การแสดงท่าทีการเมืองของบรรดาข้าราชการระดับสูงเป็นเรื่องที่น่าสนใจนับแต่ นพ.ณรงค์
สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนไม่ยอมรับรัฐบาลโกงและ
ต้องการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง
นั่นเป็นการแสดงออกนับแต่เริ่มมีการชุมนุมของ กปปส.พร้อมฯ กับประชาคมสาธารณสุข
ที่ออกมาเคลื่อนไหวทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
หรือจะพูดว่าทั้งประเทศเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของบรรดาหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์อย่าง
พร้อมเพรียงกันเช่นนี้ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญทางการเมือง เป็นการแสดงจุดยืนที่
ชัดเจนว่าพวกเขามองเห็นปัญหาของประเทศที่ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไรและควรจะ
แก้ไขอย่างไร
ต้องยอมรับว่าบุคลากรทางการแพทย์นั้นเป็นกลุ่มอาชีพที่มีความรู้ ความสามารถอันมี
คุณธรรมและจริยธรรมเป็นฐานปฏิบัติที่สำคัญ
“จิตสำนึก” ตรงนี้จึงเบ่งบานและพร้อมที่จะยืดอกออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม
โดยไม่มีความไหวหวั่นรัฐบาลแม้จะเป็นผู้บังคับบัญชาของพวกเขาก็ตาม
นี่คือความ “ตื่นรู้” ที่อยู่ในจิตใจมาตลอดและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขแม้จะต้องเผชิญกับ
อำนาจรัฐเพราะมั่นใจว่าเป็นความถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แม้
เหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ปรากฏการณ์ที่ชัดเจนก็คือบรรดาข้าราชการไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงไหนได้แสดงออกด้วย
วิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่านกหวีด ชูธงชาติ หรือแม้กระทั่งการเข้าร่วมชุมนุมกับ
มวลมหาประชาชนและสนับสนุนด้านการเงิน
เพียงแต่มีข้อจำกัดในกฎระเบียบที่บีบบังคับพวกเขาอยู่เท่านั้นจึงไม่สามารถแสดงตัวตน
ได้อย่างเต็มตัว
พูดง่ายๆว่าใจพวกเขาพร้อมที่จะร่วมแก้ไขปัญหา
ด้านหนึ่งแม้รัฐบาลโดยบรรดา “ลิ่วล้อ” พยายามข่มขู่ คุกคาม อ้างว่าข้าราชการต้องทำตัวเป็น
กลางไม่ให้เข้าไปเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล แต่ใครจะไปห้ามใครได้เพราะ
ความเป็นกลางนั้น
มันสวนทางกับความรู้สึกนึกคิดกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งข้าราชการจะรับรู้ได้ดีที่สุด เนื่องจาก
พวกเขาเป็นผู้ปฏิบัติ นักการเมืองคิดอย่างไร ทำอย่างไร สั่งการอะไร ผิดถูกอย่างไร รู้กันอยู่เต็ม
อกจะให้นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร
นอกเสียจากบรรดาข้าราชการที่หวังได้ดิบได้ดี มีผลประโยชน์ล่อใจเท่านั้นที่กระทำตัวเป็นเครือข่าย
สนองความต้องการของนักการเมือง รัฐมนตรี อย่างน่าละอายที่สุด
การที่ กปปส.เคลื่อนไหวไปพบปะกับข้าราชการกระทรวงต่างๆ ล่าสุดได้เปิดประตูต้อนรับเพื่อ
เจรจาหาทางออกให้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม และปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เท่านั้นแหละ...มีเสียงฮึ่มๆ มาจากฝ่ายรัฐบาล และ ศอ.รส.แสดงความไม่พอใจว่าเป็นการกระทำ
ที่ไม่เหมาะสม กล่าวอ้างว่าเป็นการคุยกับกบฏควรเรียกตำรวจมาจับกุม ไม่ใช่เปิดห้องรับรอง
และจะเรียกบรรดาปลัดทุกกระทรวงมาร่วมประชุมโดยมีคำสั่งบังคับว่าห้ามส่งตัวแทน ต้องเป็น
ตัวจริงพร้อมกับคาดโทษเอาไว้เสียด้วย
“ข้าราชการ” นั้นนอกจากกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนแล้วยังมีภารกิจสำคัญก็คือ การปฏิบัติ
หน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง
หากเห็นว่าคณะผู้บริหารประเทศแม้จะมาจากการเลือกตั้งแต่มีพฤติกรรมใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม
มีการทุจริตคอร์รัปชัน จะให้พวกเขานั่งมองตากันปริบๆไม่รู้สึกรู้สากระนั้นหรือ
ปฏิบัติการไม่รับ “อำนาจรัฐ” กำลังจะชี้ขาดจึงร้อนตัวกันด้วยความว้าวุ่นใจ.
“สายล่อฟ้า”
http://www.thairath.co.th/content/415954
หากเกิดสุญญากาศ ตามเสียงเรียกร้องของ กปปส. และองค์กรอิสระจัดให้
รับบาลที่ปราศจากนักการเมือง ส้มหล่นไปที่ปลัดกระทรวง .... ทำให้
นึกถีงปฏิวัติ สมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ทีดันปลัดกระทรวง ขึ้นเป็น
รมต. เกือบจะทุกกระทรวง ทำไม คุณปลัดหลายๆ กระทรวงจึงกะดี๊ กะด๊า
อะไรที่อยากจะทำ แต่ติดขัดที่นักการเมือง ก็จะได้จัดการซะที ....
แค่ถามต่อว่า ข้าราชการ ก็ปชช.คนหนึ่ง วันเลือกตั้ง ก็ 1 สิทธิ์ 1 เสียง
อย่าใช่ ความเป็นข้าราชการ ตำแหน่งหน้าที่ ไปกดดันรัฐบาล ที่มาจากการ
เลือกตั้ง .... บ้านเมือง ไม่ใช่ของ ข้าราชการ หากคุณททำแบบนี้ ก็เหมือน
คุณคอรัปชั่น เอาตำแหน่งหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์ ใช่ไหม ?
ปฏิบัติการไม่รับ “อำนาจรัฐ” โดย สายล่อฟ้า ไทยรัฐออนไลน์
สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนไม่ยอมรับรัฐบาลโกงและ
ต้องการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง
นั่นเป็นการแสดงออกนับแต่เริ่มมีการชุมนุมของ กปปส.พร้อมฯ กับประชาคมสาธารณสุข
ที่ออกมาเคลื่อนไหวทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
หรือจะพูดว่าทั้งประเทศเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของบรรดาหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์อย่าง
พร้อมเพรียงกันเช่นนี้ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญทางการเมือง เป็นการแสดงจุดยืนที่
ชัดเจนว่าพวกเขามองเห็นปัญหาของประเทศที่ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไรและควรจะ
แก้ไขอย่างไร
ต้องยอมรับว่าบุคลากรทางการแพทย์นั้นเป็นกลุ่มอาชีพที่มีความรู้ ความสามารถอันมี
คุณธรรมและจริยธรรมเป็นฐานปฏิบัติที่สำคัญ
“จิตสำนึก” ตรงนี้จึงเบ่งบานและพร้อมที่จะยืดอกออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม
โดยไม่มีความไหวหวั่นรัฐบาลแม้จะเป็นผู้บังคับบัญชาของพวกเขาก็ตาม
นี่คือความ “ตื่นรู้” ที่อยู่ในจิตใจมาตลอดและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขแม้จะต้องเผชิญกับ
อำนาจรัฐเพราะมั่นใจว่าเป็นความถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แม้
เหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ปรากฏการณ์ที่ชัดเจนก็คือบรรดาข้าราชการไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงไหนได้แสดงออกด้วย
วิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่านกหวีด ชูธงชาติ หรือแม้กระทั่งการเข้าร่วมชุมนุมกับ
มวลมหาประชาชนและสนับสนุนด้านการเงิน
เพียงแต่มีข้อจำกัดในกฎระเบียบที่บีบบังคับพวกเขาอยู่เท่านั้นจึงไม่สามารถแสดงตัวตน
ได้อย่างเต็มตัว
พูดง่ายๆว่าใจพวกเขาพร้อมที่จะร่วมแก้ไขปัญหา
ด้านหนึ่งแม้รัฐบาลโดยบรรดา “ลิ่วล้อ” พยายามข่มขู่ คุกคาม อ้างว่าข้าราชการต้องทำตัวเป็น
กลางไม่ให้เข้าไปเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล แต่ใครจะไปห้ามใครได้เพราะ
ความเป็นกลางนั้น
มันสวนทางกับความรู้สึกนึกคิดกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งข้าราชการจะรับรู้ได้ดีที่สุด เนื่องจาก
พวกเขาเป็นผู้ปฏิบัติ นักการเมืองคิดอย่างไร ทำอย่างไร สั่งการอะไร ผิดถูกอย่างไร รู้กันอยู่เต็ม
อกจะให้นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร
นอกเสียจากบรรดาข้าราชการที่หวังได้ดิบได้ดี มีผลประโยชน์ล่อใจเท่านั้นที่กระทำตัวเป็นเครือข่าย
สนองความต้องการของนักการเมือง รัฐมนตรี อย่างน่าละอายที่สุด
การที่ กปปส.เคลื่อนไหวไปพบปะกับข้าราชการกระทรวงต่างๆ ล่าสุดได้เปิดประตูต้อนรับเพื่อ
เจรจาหาทางออกให้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม และปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เท่านั้นแหละ...มีเสียงฮึ่มๆ มาจากฝ่ายรัฐบาล และ ศอ.รส.แสดงความไม่พอใจว่าเป็นการกระทำ
ที่ไม่เหมาะสม กล่าวอ้างว่าเป็นการคุยกับกบฏควรเรียกตำรวจมาจับกุม ไม่ใช่เปิดห้องรับรอง
และจะเรียกบรรดาปลัดทุกกระทรวงมาร่วมประชุมโดยมีคำสั่งบังคับว่าห้ามส่งตัวแทน ต้องเป็น
ตัวจริงพร้อมกับคาดโทษเอาไว้เสียด้วย
“ข้าราชการ” นั้นนอกจากกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนแล้วยังมีภารกิจสำคัญก็คือ การปฏิบัติ
หน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง
หากเห็นว่าคณะผู้บริหารประเทศแม้จะมาจากการเลือกตั้งแต่มีพฤติกรรมใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม
มีการทุจริตคอร์รัปชัน จะให้พวกเขานั่งมองตากันปริบๆไม่รู้สึกรู้สากระนั้นหรือ
ปฏิบัติการไม่รับ “อำนาจรัฐ” กำลังจะชี้ขาดจึงร้อนตัวกันด้วยความว้าวุ่นใจ.
“สายล่อฟ้า”
http://www.thairath.co.th/content/415954
หากเกิดสุญญากาศ ตามเสียงเรียกร้องของ กปปส. และองค์กรอิสระจัดให้
รับบาลที่ปราศจากนักการเมือง ส้มหล่นไปที่ปลัดกระทรวง .... ทำให้
นึกถีงปฏิวัติ สมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ทีดันปลัดกระทรวง ขึ้นเป็น
รมต. เกือบจะทุกกระทรวง ทำไม คุณปลัดหลายๆ กระทรวงจึงกะดี๊ กะด๊า
อะไรที่อยากจะทำ แต่ติดขัดที่นักการเมือง ก็จะได้จัดการซะที ....
แค่ถามต่อว่า ข้าราชการ ก็ปชช.คนหนึ่ง วันเลือกตั้ง ก็ 1 สิทธิ์ 1 เสียง
อย่าใช่ ความเป็นข้าราชการ ตำแหน่งหน้าที่ ไปกดดันรัฐบาล ที่มาจากการ
เลือกตั้ง .... บ้านเมือง ไม่ใช่ของ ข้าราชการ หากคุณททำแบบนี้ ก็เหมือน
คุณคอรัปชั่น เอาตำแหน่งหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์ ใช่ไหม ?