การเดินทางผจญภัยอันแสนทรหดจากดินแดนบางนาสู่ถนนวิภาวดี.... เรื่องราวดีๆที่ทำให้ชีวีบัดซบญ์

เรียงความความประทับใจส่งคุณครูและผู้มีอำนาจในบ้านเมือง เม่าอ่าน

เช้าวันนี้ 3 เมษายน 2557

ฉันเป็นวัยรุ่นวัยทำงานคนหนึ่ง
บ้านของฉันอยู่แถวซอยศรีด่าน22 (เส้นศรีนครินทร์ ใกล้ๆลาซาล แบริ่ง) ค่อนข้างออกมาทางบ้านนอก
การเดินทางไปทำงานของฉันในช่วงเช้าๆเป็นเรื่องปกติครับ ออกจากบ้านตามปกติเจ็ดโมงทุกวัน
ถ้าฉันออกสายกว่านี้ บ้านฉันจะรถติด ฉันอยากจะขี่ควายขึ้นทางด่วนไปทำงาน ฉันเชื่อว่ามันน่าจะซอกแซกได้เร็วกว่านี้

วันนี้ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่า จะมีงานรับปริญญาที่ไบเทค ฉันออกจากบ้านตามปกติ ออกมาทางซอยหลังบ้านไปทะลุเส้นบางนาตราด เกือบจะถึงตึกเนชั่น (คิดภาพตามไม่ออกไม่เป็นไร)

พ่อของฉันขับรถออกมาส่งฉันวันนี้ เม่าออกรถ
ออกมาถึง ฉันตกใจกับมวลมหาประชารถ ที่ต่อคิวกันเนืองแน่น รถทุกคนจอดแน่นิ่งเหมือนงานมอเตอร์โชว์
โอ้...พระเจ้า ฉันอุทานเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มองดูนาฬิกา 07:15น. ปกติเวลานี้ควรจะถึงท่ารถตู้ บางนา-เซนทรัลลาดพร้าวแล้ว

ทำไมมันติดจังฟร่ะ เลยเสิชดูและพบว่า มีงานรับปริญญาที่ไบเทค ใจนึงก็คิดว่านี่มันติดมาถึงนี่เลยหรอเนี่ยยยยยยยยยยย

รถยังติดต่อไป รังสีความร้อนใจของรถทุกคนแพร่กระจายออกมา
ตัวฉัน ต้องเข้างานที่บริษัทแถวเส้นวิภาวดีเวลา

08:00น.

ปัจจุบันยังไม่ถึงบางนาเลย

รถติดมาเกือบครึ่งชั่วโมง ชีวิตเริ่มจะหาไม่ ร้อนใจมาก จนถามตัวเองว่า กรูตายไปเลยได้มั้ย แล้วจะเกิดใหม่เมื่อไรค่อยมาปลุก

รถค่อยๆขยับได้เล็กน้อย จนรถของฉันและพ่อกำลังจะแหกออกมาปากทางเข้าถนนใหญ่แล้ว เห็นแสงเรืองๆ รอคอยฉันอยู่ (แม้ภาพข้างหน้าจะมีรถติดไม่ขยับอยู่ก็ตามที)

ทันใดนั้นเอง!!!!

ก็มีรถแตกแถว ออกมา ขับสวนเลนข้างๆขึ้นมา จะเข้ามาแทรก!!!!!!!!

ไอฝรัดดดดดดดด!!!!!!!

บิดาของฉันตะโกนออกมาลั่นรถอย่างแช่มชื่น

รถนิสัยเสียคันนั้น พยายามจะยัดตัวเข้ามาแทรกคิวหน้ารถของเรา เพื่อออกสู่ถนนใหญ่

พ่อของฉันจึงกันเต็มที่ ไม่ให้เข้ามาแทรกได้

งานเริ่มหยาบขึ้น เมื่อเลนข้างๆมีรถสีดำมรณะสวนเข้ามา บีบแตร แปร๊นๆๆๆๆๆ เหมือนช้างป่ากำลังพิโรธ

เจ้าของรถนิสัยเสียคันนั้น จึงพยายามจะเบียดเข้ามาแซงให้ได้!!!

พ่อฉันก็ไม่ยอมเด็ดขาด บ่นโปรยๆออกมาว่าต้องดัดนิสัยซะบ้าง

แต่แล้ว งานหยาบต้องมา

เจ้าของรถนิสัยเสียคันนั้น เปิดกระจกรถโวยวาย บอกว่า

"มีน้ำใจหน่อยสิครับบบบบบบบบ!!!!!"

บิดาของฉันจึงอารมณ์ขึ้น!!!

แต่ไม่ทันอารมณ์ของฉัน

ฉันเปิดกระจกและโวยออกไปว่า

"เมิงก็มีมารยาทก่อนสิโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!"



แล้วรีบปิดกระจก เดี๋ยวมันจำหน้าได้ มาเฟียเยอะ
--------------

เม่าโศก
เหตุการณ์ผ่านไปด้วยไม่ดี แต่ก็นะ รถคันข้างหลังก็ยอมให้รถนิสัยเสียคันนั้น แซงหน้าตนเองได้

เวลาผ่านไปจนถึง

07:59น.

อีก 1 นาที ฉันจะต้องถึงบริษัท
แต่สารร่างและวิญญาณของฉันยังคงอยู่ตรงนี้ จุดที่ยังไม่ถึงวัดศรีเอี่ยมด้วยซ้ำ

รถขยับไปได้เหมือนกระต่ายกับเต่า (โดยรถทุกคันเป็นมวลมหาประชาเต่า ที่มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ส่วนกระต่ายคือมอไซค์รับจ้าง)

ใช่ครับ

มอเตอร์ไซค์รับจ้าง!!!! เม่าเริงร่า

พ่อของฉันบอกฉันว่า ไปส่งถึงแยกบางนาไม่ไหวแล้ว

ลงไป

ลงไปเสียเถอะ

ทางที่ทำได้ของฉันคือ ลงมาจากรถที่แยกศรีเอี่ยม แล้วพ่อจะได้เลี้ยวกลับเข้าบ้านไป

ลงมาปุ๊บ เดินมึนกับแสงอาทิตย์ แล้วคิดว่าคงต้องเรียก มอเตอร์ไซค์ไป

ตอนนั้นรถติดมาก หนาแน่นสุดๆ ทุกคนต่างแย่งมอเตอร์ไซค์กันสุดฤทธิ์

จนฉันก็ใช้มือน้อยโบกมาได้หนึ่งคัน

"พี่ครับ ไปสี่แยกบางนาเท่าไรครับ"

มอไซค์รับจ้างเสื้อเขียว ก็ทำหน้าคิดแล้วพยายามทำหน้าให้เหมือนว่า โหหห...สี่แยกบางนา ไกลจังนะ  

"อืม...สี่แยกบางนาหรอ"

"ครับพี่ ใกล้ๆนี้เอง เท่าไรครับ" ฉันยิงประเด็นไปก่อนว่ามันไม่ได้ไกลมากนะ หึหึ

"วันนี้รถติดมากแล้วก็หายากนะน้อง พี่ขอละกัน 300 นะ"

........นี่กรูโดนค่าปรับหรอ?????

หรืออะไร???

คืองง #ที่สุด #ที่สุดเลย (ทำหน้าแบบเจมส์จิ)

"พี่!!! 300 บ้าปะเนี่ย"

"อ่ะๆ 200 ก็ได้ อย่าต่อเลยน้อง วันนี้รถเยอะจริง มอไซค์เร็วกว่า ไม่ไปทำงานสาย"

.....เข้าใจความรู้สึกของฝรั่งมังค่าที่เข้ามาในสารขัณฑ์ประเทศ เอ้ย สยามประเทศของเรา เวลาโดนโกงซึ่งๆหน้าแล้วรู้สึกเจ็บอย่างไร

"ไม่ไปครับ"



แล้วฉันจึงเดินหนีออกมา อย่างฉุนเฉียว

แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมา ไลน์บอกหัวหน้าว่า

"วันนี้ไปสายนะครับ ไบเทคมีรับปริญญา ตอนนี้เดินอยู่กลางแดด"

และตัดสินใจว่า ฉันจะเดิน!!!

เรามาดูแผนที่การเดินทางของเรากันครับ



4.1 กิโล!!!

เวลาตอนนั้น 8:13น. แล้ว

เดินไปสักพัก รถก็เริ่มขยับได้ จึงตัดสินใจขึ้นรถเมล์แอร์ดูสิ ร้อนจริงๆทนไม่ไหว อย่างน้อยขอให้ขยับไปได้หน่อย เห็นรถเริ่มคล่องตัวนิดๆ

แต่ไม่เป็นเช่นนั้น....

รถเมล์เริ่มหยุดแน่นิ่งอีกครั้ง เมื่อเลยเซ็นทรัลบางนา

ฉันที่ยืนดูมิวสิควีดีโอเพลงลูกทุ่งเรื่องชีวิตเด็กลำเค็ญ ของไทด์ เอเอฟ อะไรสักอย่างอยู่ พอดูจบ มีแรงฮึดกับชีวิต

จึงเดินลงจากรถเมล์ เยี่ยงวีรบุรุษว่าฉันจะไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต

เจอแดดปุ๊บ ก็หยุดคิดเลย

ได้แต่ก้มหน้าเดินต่อไปเรื่อย วันนี้ใส่เสื้อสีดำ ร้อนจริงๆ เหงือเริ่มไหล

ทางเดินเท้าของชาวกรุงเทพฯที่ขรุขระ เปแรียบเสมือนพื้นผิวดวงจันทร์ที่กำลังปะทุ

นอกเหนือไปกว่านั้น ยังต้องคอยหลบมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่สวนเลนกันมา นึกว่าเป็นกระสุนปืน

เดินมาจนถึงแถวหน้าไบเทค

บอสตัวใหม่ก็ปรากฏ!!!!!!!!!! เม่าตกใจ

มันคือบอสที่มาพร้อมกับดอกไม้ ตุ๊กตา และลูกโป่ง

ป้าๆเหล่านี้ ฮาร์ดเซลล์กับฉันมาก

ทุกคนต่างขายของกันบนทางเท้าอย่างสนุกสนานตลอดทางอันยาวเหยียด

ฉันเดินไม่ได้

ฉันเริ่มหัวเราะ

ฮ่าๆๆ

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เม่าเริงร่า

ฮือออออออออออ....

ทนไม่ไหวแล้วว๊อยยยยยยยยยยยยย



ต้องลงมาเดินกับรถที่ถนนใหญ่ เพราะเบียดเสียดกับคนบนทางเดินทางและดงดอกไม้มิได้จริงๆ

ช่วงไหนร้อน ก็ค่อยแอบขึ้นไปเดินบนฟุตบาทใหม่

ยิ่งช่วงเข้าใกล้รังไบเทคของบอสเหล่านี้ สมุนของพวกมันก็เยอะมาก
ผู้คนต่างเบียดเสียดกันในทางคับแคบ จนบางคนก็ไปเดินเตะโดนแผงวางดอกไม้ของบอสเหล่านั้น

เมื่อบอสป้าเห็นดังนั้น บอสตนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า

"แบ่งลงไปเดินข้างล่างกันหน่อยค่าาาา ตรงนี้ของเขาวางขายนะค่ะะะะะะะะ!!!!!!!!"

พระเจ้าช่วย

นี่ในที่สุด ฟุตบาทที่มาจากเงินภาษีที่ฉันพึ่งจ่ายไปก่อนวันเอพริลฟูล ก็ตกเป็นอาณานิคมของบอสป้าแล้วหรือนี่

อีฝรัดนรกกกกกกกก!!!!

ด่าในใจ.... เป็นไงเจ็บไหมละ

แล้วยิ้มเยาะกับตัวเองหนึ่งที ประหนึ่งว่า ไม่ได้เหยียบหน้านังบอสป้า แต่ได้เหยียบเงาของมันรัวๆแรงๆ ก็สะใจแล้ว

เดินเกือบจะถึงป้ายรถเมล์หน้าไบเทค สังเกตเห็น มีชายชุดสีกากียืนอยู่ ส่งเสียงดังโวยวายกัน

คุณตำรวจจจจจจจ!!!!!!

นั่นคุณจริงๆด้วย

เดินเข้าไปใกล้ขึ้น ก็พบว่า คุณตำรวจกำลังอัพเลเวลตนเอง สู้กับบอสป้าขายลูกโป่ง

บอสตนนี้แรงมาก นางยึดป้ายรถเมล์เป็นจุดยืนขายลูกโป่งหลากสีสวยงาม!!!

คุณตำรวจได้แต่ยืนลากๆๆ ไล่ๆๆออกไป โดยมีกำลังใจเป็นสหายบอสป้าโดยรอบ

ฉันรู้ตัวว่าสายแล้ว
ฉันจึงขอยืนดูอีกหน่อย

ใช่ฉันเสื-อกมาก

บอสป้า ยิ่งไม้ตายออกมาเป็นคำพูดที่ว่า

"ถ้าขายไม่หมด กรูก็ไม่กลับโว๊ย"

เอาเถิด จักทำอะไรก็ทำ

ความดราม่ายังไม่หมดเท่านั้น ตลอดหน้าไบเทค รถติดทำให้ชีวิตของราษฏรย่ำแย่

บัณฑิตบางคนหอบชุดแดงๆ แล้วทะเลาะกับแม่ที่เดินตามหลัง ได้ยินลางๆว่า

"ก็บอกแล้วว่าให้เอารองเท้าแตะมาเผื่อให้ด้วย เผื่อมันต้องลงเดินไกล แล้วนี่ไงหละ"

กระฟัดกระเฟียด เดินงอกแง่กอยู่บนทางฟุตบาท

นี่มันอะไรกันหนอวันนี้ (แต่ฉันมีบัตรเสื-อก เพราะงั้นฉันจึงฟังได้ ขออนุญาตนะ) เม่าหอยทาก

เมื่อเดินมาถึงสี่แยกบางนา....

รถตู้ไปเซ็นทรัลลาดพร้าว!!!

หมดดดดดดดดดดดด!!!!!!!

ฮัลโหลลลลลลลลลลลลลลลลล


#อะไรที่ว่าซวยบุ๋มก็ว่าซวย

รอรถเมล์ 129

ก็ไม่มา
แดดก็ยังคงส่องแสงเปรี้ยงๆๆๆตูมๆๆๆ เหมือนคุกกี้ฮีโร่ตอนพัฒนาเต็มขั้น

9:15น. แล้ว

พึ่งถึงบางนา

ไม่อยากสายไปกว่านี้ จึงตัดสินใจ

เดินต่ออีกนิดก็ได้ว่ะ ขี้เกียจรอรถเมล์ ย้อนไปขึ้นบีทีเอสเอาละกัน!!!

จึงก้มหน้าก้มตา แบกสารร่างและเหงื่อมากมายไปตามทาง เพื่อไปบีทีเองบางนาแทน

เดินไปครึ่งทาง

รถเมล์ 129 ก็โผล่มา!!!!!!!!

ฉันกรีดร้องสุดชีวิต

แหกสุดๆ แหกๆๆๆๆ แหกๆๆๆๆๆ (หมายถึงปาก)

แล้วก้วิ่งย้อนกลับไปที่ป้ายรถเมล์

พอรถเมล์มาเทียบท่าอากาศยานบางนา
ประตูรถเปิด ฉันเห็นมุนษย์มากมายอยู่ในรถ

ผู้โดยสารที่รอบอร์ดดิ้งขึ้น เที่ยวบิน129 ก็ต่างกรูกันเข้ามา เยอะมาก

แต่ทว่า!!! ฉันยืนอยู่หน้าประตูอยู่คนแรก แล้วยัดตัวเองเข้าไปไม่ได้

เพราะมันมีมนุษย์ชายหนวดเฟิ้มคนนึง ยืนบล็อคทางอย่างสบายใจ!!!

พอเขาเห็นคนเข้ามา ก็ขยับเล็กน้อย โดยการบิดเอวคลายเมื่อย แล้วยืนอยู่ยังงั้นต่อ

คนเริ่มออกกันตรงประตู เข้ามาไม่ได้

ฉันก็บอกว่า "ขอโทษครับ เดินเข้าไปข้างในได้ไหมครับ ขอเข้าหน่อยครับ"

เขาก็มองหน้าแล้วก็ขยับเล็กน้อยอีกครั้ง

คนยังออกันอยู่เต็ม

โชคดีที่ฉันเป็นคนมีน้ำอดน้ำทน

จึงพูดเสียงดังว่า

"เดินชิดในด้วยครับ!!! คนอื่นเขาเข้าไม่ได้ อย่าสร้างความเดือดร้อนครับบบบ!!!!!"

แล้วก็แหกตนเข้าไปในรถให้ได้

ตอนนี้คนเริ่มขยับเข้ามาได้

ฉันจึงหยิบมือถือขึ้นมาทำเป็นเล่น จะได้ไม่สบตาใคร เหนื่อยแล้ว....

หัวหน้าด้วยความเป็นห่วงก็โทรมาสอบถามว่าเป็นอย่างไร....

สรุปแล้ว....

ถึงที่ทำงาน

10:08น.

เลทไปสองชั่วโมงแปดนาที คริกคริก ชีวิตบัดณ์ซบฐ์ดีชริงๆ

กราบลา เม่าอดีต

------------------

พรุ่งนี้มีรับอีกวัน ฉันจึงกะจะนอนค้างที่บริษัทนี้แล้วหละ ทำโอที 24 ชั่วโมงไปเลย

กราบลา...

---- ขอให้กระทู้นี้ เป็นหนึ่งเสียงประกาศให้ผู้ใหญ่ที่มีรถขับ มีคนขับรถ หรือผู้มีอำนาจอยุ๋ระดับสูงแล้ว ไม่ต้องมาทนแบบชนชั้นรากหญ้าแบบพวกเรา ได้รับร็ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง ----

การที่มอเตอร์ไซคืมาอัพราคามันถูกไหม ทางเดินเท้าไม่มีถูกหรือเปล่า ตำรวจก็ทำอะไรคนขับนิสัยเสียไม่ได้

ต่อให้ผมจะตะโกนร้องเรียกชัชชาติแมนแค่ไหน ก็ไม่มีใครได้ยิน

รบกวนเถิดครับ ถ้ากรุงเทพฯ สามาถรแก้ปัญหาการจราจรได้ มันจะต้องน่าอยู่ขึ้นอีกหลายสิบเท่าตัวเลยครับ

อย่าให้คุณภาพชีวิตกตต่ำไปกว่านี้เลย

กราบบบบบบ

ชีวิตดีๆที่ลงตัว

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่