REF =
http://www.dailynews.co.th/Content/bangkok/228385/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ กทพ.ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขึ้นทางพิเศษโดยไม่จ่ายค่าผ่านทาง ว่า เมื่อมีขบวนรถผู้ชุมนุมขึ้นใช้ทางพิเศษโดยไม่ชำระค่าผ่านทางรวมถึงนำรถที่กฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้ทางพิเศษ อาทิ รถจักรยานยนต์ขึ้นใช้ทางพิเศษนั้น กทพ.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และขั้นตอนระเบียบวิธีปฏิบัติ โดยได้มีการบันทึกภาพการฝ่าฝืนและกระทำผิดด้วยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และภาพนิ่งในมุมต่างๆ แล้ว จึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อแจ้งความดำเนินคดีแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุเพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้กระทำความผิด และในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา กทพ. ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. ซึ่งทาง ศรส.ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคดีกรณีพิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่ง กทพ.ไม่ได้ยื่นฟ้องต่อดีเอสไอ ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ กทพ.จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะมีประชาชนผู้ใช้ทางด่วนร้องเรียนกรณีที่มีขบวนรถขึ้นใช้ทางด่วน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย อีกทั้งยังเป็นการฝ่าด่านไม่จ่ายค่าผ่านทาง แต่ประชาชนทั่วไปที่ขึ้นใช้ทางด่วนและจ่ายค่าผ่านทางได้รับผลกระทบ หากไม่ดำเนินการใดๆ กทพ.อาจถูกฟ้องร้องว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าผ่านทางดังกล่าวแทน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากซึ่งไม่ควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ต้องมารับผิดชอบ ทั้งนี้ไม่ได้ห้ามกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ทางด่วน แต่ถ้าขึ้นใช้ก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางตามปกติ
ทั้งนี้ กทพ.ได้รวบรวมจำนวนรถที่ฝ่าด่านขึ้นใช้ทางพิเศษโดยไม่จ่ายค่าผ่านทาง เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.-31มี.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ในเดือน ม.ค.มีรถฝ่าด่านเป็นจักรยานยนต์ 3,388 คันรถยนต์ 4 ล้อ 672 คัน มากกว่า 4 ล้อ 77 คัน คิดเป็นค่าเสียหาย 20,000 บาท เดือน ก.พ.เป็นรถจักรยานยนต์ 4,605 คัน รถยนต์ 4 ล้อ 6,980 คัน มากกว่า 4 ล้อ 437 คัน คิดเป็นค่าเสียหาย 280,000 บาท เดือน มี.ค. เป็นรถจักรยานยนต์ 2,664 คัน รถยนต์ 4 ล้อ 3,691 คัน มากกว่า 4 ล้อ 532 คัน 170,000 บาท รวม 3 เดือนเป็นจักรยานยนต์ 10,657 คัน รถยนต์ 4 ล้อ 11,343 คัน และมากกว่า 1,046 คัน รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 4.9 แสนบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทางพิเศษและการนำรถจักรยานยนต์รวมถึงรถประเภทต้องห้ามมิให้ใช้ในทางพิเศษมาใช้บนทางพิเศษ มีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 154 ซึ่งกำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 1,000 บาท พระราชบัญญัติ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย มาตรา 31, 40, 62 และ 63 ที่กำหนดโทษจำคุกไว้ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 ซึ่งกำหนดโทษจำคุก ไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 8,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การกระทำดังกล่าวนอกจากเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและกฎหมายแล้วยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้บริการทางพิเศษด้วย
กทพ. ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขึ้นทางพิเศษโดยไม่จ่ายค่าผ่านทาง!
http://www.dailynews.co.th/Content/bangkok/228385/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ กทพ.ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขึ้นทางพิเศษโดยไม่จ่ายค่าผ่านทาง ว่า เมื่อมีขบวนรถผู้ชุมนุมขึ้นใช้ทางพิเศษโดยไม่ชำระค่าผ่านทางรวมถึงนำรถที่กฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้ทางพิเศษ อาทิ รถจักรยานยนต์ขึ้นใช้ทางพิเศษนั้น กทพ.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และขั้นตอนระเบียบวิธีปฏิบัติ โดยได้มีการบันทึกภาพการฝ่าฝืนและกระทำผิดด้วยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และภาพนิ่งในมุมต่างๆ แล้ว จึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อแจ้งความดำเนินคดีแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุเพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้กระทำความผิด และในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา กทพ. ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. ซึ่งทาง ศรส.ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคดีกรณีพิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่ง กทพ.ไม่ได้ยื่นฟ้องต่อดีเอสไอ ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ กทพ.จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะมีประชาชนผู้ใช้ทางด่วนร้องเรียนกรณีที่มีขบวนรถขึ้นใช้ทางด่วน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย อีกทั้งยังเป็นการฝ่าด่านไม่จ่ายค่าผ่านทาง แต่ประชาชนทั่วไปที่ขึ้นใช้ทางด่วนและจ่ายค่าผ่านทางได้รับผลกระทบ หากไม่ดำเนินการใดๆ กทพ.อาจถูกฟ้องร้องว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานจะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าผ่านทางดังกล่าวแทน ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากซึ่งไม่ควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ต้องมารับผิดชอบ ทั้งนี้ไม่ได้ห้ามกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ทางด่วน แต่ถ้าขึ้นใช้ก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางตามปกติ
ทั้งนี้ กทพ.ได้รวบรวมจำนวนรถที่ฝ่าด่านขึ้นใช้ทางพิเศษโดยไม่จ่ายค่าผ่านทาง เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.-31มี.ค. ที่ผ่านมา พบว่า ในเดือน ม.ค.มีรถฝ่าด่านเป็นจักรยานยนต์ 3,388 คันรถยนต์ 4 ล้อ 672 คัน มากกว่า 4 ล้อ 77 คัน คิดเป็นค่าเสียหาย 20,000 บาท เดือน ก.พ.เป็นรถจักรยานยนต์ 4,605 คัน รถยนต์ 4 ล้อ 6,980 คัน มากกว่า 4 ล้อ 437 คัน คิดเป็นค่าเสียหาย 280,000 บาท เดือน มี.ค. เป็นรถจักรยานยนต์ 2,664 คัน รถยนต์ 4 ล้อ 3,691 คัน มากกว่า 4 ล้อ 532 คัน 170,000 บาท รวม 3 เดือนเป็นจักรยานยนต์ 10,657 คัน รถยนต์ 4 ล้อ 11,343 คัน และมากกว่า 1,046 คัน รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 4.9 แสนบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนไม่ชำระค่าผ่านทางพิเศษและการนำรถจักรยานยนต์รวมถึงรถประเภทต้องห้ามมิให้ใช้ในทางพิเศษมาใช้บนทางพิเศษ มีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 154 ซึ่งกำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 1,000 บาท พระราชบัญญัติ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย มาตรา 31, 40, 62 และ 63 ที่กำหนดโทษจำคุกไว้ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 ซึ่งกำหนดโทษจำคุก ไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 8,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การกระทำดังกล่าวนอกจากเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับและกฎหมายแล้วยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้บริการทางพิเศษด้วย