เมื่อ 4 เดือนก่อน ดิฉันส่งงานเพื่อที่จะขอต่อสัญญาแล้ว มหาวิทยาลัยไม่มีความชัดเจนเรื่องเกณฑ์มาตรฐานที่จะใช้ต่อสัญญา กระบวนการพัฒนาตำแหน่งวิชาการให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยก็ขาดความชัดเจน พนักงานที่หมดสัญญาแล้วก็ต้องทำเรื่องขยายเวลาการต่อสัญญาต่อไป 2 ปี โดยทำงานอยู่ได้จนถึงสิ้นปี 2559 ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีกับอนาคตข้างหน้า เพราะถ้าไม่มีตำแหน่งวิชาการก็อยู่ยาก รวมทั้งตอนนี้มหาวิทยาลัยก็ขาดสภาพคล่องทุกปี ไม่รู้ว่าอนาคตอาชีพอาจารย์พนักงานมหาวิทยาลัยจะลำบากแค่ไหน บางภาควิชาอาจารย์เก่งมากๆ แต่ที่ภาคมีจำนวนนศ.น้อยลง มหาวิทยาลัยก็แจ้งว่าถ้าคุณได้ตำแหน่งวิชาการก็ไม่รู้จะเอาเงินประจำตำแหน่งจ้างเพิ่มทำไม เพราะภาควิชาคุณเป็นภาควิชาที่จำนวนนศ.ลดลงทุกปี
ตอนนี้ดิฉันจึงวางแผนในอนาคตไว้ว่าจะหาทุนเรียนต่อ ถ้าไม่ได้ทุน ก็จะเปลี่ยนงานทำ โดยจะสอบบรรจุข้าราชการในสายงานที่ถนัดค่ะ
-----------------------------------------------
ปล. ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้วตรงประเด็นจนเห็นความจริงของอาชีพพนักงานมหาวิทยาลัยจริงๆค่ะ
Credit :
http://pantip.com/topic/31866491/comment24
ต้อง Login เข้ามาเพราะกระทู้นี้เลย
เอาแบบที่เป็นอยู่นะคะ
1.ถ้าคุณจบปริญญาโท ต้องไปเรียนต่อ เพราะ สกอ.ก็ตั้งกฏบีบมาเรื่อยๆ
2. ถ้าคุณเป็นดร.แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือ ตำแหน่งทางวิชาการ เพราะสุดท้ายก็จะโดนระบบบีบให้ต้องทำ
3. เงินเดือน หลายๆมหาวิทยาลัยจะรับเข้าเป็นอัตราจ้าง ป.โท ก็หมื่นปลายๆ ป.เอกก็สองหมื่นต้นๆ
แล้วก็ให้ไปสอบพนักงานเอาเองถึงปรับเงินเดือนใหม่ ซึ่งก็ต่อคิวไปเรื่อยๆ ตามงบประมาณที่จะได้มา (แล้วก็รอตกเบิกอีกต่อไป)
4. ที่ทำงานอยู่ ต่อสัญญาระยะที่ 1 ต้องมีชั่วโมงสอน มีเอกสารประกอบการสอน และภาระงานอื่นๆ
ต่อระยะที่ 2 ก็คล้ายๆ ระยะที่ 1 แต่เพิ่มวิจัย
ต่อระยะที่ 3 ถ้าไม่อยุ่ระหว่างการขอตำแหน่งวิชาการ หรือได้ตำแหน่งแล้วก็ ไม่ต่อสัญญา
ซึ่งทั้ง 3 ระยะต่อให้เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก็มีสิทธิ์ไม่ต่อสัญญาเช่นกัน
5. มีการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นภาคการศึกษา 1ปี ประเมิน 2 ครั้ง ถ้าอยู่ในระดับ 1 เลิกจ้าง (มี 5 ระดับ)
ถ้าระดับ 2ติดกัน 2 เทอม เลิกจ้าง
ยังดีที่ทำงานให้อิสระในการทำงานสูงไม่ต้องมาScanนิ้ว รูดบัตร วัดที่ตัวผลงานจริงๆ
แต่ถ้าไม่มีผลงานก็อยู่ยาก
แต่ก่อนอาชีพอาจารย์คนนอกมองว่าสบาย เงินเยอะ (ตรงไหน ?? ปี49-50เดิมทีป.โทเริ่มที่ 9000บาท)
ตอนนี้ไม่มีระบบราชการเหมือนแต่ก่อน และการปรับเงินเดือนจาก ป.ตรีเริ่มต้นที่ 15000 บาท ก็ส่งผล
ให้ต้องเกลี่ยกำลังคน (ออกไป) เพราะเงินเดือนปรับทั้งระบบ (แต่ก็รอคิวต่อๆๆๆๆๆๆไป)
ประเด็นคือถ้า
1. ฐานะทางบ้านไม่ได้เดือดร้อน
2. มีความต้องการอยากสร้างเด็ก และอดทนกับพฤติกรรมเด็กสมัยนี้ได้
(มีเด็กส่วนมากที่คิดว่า อาจารย์คือ คนที่พ่อแม่เค้าจ่ายเงินค่าเทอมมาจ้างให้สอน
ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าเด็กจะเคารพคุณทุกคน เพราะเด็กมาจากหลากหลาย )
3. สามารถทำงานได้แทบจะ 24 ชม. เพราะคุณอาจจะต้องเตรียมสอน
ต้องให้คำปรึกษา ต้องทำวิจัย ต้องทำตำรา ขอผลงาน ทั้งนี้
ไม่เหมือนงานที่เลิกงานกลับบ้านแล้วจบ
บ้างครั้งคุณอาจจะต้องเข้าไปแก้ปัญหา "ชีวิต" ให้กับเด็กในรั้วมหาวิทยาลัย
ปัญหาเด็กในวัยนี้ บางทีมันก็ . . .
----------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่ทั้งนี้ ถามว่า ถ้ามันแย่ทำไมถึงยังทำอยู่
ตอบได้ว่า การที่เห็นลูกศิษย์ เรียนจบ ไปทีละขั้นๆ จนจบปริญญา
การที่สร้างคน ดึงเด็กขึ้นมา คือความสุข
และงานที่หนัก หากมองเป็นโอกาส มันคือประสบการณ์ค่ะ
พูดเหมือนโลกสวย
----------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่คนที่เคยเป็นอาจารย์แล้ว ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องรายได้ (ซึ่งเป็นประเด็น)
ไม่ได้มองว่า ทำงานไม่คุ้มกับเงินที่จะได้
และอดทนที่จะสะสมไปเรื่อยๆ แล้ว เราว่าก็เป็นอาชีพที่ดีและมีความสุขได้นะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. เริ่มเหนื่อย แต่ตอนท้ายถ้าคุณเก่ง และมีวุฒิ งานสอนพิเศษจะวิ่งมาหาเองค่ะ
อย่างน้อยก็ชั่วโมงละ 250 (ในเวลา) นอกเวลาก็ 500++
ไหนจะงานวิทยากรอีก
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นอาชีพที่ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองในการจะโตหรือจะอยู่กับที่
สัญญาพนักงานมหาวิทยาลัยจะสิ้นสุดลง ควรทำอย่างไร
ตอนนี้ดิฉันจึงวางแผนในอนาคตไว้ว่าจะหาทุนเรียนต่อ ถ้าไม่ได้ทุน ก็จะเปลี่ยนงานทำ โดยจะสอบบรรจุข้าราชการในสายงานที่ถนัดค่ะ
-----------------------------------------------
ปล. ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้วตรงประเด็นจนเห็นความจริงของอาชีพพนักงานมหาวิทยาลัยจริงๆค่ะ
Credit : http://pantip.com/topic/31866491/comment24
ต้อง Login เข้ามาเพราะกระทู้นี้เลย
เอาแบบที่เป็นอยู่นะคะ
1.ถ้าคุณจบปริญญาโท ต้องไปเรียนต่อ เพราะ สกอ.ก็ตั้งกฏบีบมาเรื่อยๆ
2. ถ้าคุณเป็นดร.แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือ ตำแหน่งทางวิชาการ เพราะสุดท้ายก็จะโดนระบบบีบให้ต้องทำ
3. เงินเดือน หลายๆมหาวิทยาลัยจะรับเข้าเป็นอัตราจ้าง ป.โท ก็หมื่นปลายๆ ป.เอกก็สองหมื่นต้นๆ
แล้วก็ให้ไปสอบพนักงานเอาเองถึงปรับเงินเดือนใหม่ ซึ่งก็ต่อคิวไปเรื่อยๆ ตามงบประมาณที่จะได้มา (แล้วก็รอตกเบิกอีกต่อไป)
4. ที่ทำงานอยู่ ต่อสัญญาระยะที่ 1 ต้องมีชั่วโมงสอน มีเอกสารประกอบการสอน และภาระงานอื่นๆ
ต่อระยะที่ 2 ก็คล้ายๆ ระยะที่ 1 แต่เพิ่มวิจัย
ต่อระยะที่ 3 ถ้าไม่อยุ่ระหว่างการขอตำแหน่งวิชาการ หรือได้ตำแหน่งแล้วก็ ไม่ต่อสัญญา
ซึ่งทั้ง 3 ระยะต่อให้เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก็มีสิทธิ์ไม่ต่อสัญญาเช่นกัน
5. มีการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นภาคการศึกษา 1ปี ประเมิน 2 ครั้ง ถ้าอยู่ในระดับ 1 เลิกจ้าง (มี 5 ระดับ)
ถ้าระดับ 2ติดกัน 2 เทอม เลิกจ้าง
ยังดีที่ทำงานให้อิสระในการทำงานสูงไม่ต้องมาScanนิ้ว รูดบัตร วัดที่ตัวผลงานจริงๆ
แต่ถ้าไม่มีผลงานก็อยู่ยาก
แต่ก่อนอาชีพอาจารย์คนนอกมองว่าสบาย เงินเยอะ (ตรงไหน ?? ปี49-50เดิมทีป.โทเริ่มที่ 9000บาท)
ตอนนี้ไม่มีระบบราชการเหมือนแต่ก่อน และการปรับเงินเดือนจาก ป.ตรีเริ่มต้นที่ 15000 บาท ก็ส่งผล
ให้ต้องเกลี่ยกำลังคน (ออกไป) เพราะเงินเดือนปรับทั้งระบบ (แต่ก็รอคิวต่อๆๆๆๆๆๆไป)
ประเด็นคือถ้า
1. ฐานะทางบ้านไม่ได้เดือดร้อน
2. มีความต้องการอยากสร้างเด็ก และอดทนกับพฤติกรรมเด็กสมัยนี้ได้
(มีเด็กส่วนมากที่คิดว่า อาจารย์คือ คนที่พ่อแม่เค้าจ่ายเงินค่าเทอมมาจ้างให้สอน
ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าเด็กจะเคารพคุณทุกคน เพราะเด็กมาจากหลากหลาย )
3. สามารถทำงานได้แทบจะ 24 ชม. เพราะคุณอาจจะต้องเตรียมสอน
ต้องให้คำปรึกษา ต้องทำวิจัย ต้องทำตำรา ขอผลงาน ทั้งนี้
ไม่เหมือนงานที่เลิกงานกลับบ้านแล้วจบ
บ้างครั้งคุณอาจจะต้องเข้าไปแก้ปัญหา "ชีวิต" ให้กับเด็กในรั้วมหาวิทยาลัย
ปัญหาเด็กในวัยนี้ บางทีมันก็ . . .
----------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่ทั้งนี้ ถามว่า ถ้ามันแย่ทำไมถึงยังทำอยู่
ตอบได้ว่า การที่เห็นลูกศิษย์ เรียนจบ ไปทีละขั้นๆ จนจบปริญญา
การที่สร้างคน ดึงเด็กขึ้นมา คือความสุข
และงานที่หนัก หากมองเป็นโอกาส มันคือประสบการณ์ค่ะ
พูดเหมือนโลกสวย
----------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่คนที่เคยเป็นอาจารย์แล้ว ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องรายได้ (ซึ่งเป็นประเด็น)
ไม่ได้มองว่า ทำงานไม่คุ้มกับเงินที่จะได้
และอดทนที่จะสะสมไปเรื่อยๆ แล้ว เราว่าก็เป็นอาชีพที่ดีและมีความสุขได้นะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ปล. เริ่มเหนื่อย แต่ตอนท้ายถ้าคุณเก่ง และมีวุฒิ งานสอนพิเศษจะวิ่งมาหาเองค่ะ
อย่างน้อยก็ชั่วโมงละ 250 (ในเวลา) นอกเวลาก็ 500++
ไหนจะงานวิทยากรอีก
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นอาชีพที่ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองในการจะโตหรือจะอยู่กับที่