห็นที่ 27
หนี้สินทั้งหมดที่เกิด ที่คิดว่าทุกคนมีส่วนร่วม เพราะ
1. เริ่มจากช่วงเศรษฐกิจทรุด ธุรกิจของคุณพ่อเจ๊ง
2. คุณแม่ลงทุนซื้อธุรกิจต่อจากคนอื่น แต่ไปไม่รอดค่ะ ทำให้เป็นหนี้เพิ่ม
3. ลูกทุกคนเป็นเหตุให้พ่อ-แม่ต้องหาเงินมาเลี้ยงดู ส่งเสีย
4. อย่างที่บอกว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวกระท่อนกระแท่น คุณแม่เก็บทุกอย่างไว้คนเดียวไม่บอกใคร ทุกคนใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้อู้ฟู่ หรูหรา จขกท.ไม่แน่ใจว่าฟุ่มเฟือยมั้ย เพราะทุกคนไม่รู้ว่ามีหนี้เยอะขนาดนี้ (แต่ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้วค่ะ)
5. ทรัพย์สินของครอบครัวที่เหลืออยู่ตอนนี้ มีที่ดินต่างจังหวัดที่มูลค่าล้านนิดๆค่ะ ส่วนบ้านขายไปแล้ว

สิ่งที่จขกท.ทำได้ตอนนี้ โดยไม่ต้องใช้เงินคือ พยายามสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวขึ้นมาใหม่ค่ะ แต่ที่ขอคำแนะนำเพราะ หากคิดในแง่ร้ายที่สุด คือเหลือตัวคนเดียวที่จะใช้หนี้ค่ะ (คงไม่ร้ายอย่างที่คิดหรอกค่ะ แค่เผื่อไว้)

อย่างที่บอก ตั้งกระทู้นี้เพราะอยากสร้างกำลังใจให้ตัวเองค่ะ

ขอบคุณทุกความเห็นจริงๆนะคะ ตอนพิมพ์ข้างบนมันโหวงๆ แต่ตอนอ่านคอมเม้นน้ำตาไหล เหมือนตอนที่มีคนมากอดให้กำลังใจแล้วมันร้องไห้ออกมาเอง ยังไงยังงั้นเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
ความคิดเห็นที่ 43
อายุยังน้อยเชื่อว่า จขกท. ทำได้แน่ๆค่ะ

เงิน 7 ล้านนี่ แป๊บเดียวเองค่ะเดี๋ยวก็ใช้หนี้ได้หมด

ยิ่งเป็นหนี้ญาติๆที่ไม่เสียดอกด้วย

คำแนะนำที่ให้คือ

ควรเรียงลำดับ จำนวนหนี้ที่ยืมมาจากญาติก่อน
เรียงสองแบบ คือ จำนวนมากไปหาจำนวนน้อย และ บุคคลที่เดือดร้อนจากการที่ให้เรายืมเงิน จากมากไปหาน้อย

ถ้าญาติทุกคนไม่มีใครเดือดร้อนจาการที่เรายืมเงินเลย ให้ผ่อนจ่ายแต่ละคนเท่าๆกันไปเลย ยุติธรรมที่สุด

และถ้าได้โบนัส หรือเงินก้อนพิเศษ อันใดเพิ่มเติมขึ้นมา ให้คืนญาติที่ยืมมาจำนวนที่มากที่สุดก่อน ลองดูนะคะ


เมื่อ ปี 2537 เคยเป็นหนี้ ประมาณ 3 ล้าน
วิธีแก้ไขคือ
ขายทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นภาระทั้งหมด รถป้ายแดง ที่กำลังผ่อน ขายทิ้ง เพื่อลดภาระ
ซื้อรถมือสอง มาวิ่งของขายตลาดนัด

จัดลำดับหนี้ ที่ดอกมากที่สุดไปหาดอกน้อยที่สุด แล้วแจ้งเจ้าหนี้ทั้งหมด ว่ามีหนี้เท่าไหร่ ตั้งใจใช้จนหมด
คนไหนต้องการดอก และไม่แพงมากก็ส่งแต่ดอกไปก่อน

คนไหนต้องการเงินต้นคืน ไม่ต้องการดอก เราคืนให้ก่อนเลย โดยการตั้งแชร์ ตอนนั้นตั้งแชร์มือละ5หมื่น วงละ 15 มือและให้เจ้าหนี้เราช่วยเล่นด้วย

เอาทรัพย์สินไปค้ำแบงค์ ขอวงเงินโอดี ตอนนั้นเปิดวงเงินโอดีไว้ 2 ล้าน ขอไว้เยอะเกินเผื่อไว้หมุน เพราะตอนนั้นเราเหมือนเครดิตเสียไปแล้ว
ไม่มีใครกล้าให้ยืมอีก เลยต้องเผื่อไว้หมุนซื้อสินค้าไว้ขาย  และยอดขายแต่ละวัน ขายได้ทั้งหมดเอาเข้าแบงค์ทุกวัน ให้แบงค์เห็นเลยว่าเรามีรายได้ทุกวัน  วันไหนต้องการใช้เงินก็ใช้เช็คถอนออกมา

ซื้อของมาขาย ซื้อเงินสดทั้งหมด เพื่อบริหารเงินง่าย และชัดเจนที่สุด

จำได้ว่าประมาณ 3ปีเศษ ใช้หนี้หมดค่ะ

ปัจจุบัน เจ้าหนี้บางคนที่เราเคยยืมเงินเขา เขามาขอยืมเงินเรา เราก็ให้ยืม และไม่คิดดอกเบี้ยด้วย ทดแทนบุญคุณไป ถึงแม้เขาจะคิดดอกเราก็ตาม

และที่สำคัญ เรามีญาติรวยๆมากมาย แต่ไม่เคยเอ่ยปากยืมเลย เพราะเราคิดว่าเสียดอกให้คนอื่นสบายใจกว่ามากๆ
ถ้าขอยืมญาติ แล้วไม่คิดดอกกัน มันจะเป็นบุญคุณกันไปตลอดชีวิตเลย พอมีเงินขึ้นมามั่งก็กล้าใช้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงว่าญาติจะว่าเอาค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่