นฤตย์ เสกธีระ: สุญญากาศเพื่อ...? คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 8 เมษายน 2557

กระทู้สนทนา
maxlui2810@gmail.com


น่าสนใจกับแนวคิดผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่สุญญากาศทางการเมือง

แนวคิดนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เขียนชงไว้ในคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

คำร้องที่นำเอาผลการตัดสินของศาลปกครองที่ว่าการย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี
ออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. นั้นไม่ชอบ

คำร้องดังกล่าวจึงเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำขัดต่อข้อบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

นั่นคือ การใช้ฐานะหรือตำแหน่งของตัวเองเข้าไปแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง
ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง...


คำร้องดังกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า 1.ขอให้ประธานวุฒิสภา ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทำการอันต้องห้าม
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 มีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7)

2.เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 จึงเป็นเหตุ
ให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 วรรคหนึ่ง (1)

3.จะต้องดำเนินการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 และมาตรา 173
โดยอนุโลม

หากว่ากันตามคำร้องของนายไพบูลย์ เข้าใจได้ว่า คำร้องข้อที่ 1 และคำร้องข้อที่ 2 คือคำร้อง
ที่ต้องการให้การเมืองเกิดสุญญากาศ

และคำร้องข้อที่ 3 คือ คำร้องที่ให้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่โดยให้วุฒิสภาเป็นผู้เลือกนายกฯ

ความเข้าใจของนายไพบูลย์จะตรงหรือต่างจากคำวินิจฉัยก็มิอาจทราบ และความเข้าใจดังกล่าว
เป็นความเข้าใจกฎหมายผิดหรือถูกก็ไม่รู้

เพราะทุกขั้นตอนมีนักกฎหมายแย้งตลอด ตั้งแต่การรับคำร้อง เนื้อหาคำร้อง จวบจนไปถึง
การเขียนรัฐธรรมนูญเพิ่ม


หรือแม้แต่ผลที่มีการสมมุติว่าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิดตามคำร้อง

อาทิ หากคณะรัฐมนตรีที่หยุดทำหน้าที่ หมายถึงคณะรัฐมนตรีชุดที่ย้ายนายถวิล ก็แสดงว่า
ไม่ใช่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน

แสดงว่ารัฐมนตรีชุดปัจจุบันบางคนยังทำงานได้อยู่...

หรือหากคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปด้วย ไม่ว่าเพราะเหตุใด ยังมี
ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีหรือไม่

ถ้ายังมีผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอยู่ ประเทศก็ไม่เกิดสุญญากาศ

นี่แสดงว่า ภาวะการเกิดสุญญากาศทางการเมืองนั้นน่ากลัว ระบบกฎหมายจึงแสวงหา
วิธีป้องกันมิให้เกิดขึ้น

มีแต่ประเทศไทยที่พยายามทำให้เกิดสุญญากาศ

ลองสมมุติต่อไปว่า ถ้าประเทศเกิดสุญญากาศขึ้นล่ะ

คำถามที่ตามมามีมากมาย โดยเฉพาะคำถามเรื่องคนรับผิดชอบ

ถ้าการเมืองไทยเกิดสุญญกาศแล้วใครจะรับผิดชอบ

ช่วงเวลาวินาทีที่เกิดสุญญากาศนั้น นาทีนั้น ชั่วโมงนั้น หรือวันนั้น ใครจะรับผิดชอบใน
การบริหารประเทศ

หาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. อาสาจะรับผิดชอบประเทศจะยอมกันไหม?

หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. อาสาจะรับผิดชอบประเทศเอง จะยอมหรือเปล่า?

ถ้า กปปส. กับ นปช.ไม่ยอมกัน แล้วเผชิญหน้ากันล่ะ...ใครจะรับผิดชอบ


ศอ.รส. ยังมีอยู่ไหม ตำรวจและทหาร จะฟังคำสั่งใคร

หรือสุดท้ายต้องปฏิวัติรัฐประหาร

ประเทศไทยเคยผ่านการรัฐประหารมาแล้ว ล่าสุดเมื่อปี 2549

ผลพวงที่ได้รับจากการปฏิวัติคือเหตุการณ์หลังจากปีนั้นจนถึงปีนี้...ทุกคนรับรู้ร่วมกันว่าย่ำแย่ลง

ดังนั้น ถ้าการเกิดสุญญากาศนำไปสู่การปฏิวัติ ซึ่งทุกคนรับรู้แล้วว่าหลังจากนั้นเหตุการณ์จะย่ำแย่

คำถามก็คือ แล้วจะผลักดันให้เกิดสุญญากาศไปทำไม เพราะทำไปประเทศไทยก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1396966533&grpid=&catid=02&subcatid=0200

สุญญากาศเพื่อ  ... ส่ง"รัฏฐาธิปัตย์"  ให้เลขาธิการกปปส.
เพื่อทำให้ รัฐบาลหมดอำนาจ  ...  เพื่อล้มล้างประชาธิปไตย  ....  
และเพื่อ อื่นๆ อีกมากมาย  ที่ไม่มีในรธน.
  ยิ้ม


สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่