( เหนือย ) TOT โทษการเมืองวุ่นและยอดขายพนักงานน้อย!! ทำรายได้ตกลงมากกว่า 10% (ใช้กลยุทธ ลดราคา 3G ADSL iptv มากกว่าเดิม)

( เหนือย ) TOT โทษการเมืองและพนักงาน!! ทำรายได้ตกลงมากกว่า 10% (ใช้กลยุทธ ลดราคา 3G ADSL iptv มากกว่าเดิม) ( อ้าง พื้นที่รับผิดชอบพนักงานบางคน(ขาย)ได้แค่เกรด 1 เกรด 2 ส่วนเกรด 5 น้อยมาก )

ประเด็นหลัก


       นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวว่า ภายหลังจากจบไตรมาส 1 ปี 2557 มีการรายงานผลสรุปยอดขาย การทำตลาด ในรายละเอียดแต่พื้นที่ เช่น ภูมิภาค และนครหลวง ซึ่งมีอัตราการเติบโตลดลงมากกว่า 10% โดยมีปัจจัยมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และผลพวงจากเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ขยายตัว ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้


     'หลังจบไตรมาส 1 ที่ผ่านมาหากดูยอดขายพบว่าในพื้นที่รับผิดชอบพนักงานบางคนได้แค่เกรด 1 เกรด 2 ซึ่งมีเยอะพอสมควร ส่วนที่ได้เต็ม 5 ก็มีน้อยมาก ตรงนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าเราไม่สามารถใช้แผนการทำงานเดิมตั้งแต่ที่ส่งไป ยังกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) และกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งแต่เมื่อต้นปีได้แล้ว จึงต้องเรียกพนักงานมาติวกันใหม่'
    
       ขณะที่ 3 โครงการใหม่ที่เป็นไปตามแผนฟื้นฟูองค์กรภายใต้งบ 40,000 ล้านบาทที่ทีโอทีต้องรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องเลื่อนออกไป แม้ว่าบางโครงการจะผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปแล้วภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศยุบสภาเมื่อปลายปี 2556 โดยทั้ง 3 โครงการประกอบด้วยโครงการเปลี่ยนสายทองแดงเป็นไฟเบอร์ออปติก (FTTx) จำนวน 2 ล้านพอร์ตงบประมาณ 30,000 ล้านบาท โครงการสร้างโครงข่ายอัจฉริยะ (NGN) 2,800 ล้านบาท และ โครงการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 5,000 ล้านบาท
    


ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทีโอที ได้เรียกทีมหัวหน้าตัวแทนการขายที่ใกล้ชิดกับลูกค้าในพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 100 คน เข้ามารับทราบแผนการดำเนินการใหม่ที่ปรับให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะเน้นการขายพ่วง บริการของ ทีโอที ที่มีอยู่ทั้งหมด

เช่น บริการอินเตอร์เนตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) เอดีเอสแอล บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทีโอที 3จี (3G TOT)บริการไอพีทีวีของทีโอที ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม และให้พนักงานพยายามเข้าไปขยายตลาดใหม่เพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อหารายได้ทดแทนรายได้ที่หายไป

“การเรียกประชุมผู้บริหารก็เพื่อปรับแผนการดำเนินงาน หลังโครงการใหม่ยังไม่สามารถผ่านครม.ได้ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนงบประจำปีของ ทีโอที ในปี 2557 จำนวน 4,000-5,000 ล้านบาท ที่เดิมใช้กับการขยายโครงข่ายคอร์ เนตเวิร์ก สำหรับบริการบรอดแบนด์ เพียงอย่างเดียว แต่จะปรับเปลี่ยนไปลงในสายธุรกิจให้เข้ากับแผนฟื้นฟูองค์กร”




http://www.naewna.com/business/99266
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000041702







______________________________________


ทีโอทีดิ้นทั้งรื้อแผนทั้งทบทวนการตลาดหลังยอดหาย 10%


นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที
       ทีโอที เรียกทีมขายติวเข้มปรับแผนรับมือปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ หลังไตรมาส1 ยอดขายลดลงมากกว่า 10%
     
       นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวว่า ภายหลังจากจบไตรมาส 1 ปี 2557 มีการรายงานผลสรุปยอดขาย การทำตลาด ในรายละเอียดแต่พื้นที่ เช่น ภูมิภาค และนครหลวง ซึ่งมีอัตราการเติบโตลดลงมากกว่า 10% โดยมีปัจจัยมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และผลพวงจากเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ขยายตัว ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทีโอทีจะเรียกทีมหัวหน้าตัวแทนการขายที่ใกล้ชิดกับลูกค้าในพื้นที่ทั่ว ประเทศกว่า 100 คน เข้ามารับทราบแผนการดำเนินใหม่ที่ปรับให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะเน้นการขายพ่วง บริการของทีโอทีที่มีอยู่ทั้งหมด เช่น บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เอดีเอสแอล บริการโทรศัพท์มือถือ ทีโอที 3G บริการIPTV ของทีโอที ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม และให้พนักงานพยายามเข้าไปขยายตลาดใหม่เพิ่มเติมด้วย
     
       'หลังจบไตรมาส 1 ที่ผ่านมาหากดูยอดขายพบว่าในพื้นที่รับผิดชอบพนักงานบางคนได้แค่เกรด 1 เกรด 2 ซึ่งมีเยอะพอสมควร ส่วนที่ได้เต็ม 5 ก็มีน้อยมาก ตรงนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าเราไม่สามารถใช้แผนการทำงานเดิมตั้งแต่ที่ส่งไป ยังกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) และกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งแต่เมื่อต้นปีได้แล้ว จึงต้องเรียกพนักงานมาติวกันใหม่'
     
       ขณะที่ 3 โครงการใหม่ที่เป็นไปตามแผนฟื้นฟูองค์กรภายใต้งบ 40,000 ล้านบาทที่ทีโอทีต้องรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องเลื่อนออกไป แม้ว่าบางโครงการจะผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปแล้วภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศยุบสภาเมื่อปลายปี 2556 โดยทั้ง 3 โครงการประกอบด้วยโครงการเปลี่ยนสายทองแดงเป็นไฟเบอร์ออปติก (FTTx) จำนวน 2 ล้านพอร์ตงบประมาณ 30,000 ล้านบาท โครงการสร้างโครงข่ายอัจฉริยะ (NGN) 2,800 ล้านบาท และ โครงการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 5,000 ล้านบาท
     
       อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทีโอทีต้องเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อปรับ แผนการดำเนินงาน หลังโครงการใหม่ไม่สามารถผ่านครม.ได้ โดยอาจจะมีการปรับเปลี่ยนงบประจำปีของทีโอทีในปี 2557 จำนวน 4,000-5,000 ล้านบาท ที่เดิมใช้กับการขยายคอร์เน็ตเวิร์กสำหรับบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) เพียงอย่างเดียว แต่จะปรับเปลี่ยนไปลงในสายธุรกิจให้เข้ากับแผนฟื้นฟูองค์กรก่อน
     
       'ตอนนี้ทุกโครงการรอเพียงครม.อนุมัติเท่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้คงต้องทำส่วนที่ทำได้ไปก่อน ซึ่งปีนี้เราประเมินว่าบริษัทจะขาดทุนอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท ที่สำคัญเราก็ต้องปรับแผนรองรับด้วยการใช้งบประจำปีมาใส่ในงานเร่งด่วนอื่นๆ ก่อน และส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดก็มีการทำแผนใหม่เข้ามาแทนที่'

http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000041702

___________________________________________________________



‘ยงยุทธ วัฒนสินธุ์’จะนำ TOT ฝ่ามรสุมช่วงปัจจัยลบรุมอย่างไร

ในที่สุด บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT ก็หมดยุค “เสือนอนกิน” หลังจากมาตรา 84 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ที่มีผลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมานั้น ทีโอทีต้องนำเงินจากรายได้สัญญาสัมปทานนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินทั้งหมด ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีรัฐบาลใหม่หลายโครงการต้องชะงัก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที มีแผนรับมืออย่างไร

โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ท่านนี้บอกว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศยุบสภาเมื่อปลายปี 2556 ทำให้ 3 โครงการใหม่ที่ ทีโอที รอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเลื่อนออกไป แม้ว่าบางโครงการจะผ่านความเห็นชอบจาก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปแล้ว โดยทั้ง 3 โครงการใหม่เป็นไปตามแผนฟื้นฟูองค์กร (เทิรน์อะราวด์) ตามที่ ทีโอที เสนอไปแล้ว โดยขณะนี้รอเพียงการอนุมัติงบประมาณที่ ทีโอที ร้องขออนุมัติงบลงทุนจำนวน 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการโทรศัพท์ 2 ล้านพอร์ตจำนวน 30,000 ล้านบาท โครงการสร้างโครงข่ายอัจฉริยะ (เอ็นจีเอ็น) 2,800 ล้านบาท และโครงการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 5,000 ล้านบาท

“ทุกโครงการที่เสนอไปก่อนหน้านี้ผ่านขั้นตอนตามระเบียบหมดแล้ว เหลือเพียงให้ครม.อนุมัติแต่เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เราก็ต้องทำส่วนที่ทำได้ไปก่อน ซึ่งปีนี้เราประเมินว่าบริษัทจะขาดทุนอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท”

โดยเมื่อต้นเดือนมกราคม 2557 ทีโอที ได้จัดทำแผนการบริหารงานส่งไปรายงานหน่วยงานที่สังกัดอยู่ทั้ง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และ กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว แต่ยังไม่ได้รวมการประเมินปัจจัยเสี่ยงว่าจะมีความไม่แน่นอนทางการเมือง และผลพวงจากเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ขยายตัว

โดยเมื่อสิ้นไตรมาส 1 2557 มีการรายงานผลสรุปยอดขาย การทำตลาดลงรายละเอียดในแต่ละพื้นที่ เช่น ภูมิภาค และนครหลวง ก็พบว่าอัตราการเติบโตลดลงมากกว่า 10%

ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทีโอที ได้เรียกทีมหัวหน้าตัวแทนการขายที่ใกล้ชิดกับลูกค้าในพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 100 คน เข้ามารับทราบแผนการดำเนินการใหม่ที่ปรับให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะเน้นการขายพ่วง บริการของ ทีโอที ที่มีอยู่ทั้งหมด

เช่น บริการอินเตอร์เนตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) เอดีเอสแอล บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทีโอที 3จี (3G TOT)บริการไอพีทีวีของทีโอที ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม และให้พนักงานพยายามเข้าไปขยายตลาดใหม่เพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อหารายได้ทดแทนรายได้ที่หายไป

“การเรียกประชุมผู้บริหารก็เพื่อปรับแผนการดำเนินงาน หลังโครงการใหม่ยังไม่สามารถผ่านครม.ได้ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนงบประจำปีของ ทีโอที ในปี 2557 จำนวน 4,000-5,000 ล้านบาท ที่เดิมใช้กับการขยายโครงข่ายคอร์ เนตเวิร์ก สำหรับบริการบรอดแบนด์ เพียงอย่างเดียว แต่จะปรับเปลี่ยนไปลงในสายธุรกิจให้เข้ากับแผนฟื้นฟูองค์กร”

พร้อมยอมรับว่าได้ปรับแผนลงทุนโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G เฟส 2 ที่เดิมทีโอที จะลงทุนเองจำนวน 30,000 ล้านบาท โดยไม่ได้ดำเนินการเองแล้ว

“คงไม่ได้ทำเองแล้ว แต่ได้หาออกทางเป็นสองแนวทางเพื่อให้ ทีโอทีมีรายได้จากการดำเนินการ 3G”

โดยแนวทางที่ 1 การให้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ เอไอเอส เช่าใช้โครงข่าย บนคลื่นความถี่ 1900-2100 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) จำนวน 15 MHz ของ ทีโอที และการร่วมกันใช้สถานีฐานทีโอทีจำนวน 5,320 สถานีฐาน รวมถึงสถานีฐานของเอไอเอสที่ภายในสิ้นปีนี้จะมีอีก 15,000 สถานีฐาน ซึ่งจะทำให้ทีโอทีมีรายได้ 4,000 ล้านบาทต่อปี แนวทางนี้เป็นการดำเนินธุรกิจเหมือนโมเดลเดียวกับ บริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด (ในเครือกลุ่ม ทรู คอร์ปอเรชั่น) ที่ทำร่วมกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม อย่างไรก็ตามโมเดลดังกล่าวปัจจุบันยังคงติดอยู่ในการนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)เนื่องจากรัฐบาลประกาศยุบสภาลงก่อนการพิจารณาดังกล่าวคงต้องรอให้มีรัฐบาลชุดใหม่ก่อน

แนวทางที่ 2 หากโมเดลแรกติดเรื่องการเสนอครม.โดยการแบ่งแบนด์วิธให้ เอไอเอสเช่าใช้จำนวน 5 เมกะเฮิรตซ์ บนคลื่นความถี่ 1900-2100 ซึ่งปัจจุบันทีโอทีใช้งานไปแล้ว 10 เมกะเฮิรตซ์ และจะมีการโรมมิ่งบริการด้านเสียง (วอยซ์) และข้อมูล (ดาต้า) ระหว่างกันซึ่งคาดว่าโมเดลดังกล่าวจะทำให้ทีโอที มีรายได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างไร เพราะต้องผ่านความเห็นชอบหลายขั้นตอน


http://www.naewna.com/business/99266



‘ยงยุทธ วัฒนสินธุ์’จะนำ TOT ฝ่ามรสุมช่วงปัจจัยลบรุมอย่างไร

ในที่สุด บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT ก็หมดยุค “เสือนอนกิน” หลังจากมาตรา 84 ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ที่มีผลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมานั้น ทีโอทีต้องนำเงินจากรายได้สัญญาสัมปทานนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินทั้งหมด ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีรัฐบาลใหม่หลายโครงการต้องชะงัก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที มีแผนรับมืออย่างไร

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่