เครียดเป็นหนี้ 14 ล้าน ทำไงดีคะ

สวัสดีค่ะสมาชิกทุกท่าน ตอนนี้ดิฉันมีเรื่องกลุ้มใจมากค่ะเครียด นอนไม่หลับเลย ดิฉันทำธุรกิจส่วนตัวขายของเกี่ยวกับุปกรณ์การเกษตรและอุปกรณ์เกี่ยวกับประปาค่ะ เมื่อ7 ปีที่แล้วทางบ้านได้ทำเรื่องกู้เงินกับธนาคาร รีหลายรอบจนตอนนี้ ยอดหนี้ 14 ล้านค่ะ แบ่งเป็น หนี้ โอดี 5.2 ล้าน ค่ะ หนี้บ้าน 4.3 ล้านบาท หนี้บัตรเครดิต 1.2ล้าน
อีก 2.3 fix loan และ รถที่ต้องผ่อนค่ะรวม 14 ล้านบาทค่ะตอนนี้เครียดมากเศรษฐกิจไม่ดีขายของไม่ได้ตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ หมุนเงินไม่ทัน นอนไม่หลับเลย เดือนพฤศจิกายน ปี 2558 ทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ค่ะ หลังทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้แล้วแต่ยอดจ่ายต่อเดือนก็ยังสูงอยู่ค่ะ ค่าบ้านหลังจากปรับโครงสร้างหนี้แล้วเหลือเดือนละ 18,000 บาท ค่างวดรถเดือนละ 20,000 บาท หนี้fix loan เดือนละ 24,000 บาท ดอกเบี้ยโอดีเดือนละ 48,000 รวมที่ต้องจ่ายหนี้หลักต่อเดือน 110,000 บาทค่ะ บัตรเครดิตจ่ายจ่ายขั้นต่ำบ้าง 30% บ้างบางเดือนค่ะ หนี้ทั้งหมดเป็นของธนาคารเดียวนะคะ ( แบงค์สีเขียว) จ่ายตรงตลอดค่ะ มาเริ่มจ่ายช้าเดือนเมษายน2559 ค่ะ เพราะขายของได้ก็เอาไปหมุนซื้อของค่ะ ดิฉันอายุ 34 ปี มีลูกสาว 1 คน อายุ 8 ขวบค่ะ เลี้ยงลูกคนเดียวค่ะไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร เพราะกลัวบ้านโดนยึด ( ลืมอธิบายเงินที่กู้มา ได้เอาโฉนดบ้าน โฉนดร้าน ไปจดจำนองไว้กับธนาคารค่ะ ละก็บ้านน้าไปค้ำประกัน )
อยากสอบถามผู้รู้
1. ถ้าเราไม่มีเงินใช้หนี้ สามารถไปทำเรื่องประนอมหนี้ เพื่อขอจ่ายหนี้ตามกำลังที่เราจ่ายได้ สามารถทำได้หรือเปล่าคะ
2. ถ้าเราไม่มีเงินจ่ายหนี้ทางธนาคารจะยึดบ้านยึดร้านหลังจากหยุดจ่ายกี่เดือนคะ
3. เราสามารถทำเรื่องได้เองหรือเราต้องจ้างทนายคะ ตอนนี้ทางธนาคารโทรมาตามหนี้ทุกวันค่ะเลยสิ้นเดือนมาหลายวันแล้ว เครียดมากค่ะกินข้าวไม่ได้เลย แต่พอเห็นหน้าลูกสาวก็พยายามยิ้มแย้มกับลูกสงสารลูกยังเด็กไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ประหยัดรัดเข็มขัดทุกทางที่จะทำได้ แต่ก็ยังไม่มีเงินพอใช้หนี้รายเดือนค่ะ
4.น้ายังไม่รู้เรื่องไม่รู้จะบอกแกว่าไงเพราะถ้าเราไม่มีเงินจ่ายหนี้บ้านน้าก็คงโดนยึดไปด้วยเพราะแกค้ำประกันให้
5.ขั้นตอนก่อนที่จะยึดมีอะไรบ้างคะที่เราพอจะยื้อเวลาออกไป (เคยถามผู้จัดการแบงค์เขาบอกเดี๋ยวนี้หลังไม่จ่ายหนี้ 3-4 เดือนก็ยืดแล้ว ทำไมเร็วจังคะ เราสามารถทำเรื่องให้นานกว่านี้ได้ไหมคะ แล้วเราต้องไปขึ้นศาลหรือเปล่าคะ)
6. รบกวนผู้รู้ เขามาแชร์ประสบการณ์หรือให้ข้อมูลด้วยนะคะ เพราะตอนนี้กลุ้มใจมากๆค่ะ เราเป็นเสาหลักของครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ 67 ปีแล้วค่ะคุณแม่มีโรคประจำตัวไม่รู้จะบอกท่านว่าไงกลัวคุณแม่ช็อคค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้ข้อมูลนะคะ

เราอาจจะเรียบเรียงคำไม่ถูกทำให้งงต้องขอโทษด้วยนะคะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 48
ตอบคำถาม

1. เพราะกลัวบ้านโดนยึด
- ตอบ
เจ้าหนี้บ้านจะยึดได้ต้องฟ้องศาลก่อนครับ เป็นปีๆเลยกว่าจะตกลงได้ถึงขั้นมีคำพิพากษา "ตามยอม"
คือโจทก์+จำเลยคุยกันเองว่าตกลงยังไง
พอมีคำพิพากษาว่าต้องใช้หนี้ยังไงแล้วคุณผิดนัดอีก ถึงจะทำเรื่องยึดครับ

ส่วนรถ ยึดไม่ได้ครับถ้าไม่ขาดส่งติดต่อกัน 3 งวด และมีหนังสือแจ้งยึด 1 งวดล่วงหน้า = รวม 4 เดือน
คุณก็จ่ายแต่ดอกพักต้นไปก่อนทุกงวดครับ จนกว่าจะขายรถได้ เอาเงินมาสมทบทุนปลดหนี้


2. ถ้าเราไม่มีเงินใช้หนี้ สามารถไปทำเรื่องประนอมหนี้ เพื่อขอจ่ายหนี้ตามกำลังที่เราจ่ายได้ สามารถทำได้หรือเปล่าคะ
- ตอบ


3. ถ้าเราไม่มีเงินจ่ายหนี้ทางธนาคารจะยึดบ้านยึดร้านหลังจากหยุดจ่ายกี่เดือนคะ
- ตอบ
ต้องขาดส่งต่อกัน 3 งวด --- เข้าขั้นทวงหนี้ 3 เดือนถึงส่งฟ้อง
ขั้นขึ้นศาลจะมีช่วงไกล่เกลี่ยก่อนไต่สวนในชั้นศาลด้วยครับ ถ้าตกลงไม่ได้ก็ขึ้นศาลวันนั้นเลย
จากนั้นก็ยาวครับ เพราะคดีหนี้เยอะมากๆ  เป็นปีครับกว่าจะมีคำพิพากษา
คุณมีเวลาอยู่บ้านนี้อีกยาว  ดังนั้นให้ "ส่งแต่ดอกพักต้นไว้" ระหว่างรีบขายเอาเงินมาใช้หนี้ครับ
ก็จะไม่เป็นหนี้ NPL  ซึ่งถ้าไม่หยุดส่งต่อกัน 3 งวด แบงก์ทำอะไรไม่ได้เลยครับ


4. เราสามารถทำเรื่องได้เองหรือเราต้องจ้างทนายคะ ตอนนี้ทางธนาคารโทรมาตามหนี้ทุกวันค่ะ
- ตอบ
ค่างวด  หนี้แบบผ่อนชำระ ให้เน้น "ส่งแต่ดอกพักต้น"
บัตร+ฟิกซ์โลน หยุดส่ง รอฟ้องศาล  เงินที่หยุดส่งเอามาออมเป็นก้อนไว้รอแฮร์คัตหนี้


5.น้ายังไม่รู้เรื่องไม่รู้จะบอกแกว่าไงเพราะถ้าเราไม่มีเงินจ่ายหนี้บ้านน้าก็คงโดนยึดไปด้วยเพราะแกค้ำประกันให้
- ตอบ
ขายบ้าน เอาเงินมาใช้หนี้บ้านที่น้าค้ำ  หนี้ตัวนี้สำคัญมาก ตัวอื่นรอคิวครับ  
แก้หนี้ทีละตัวทีละวัน อย่าคิดรวมกัน มันจะท้อ


6.ขั้นตอนก่อนที่จะยึดมีอะไรบ้างคะที่เราพอจะยื้อเวลาออกไป (เคยถามผู้จัดการแบงค์เขาบอกเดี๋ยวนี้หลังไม่จ่ายหนี้ 3-4 เดือนก็ยืดแล้ว ทำไมเร็วจังคะ เราสามารถทำเรื่องให้นานกว่านี้ได้ไหมคะ แล้วเราต้องไปขึ้นศาลหรือเปล่าคะ)
- ตอบ
กรุณาอ่านขั้นตอนการฟ้องจนถึงขึ้นศาลจากชมรมคนเป็นหนี้บัตรเครดิต ละเอียดดีมากๆ
http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=9240&Itemid=64
กระทู้: ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=25777&Itemid=64  
กระทู้: รู้ทันกฎหมายหนี้  เรื่องการไปศาล  การเลื่อนคดี


7. คุณแม่มีโรคประจำตัวไม่รู้จะบอกท่านว่าไงกลัวคุณแม่ช็อคค่ะ
- ตอบ
ต้องกล้ายอมรับความจริงครับ
เลิกเป็นนกกระจอกเทศเอาหัวซุกทราย เพราะมันมีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง
กล้าทำก็กล้ารับ  และไปแก้หนี้ให้ตรงจุด....แก้ทีละตัว ทีละวัน ทีละก้าวทีละวันครับ
หนี้ ถ้าปลดทีละตัวๆมันมีวันหมดได้แน่ครับ  แต่ต้องวางแผนปฏิบัติแบบเป็นระบบ
ความคิดเห็นที่ 17
เข้ามาให้กำลังใจครับ ยอดภาระหนี้ผมแม้จะไม่สูงเท่า จขกท. แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน สำหรับพนักงานตัวเล็กๆ ประจำบริษัทฯ ที่เงินเดือนไม่ได้มากมาย อย่างผม

เป็นหนี้ของพี่ชาย เพราะผมไปเซ็นค้ำประกันให้ ผมทำงานประจำ ไม่มีความรู้ทางด้านธุรกิจของพี่ชาย จวบจนวาระสุดท้ายอีกเดือนเดียวแบงค์จะส่งฟ้อง ต้องหาเงินมาคืนธนาคาร 1.1 ล้านบาท

พี่ชายทำธุรกิจเกี่ยวกับขนส่งขนาดย่อม ไปกู้เงิน ขอโอดี โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันคือบ้าน หลังธุรกิจประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ขาดส่งคืนแบ็งค์ พี่ชายไปประนอมหนี้อยู่ 2 ครั้ง

เท่าที่รับฟังจากพี่ชายก็คือไปประนอมหนี้กับแบ็งค์ แล้วแบ็งค์จะกำหนดให้ผ่อนเป็นงวดๆ แต่ผ่อนไปได้3เดือนก็ไม่ไหว หยุดผ่อนเสียดื้อๆแต่ดอกเบี้ยไม่หยุด ครั้งที่สอง ต้องให้ผม ไปค้ำประกันให้ ตอนนั้นสงสารพี่ชายมาก เงินเติมน้ำมันรถก็ไม่มี ลูกก็เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย พี่ชายมาอ้อนวอนบอกช่วยหน่อยตอนนี้ธุรกิจเริ่มจะฟื้นแล้ว แต่ผ่อนไปได้ไม่กี่งวดก็เหมือนเดิมคือหยุดส่ง แล้วก็เงียบหายไป หลายเดือนเลยนะ (ไม่ใช่แบบ 3-4 เดือน)

ความหายนะมาเยือนผม เมื่อจู่ๆ มีหมายศาล มาที่บ้าน ถามพี่ชายบอกว่า ไม่มีอะไรไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องไปด้วย เดี๋ยวจะหาทางออกให้ ผมอ่านดูในหมายศาล ให้มาตกลงกันที่ศาล ตอนนั้นก็เริ่มเครียด วิตกแล้ว แต่ยังเชื่อพี่ชายอยู่ว่าจะแก้ไขได้,
ครั้งที่สอง หมายศาล มาอีก คราวนี้เอกสารมาเป็นปึกๆ , ติดต่อพี่ชายอีก คราวนี้ พี่ชายหายเงียบ ติดต่อไม่ได้เลย

ผมตัดสินใจไปที่แบ็งค์ เริ่มคุยใหม่ อ่านเอกสารประกอบ ก็รู้ว่าพี่ชาย ได้มาปรับโครงสร้างหนี้กับทางแบ็งค์ 2 ครั้ง (โดยครั้งที่สอง ผมเซ็นค้ำให้)
ทั้งสองครั้ง พี่ชายผิดนัดชำระหนี้ ทางธนาคารจึงยื่นฟ้อง ให้ พี่ชายกับผม เป็นจำเลย

ทางธนาคารยื่นคำขาด บอกว่าผมต้องเอาเงินมาคืนธนาคารภายในวันที่..นี้ จะไม่มีการปรับโครงสร้างหนี้อีกเพราะผิดนัดมาตลอด ถ้าไม่คืนเงิน จะถูกฟ้องยึดทรัพย์ ผมคำนวณดูแล้วมีเวลาเหลือแค่เดือนเดียว ต้องหาเงินมาคืนธนาคาร 1.1 ล้านบาท

ตอนนั้นผมทำงานประจำ มีเมีย มีลูก กำลังใช้เงิน , ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าจะไม่ให้ถูกฟ้อง เพราะต้องทำงานเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย , ไม่อยากให้ทางบริษัทฯที่ทำงานอยู่รู้เรื่องนี้ด้วย กลัวจะมีผลกระทบ , กลับมาดูทรัพย์สินตัวเองเลยว่ามีอะไรอยู่บ้าง
1.มีสลากออมสินอยู่ ยังไม่ครบกำหนด 500,000 บาท
2.มีทองอยู่ 5 บาท ขายได้เงิน 100,000 บาทเศษ
3.มีกองทุนอยู่ ยอมขายขาดทุน ได้มา 300,000 บาท
4.เอารถไปจำนอง car for cash ได้มา 100,000 บาท
5.มีเงินฝากประจำอยู่ 100,000 บาท ถอนออกมาก่อนยังไม่ครบกำหนด
ตัดสินใจขายหมดที่แปรสภาพเป็นเงินสดได้ แล้วก็หมดตัวภายในพริบตา

เป็นประสบการณ์ชีวิตที่หนักมากตอนนั้นและเครียดมาก อีกเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ผ่านเข้ามา

สรุปคือ
1.อย่าได้ไปค้ำประกันให้ใคร แม้จะเป็นพี่น้องญาติสนิท
2.ต้องไปประนอมกับหนี้กับธนาคาร เพื่อยืดอายุก็ชำระหนี้ออกไป
3.หาทางมาคืนหนี้กับธนาคาร ขายทรัพย์สินที่ปลอดภาระที่มีอยู่ออกไป เพื่อไปชำระ ลดภาระดอกเบี้ย
4.หาแหล่งเงินกู้ระยะยาว เพื่อมาปลดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง
5.อย่าได้ผิดนัดชำระหนี้

ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะ เอาใจช่วย สู้ๆ
ความคิดเห็นที่ 49
ส่วนคำถามว่า "ต้องไปขึ้นศาลหรือเปล่าคะ"  ผมแยกมาตอบต่างหาก
เผื่อมีคนผ่านมาอ่าน จะเกิดประโยชน์สาธารณะไปด้วย

ลูกหนี้ต้องไปศาลครับ จะเกิดผลดีกว่าไม่ไปมาก เพราะ
1. มีโอกาสต่อสู้คดี ทำให้ลดหนี้ได้มาก  
พวก "ดอกเบี้ยทบต้น" "ดอกเบี้ยคิดเกินกม.กำหนด"
และ"ค่าธรรมเนียมที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย" หรือ "คดีขาดอายุความ"  
พวกนี้จะทำให้ลดหนี้ลงได้มากกว่าไม่ไปศาล

2. มีเวลาปิดหนี้ช้ากว่าไม่ไป
หากตกลงเงื่อนไขหนี้ได้  จะมีเวลาปิดหนี้ 3-5 ปีหลังศาลมีคำพิพากษา
แต่ถ้าจำเลยกลัวไม่ยอมไปศาล ศาลจะพิพากษาลับหลังจำเลยนื่องจากจำเลยขาดนัด
โจทก์เรียกหนี้เท่าไหร่ต้องเท่านั้น หมดสิทธิ์ต่อรอง
และยังให้เวลาแค่ 15 วันในการใช้หนี้

3. ดอกเบี้ยจะหยุดวิ่งตั้งแต่วันที่ถูกส่งฟ้อง
ทำให้ยอดหนี้ไม่เพิ่มขึ้นจากพิษ"ดอกเบี้ยปรับวิ่งรายวัน"
ยิ่งปล่อยหนี้ไว้นานไม่ยอมให้ฟ้องดอกยิ่งวิ่งทุกวัน = หนี้ยิ่งเพิ่ม

4. ในคำฟ้องจะแยก"ต้น"ออกจาก"ดอก"ชัดเจน
ทำให้ผ่อนชำระคงที่ได้จนกว่าหนี้จะหมด โดยตัดต้นก่อนตัดดอก
แต่ถ้าไปทำสัญญายอมกับแบงก์ แบงก์มักเอาต้น+ดอก ตั้งเป็นต้นเงินใหม่แล้วคิดดอกซ้ำ ทำให้หนี้เพิ่มทวีคูณครับ
ความคิดเห็นที่ 18
ค่ารถเดือนละ 20,000 มันต้องพวกรถราคาเป็นล้านอัพแล้วใช่มั๊ยครับ..แนะนำว่าขายรถก่อน..แล้วหันไปใช้รถคันเล็กๆมือสองถูกๆเอา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่