เรื่องยาวหน่อยนะคะ
เราพยายามที่จะสร้างครอบครัวกับแฟนต่างชาติชาวตุรกีที่อายุน้อยกว่าประมาณ 4 ปี อาศัยอยู่เมืองไทย เราใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี กว่าจะทำความเข้าใจนิสัยใจคอซึ่งกันและกันและจนกระทั่งเริ่มเข้าใจกันมากขึ้นจากวัฒนธรรมและความแตกต่างของคนประเทศนี้ซึ่งเราไม่เคยรู้จักมาก่อน สิ่งนึงที่ทำให้เราอึดอัดคือเรื่องแม่เค้าที่มาเยี่ยมลูกและอาศัยอยู่ที่บ้านเดียวกับเราและแฟนเป็นเวลาเดือนกว่าๆ แม่เค้าซึ่งรักลูกมากและเราเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ ตลอดเวลาที่คบกันแม่เค้าโทรมาหาลูกทุกวันซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ชีก็ดีกับเรา พูดจาดี ซื้อของมาฝากเวลามาเยี่ยม แต่พอเริ่มมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันแรกจนเดี๋ยวนี้ เราก็เริ่มไม่มีความสุข เรื่องมีอยู่ว่า
1.ทุกวันเราต้องทำงานประจำ ออกกำลังกายหลังเลิกงานบ้าง แต่พอกลับบ้านมาวันแรกชีก็เรื่มบอกว่า "บ้านสวยชั้นชอบแต่ชั้นว่ามันรก" (ด้วยภาษาอังกฤษที่นางพูดได้เป็นคำๆผิดๆถูกๆ แต่ก็พยายามจะพูดให้ได้) และชีก็เริ่มสั่งให้เก็บโน่น นี่นั่น ตอนเราไปทำงานชีก็ให้คนงานย้ายโน่นนี่นั่นให้เป็นระเบียบ เอารูปครอบครัวลุง ป้าน้าอาพ่อแม่ชี มาติดตู้เย็น ปลูกต้นไม้
2. พอเสาร์อาทิตย์ หลังตื่นนอน ก็สั่งให้คนงานเช็ดกระจกหน้าต่างทุกบาน คนงานเป็นพม่าเช็ดไม่สะอาดชีก็เดินมาบ่นกับเรา เราก็เลยต้องเช็ดเองตอนชีไปช้อปปิ้งกับแฟนเรา เช็ดเสร็จนางบอกว่าไม่สะอาดอีก เราก็เลยบอกว่าเราเช็ดเองทำได้ดีที่สุดเท่านี้ นางก็เลยแนะนำว่าน่าจะเป็นเพราะใช้ผ้าไม่ถูกชนิด โอเคจบ เดี๋ยวไว้มาเช็ดใหม่
3. ระหว่างเรากลับมาจากที่ทำงานนั่งพักเช็คโทรศัพท์ไม่ถึงนาทีชีก็บอกว่า "ขอโทษนะ โต๊ะวางของสวยนะ แต่รก" เราก็เลยลุกขึ้นไปเก็บซึ่งของบนโต๊ะก็คือของที่ชีมาวางสารพัด เราก็เลยถามว่าจะวางไว้ไหนของยูอะ จบไปหนึ่งเรื่อง
4. เสาร์ถัดไปชีอยากไปจตุจักรไปหาร้านขายเสื้อผ้าคอตต้อนลายแขกๆหน่อยที่ชีซื้อเมือ่ปีที่แล้ว แต่ชีจำทางไปร้านไม่ได้ เราก็เลยพาไปโดยแบบไม่อ้อม ไม่หลง ระหว่างทางก่อนถึงร้านชีก็บอกว่า "ยูจำทางไม่ได้หรอ" ประมาณ 2-3 รอบ จนกระทั่งถึงร้าน แล้วชีก็ใช้เวลาอยู่ที่ร้านนั้นประมาณ 2 ชม. โดยลองเสื้อผ้าเป็นกองๆ (พร้อมกับบอกทางเจ้าของร้านให้หาชุดโน่นนี่นั่นพร้อมไซส์ให้หน่อย) แล้วในที่สุดชีก็เหนื่อย ชีก็เลือกซื้อชุดทั้งหมด 6,890 บาท ที่ร้านลดให้เหลือ 6,100 บาท ชีก็ต่อราคาขอให้ลดอีก ทางเจ้าของร้านบอกว่าลดให้แล้วลดไม่ได้แล้ว แล้วชีก็เดินไปหยิบชุดละ 1,100 บาท มาใส่เพิ่มบอกว่าทั้งหมด 6,100 บาทรวมชุดนี้ด้วย ต่อกันไปมาทางร้านก็ไม่ให้ในที่สุดชีก็เอาชุดคืนแล้วก็ไปซื้อถ้วยชามลายไทยต่อ ระหว่างออกจากร้านเสื้อเจ้าของร้านบอกเราเก่งมากนะเนี่ยที่มีความอดทนขนาดนี้
5. ที่ร้านถ้วยชามชีสั่งซื้อประมาณ 4 ชิ้น แล้วพนักงานห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ ชีบอกว่ามีบับเบิ้ลห่อมั้ย เราก็ถามคนขาย คนขายบอกไม่มี ชีก็พูดภาษาชีใส่หน้าเราพร้อมอาการเลือดขึ้นหน้า เราไม่เข้าใจ ชีก็เลยพูดภาษาอังกฤษเป็นคำๆจับใจความได้ว่า คนขายต้องบริการ เราก็เลยบอกคนขาย คนขายก็ให้ไปซื้อเอง ชีก็เลยถามว่าไกลมั้ย เราตอบว่าไม่รู้ว่าไกลมั้ยต้องลองเดินดูน่าจะไม่ไกล ระหว่างถามกับคนขายว่าไกลมั้ย ชีก็เปลี่ยนใจบอกว่าไม่เอาแล้ว ทำท่าทางอารมย์เสียแล้วเดินไปพร้อมกับบอกว่าไปซื้อที่อื่น พอไปซื้อชามอีกร้านนึง ชีก็ถามเรื่องเดิมคือบับเบิ้ล เราก็เลยบอกให้ทางคนขายไปซื้อบับเบิ้ลให้หน่อย คนขายไม่ไปแล้วชีก็เปลี่ยนใจไม่ห่อแล้วบับเบิ้ล เรื่องก็จบ
6. วันอาทิตย์ไปกิน อาหารเช้าที่ร้าน dean & deluca ก่อนไปเราบอกว่าคนเยอะไม่อยากไป แฟนก็บอกว่าไปเหอะ ไปถึงรอคิวประมาณ 4 คิว ระหว่างรอชีก็บ่นว่าเสียงดังไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน บ่นกับเราเสร็จไปบอกผู้จัดการว่าไม่ชอบเสียงดัง เราเลยเดินหนี แฟนก็บอกมีที่อื่นกินมั้ยเราบอกคิดไม่ออก ก็รอจนได้ที่นั่งชีสั่งแซนวิชชีสธรรมดา พอแซนวิชมาชีบอกว่าไม่เห็นมีมันฝรั่งทอดหรืออย่างอื่นเลย หมายความว่าสั่งแซนวิชชีสควรจะมี side dish เป็นมันฝรั่งทอด ชีก็เลยเรียกพนักงานมา ให้เอามันฝรั่งพนักงานบอกว่าต้องเสียเงินเพิ่ม นางก็พูดภาษานาง แล้วก็บอกว่าไม่ชอบนู่นี่นั่นในร้าน แล้วกลับบ้านจนกระทั่งอาหารเย็นชีก็บ่นเรื่องเดิมว่าไม่ชอบ dean & deluca
7. ตลอดเวลาที่ชีอยู่เมืองไทยชีบอกว่าเมืองไทยร้อน ของแพง ผักผลไม้ไม่ได้เรื่องสู้ประเทศเค้าไม่ได้ เมืองไทยสกปรก อาหารไทยไม่แตะเลย บอกว่ากินไม่ได้ ของบ้านเค้าดีกว่า โปรโมทอาหารบ้านชีตลอด จนเรารุ้สึกว่าอาหารบ้านเค้าที่อร่อยจนไม่อร่อยเพราะชีโปรโมทเวอร์
***คือที่เล่ายาวเพราะเราอยากให้เพื่อนๆรู้ถึงเหตุการณ์ ว่าการที่เราไม่มีความสุขเพราะตัวเราคิดแย่ๆเอง หรือว่าเค้าเป็นคนอยู่ด้วยยาก คือว่าแฟนเราอาจจะกลับไปอยู่ประเทศเค้าซึ่งแม่เค้าก็ต้องมาที่บ้านตลอดแน่ๆ คือเราว่าเราควรจะเลิกกับแฟน หรือปรับทัศนคติตัวเองใหม่ ให้เป็นแจ๋วแบบโปรเฟสชั่นแนลและหูทวนลม และอีกวิธีนึงคือเราควรบอกแฟนว่าเราไม่สามารถอยู่กับแม่เค้าได้เพราะเราไม่เข้าใจเค้าในหลายๆเรื่อง เช่นภาษา วัฒนธรรรม รวมทั้งไม่สามารถรับมือกับคนนิสัยจู้จี้ ถ้าเค้ารับไม่ได้ก็เลิกกันไป
*** เราไม่ได้เป็นคนสกปรก วันจันทร์-ศุกร์งานบ้านเราทำถ้าเราไม่เหนื่อยเกิน เสาร์อาทิตย์เราซักผ้ารีดผ้า ถูบ้านมีแม่บ้านมาทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่เราไม่ได้เป็นคนเนี้ยบเรื่องงานบ้านเพราะเราไม่ได้อยากเป็นแม่บ้านมืออาชีพ
***ประเด็นคือแม่มีฐานะหน่อยๆถ้ากลับไปอยู่ประเทศเค้าแฟนเราก็สบาย ได้รถแพงๆขับ ได้บ้านแพงๆ มีธุรกิจส่วนตัว ส่วนเราก็คงต้องเป็นแจ๋วตัวแม่โดนแม่เค้า่สั่งๆๆๆ งานก็ไม่มีทำ รอเค้าประเคนให้
เพื่อนๆมีความเห็นยังไงบ้างคะ??? เคยมีประสบการณ์แบบนี้มั้ยคะ???? แต่พวกเพื่อนเราบอกว่า เป็นเรื่องปกติ ลูกสะใภ้ไม่มีใครอยู่กับแม่ยายได้ เห็นหย่ามาหลายคู่แล้ว เราก็เลยคิดหนักเลยคะ
รู้สึกไม่มีความสุขกับแม่แฟนเรื่องความจู้จี้และอื่นๆ จนอยากจะเลิกกับแฟน ควรจะทำอย่างไรดีคะ?????
เราพยายามที่จะสร้างครอบครัวกับแฟนต่างชาติชาวตุรกีที่อายุน้อยกว่าประมาณ 4 ปี อาศัยอยู่เมืองไทย เราใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี กว่าจะทำความเข้าใจนิสัยใจคอซึ่งกันและกันและจนกระทั่งเริ่มเข้าใจกันมากขึ้นจากวัฒนธรรมและความแตกต่างของคนประเทศนี้ซึ่งเราไม่เคยรู้จักมาก่อน สิ่งนึงที่ทำให้เราอึดอัดคือเรื่องแม่เค้าที่มาเยี่ยมลูกและอาศัยอยู่ที่บ้านเดียวกับเราและแฟนเป็นเวลาเดือนกว่าๆ แม่เค้าซึ่งรักลูกมากและเราเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ ตลอดเวลาที่คบกันแม่เค้าโทรมาหาลูกทุกวันซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ชีก็ดีกับเรา พูดจาดี ซื้อของมาฝากเวลามาเยี่ยม แต่พอเริ่มมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันแรกจนเดี๋ยวนี้ เราก็เริ่มไม่มีความสุข เรื่องมีอยู่ว่า
1.ทุกวันเราต้องทำงานประจำ ออกกำลังกายหลังเลิกงานบ้าง แต่พอกลับบ้านมาวันแรกชีก็เรื่มบอกว่า "บ้านสวยชั้นชอบแต่ชั้นว่ามันรก" (ด้วยภาษาอังกฤษที่นางพูดได้เป็นคำๆผิดๆถูกๆ แต่ก็พยายามจะพูดให้ได้) และชีก็เริ่มสั่งให้เก็บโน่น นี่นั่น ตอนเราไปทำงานชีก็ให้คนงานย้ายโน่นนี่นั่นให้เป็นระเบียบ เอารูปครอบครัวลุง ป้าน้าอาพ่อแม่ชี มาติดตู้เย็น ปลูกต้นไม้
2. พอเสาร์อาทิตย์ หลังตื่นนอน ก็สั่งให้คนงานเช็ดกระจกหน้าต่างทุกบาน คนงานเป็นพม่าเช็ดไม่สะอาดชีก็เดินมาบ่นกับเรา เราก็เลยต้องเช็ดเองตอนชีไปช้อปปิ้งกับแฟนเรา เช็ดเสร็จนางบอกว่าไม่สะอาดอีก เราก็เลยบอกว่าเราเช็ดเองทำได้ดีที่สุดเท่านี้ นางก็เลยแนะนำว่าน่าจะเป็นเพราะใช้ผ้าไม่ถูกชนิด โอเคจบ เดี๋ยวไว้มาเช็ดใหม่
3. ระหว่างเรากลับมาจากที่ทำงานนั่งพักเช็คโทรศัพท์ไม่ถึงนาทีชีก็บอกว่า "ขอโทษนะ โต๊ะวางของสวยนะ แต่รก" เราก็เลยลุกขึ้นไปเก็บซึ่งของบนโต๊ะก็คือของที่ชีมาวางสารพัด เราก็เลยถามว่าจะวางไว้ไหนของยูอะ จบไปหนึ่งเรื่อง
4. เสาร์ถัดไปชีอยากไปจตุจักรไปหาร้านขายเสื้อผ้าคอตต้อนลายแขกๆหน่อยที่ชีซื้อเมือ่ปีที่แล้ว แต่ชีจำทางไปร้านไม่ได้ เราก็เลยพาไปโดยแบบไม่อ้อม ไม่หลง ระหว่างทางก่อนถึงร้านชีก็บอกว่า "ยูจำทางไม่ได้หรอ" ประมาณ 2-3 รอบ จนกระทั่งถึงร้าน แล้วชีก็ใช้เวลาอยู่ที่ร้านนั้นประมาณ 2 ชม. โดยลองเสื้อผ้าเป็นกองๆ (พร้อมกับบอกทางเจ้าของร้านให้หาชุดโน่นนี่นั่นพร้อมไซส์ให้หน่อย) แล้วในที่สุดชีก็เหนื่อย ชีก็เลือกซื้อชุดทั้งหมด 6,890 บาท ที่ร้านลดให้เหลือ 6,100 บาท ชีก็ต่อราคาขอให้ลดอีก ทางเจ้าของร้านบอกว่าลดให้แล้วลดไม่ได้แล้ว แล้วชีก็เดินไปหยิบชุดละ 1,100 บาท มาใส่เพิ่มบอกว่าทั้งหมด 6,100 บาทรวมชุดนี้ด้วย ต่อกันไปมาทางร้านก็ไม่ให้ในที่สุดชีก็เอาชุดคืนแล้วก็ไปซื้อถ้วยชามลายไทยต่อ ระหว่างออกจากร้านเสื้อเจ้าของร้านบอกเราเก่งมากนะเนี่ยที่มีความอดทนขนาดนี้
5. ที่ร้านถ้วยชามชีสั่งซื้อประมาณ 4 ชิ้น แล้วพนักงานห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ ชีบอกว่ามีบับเบิ้ลห่อมั้ย เราก็ถามคนขาย คนขายบอกไม่มี ชีก็พูดภาษาชีใส่หน้าเราพร้อมอาการเลือดขึ้นหน้า เราไม่เข้าใจ ชีก็เลยพูดภาษาอังกฤษเป็นคำๆจับใจความได้ว่า คนขายต้องบริการ เราก็เลยบอกคนขาย คนขายก็ให้ไปซื้อเอง ชีก็เลยถามว่าไกลมั้ย เราตอบว่าไม่รู้ว่าไกลมั้ยต้องลองเดินดูน่าจะไม่ไกล ระหว่างถามกับคนขายว่าไกลมั้ย ชีก็เปลี่ยนใจบอกว่าไม่เอาแล้ว ทำท่าทางอารมย์เสียแล้วเดินไปพร้อมกับบอกว่าไปซื้อที่อื่น พอไปซื้อชามอีกร้านนึง ชีก็ถามเรื่องเดิมคือบับเบิ้ล เราก็เลยบอกให้ทางคนขายไปซื้อบับเบิ้ลให้หน่อย คนขายไม่ไปแล้วชีก็เปลี่ยนใจไม่ห่อแล้วบับเบิ้ล เรื่องก็จบ
6. วันอาทิตย์ไปกิน อาหารเช้าที่ร้าน dean & deluca ก่อนไปเราบอกว่าคนเยอะไม่อยากไป แฟนก็บอกว่าไปเหอะ ไปถึงรอคิวประมาณ 4 คิว ระหว่างรอชีก็บ่นว่าเสียงดังไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน บ่นกับเราเสร็จไปบอกผู้จัดการว่าไม่ชอบเสียงดัง เราเลยเดินหนี แฟนก็บอกมีที่อื่นกินมั้ยเราบอกคิดไม่ออก ก็รอจนได้ที่นั่งชีสั่งแซนวิชชีสธรรมดา พอแซนวิชมาชีบอกว่าไม่เห็นมีมันฝรั่งทอดหรืออย่างอื่นเลย หมายความว่าสั่งแซนวิชชีสควรจะมี side dish เป็นมันฝรั่งทอด ชีก็เลยเรียกพนักงานมา ให้เอามันฝรั่งพนักงานบอกว่าต้องเสียเงินเพิ่ม นางก็พูดภาษานาง แล้วก็บอกว่าไม่ชอบนู่นี่นั่นในร้าน แล้วกลับบ้านจนกระทั่งอาหารเย็นชีก็บ่นเรื่องเดิมว่าไม่ชอบ dean & deluca
7. ตลอดเวลาที่ชีอยู่เมืองไทยชีบอกว่าเมืองไทยร้อน ของแพง ผักผลไม้ไม่ได้เรื่องสู้ประเทศเค้าไม่ได้ เมืองไทยสกปรก อาหารไทยไม่แตะเลย บอกว่ากินไม่ได้ ของบ้านเค้าดีกว่า โปรโมทอาหารบ้านชีตลอด จนเรารุ้สึกว่าอาหารบ้านเค้าที่อร่อยจนไม่อร่อยเพราะชีโปรโมทเวอร์
***คือที่เล่ายาวเพราะเราอยากให้เพื่อนๆรู้ถึงเหตุการณ์ ว่าการที่เราไม่มีความสุขเพราะตัวเราคิดแย่ๆเอง หรือว่าเค้าเป็นคนอยู่ด้วยยาก คือว่าแฟนเราอาจจะกลับไปอยู่ประเทศเค้าซึ่งแม่เค้าก็ต้องมาที่บ้านตลอดแน่ๆ คือเราว่าเราควรจะเลิกกับแฟน หรือปรับทัศนคติตัวเองใหม่ ให้เป็นแจ๋วแบบโปรเฟสชั่นแนลและหูทวนลม และอีกวิธีนึงคือเราควรบอกแฟนว่าเราไม่สามารถอยู่กับแม่เค้าได้เพราะเราไม่เข้าใจเค้าในหลายๆเรื่อง เช่นภาษา วัฒนธรรรม รวมทั้งไม่สามารถรับมือกับคนนิสัยจู้จี้ ถ้าเค้ารับไม่ได้ก็เลิกกันไป
*** เราไม่ได้เป็นคนสกปรก วันจันทร์-ศุกร์งานบ้านเราทำถ้าเราไม่เหนื่อยเกิน เสาร์อาทิตย์เราซักผ้ารีดผ้า ถูบ้านมีแม่บ้านมาทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่เราไม่ได้เป็นคนเนี้ยบเรื่องงานบ้านเพราะเราไม่ได้อยากเป็นแม่บ้านมืออาชีพ
***ประเด็นคือแม่มีฐานะหน่อยๆถ้ากลับไปอยู่ประเทศเค้าแฟนเราก็สบาย ได้รถแพงๆขับ ได้บ้านแพงๆ มีธุรกิจส่วนตัว ส่วนเราก็คงต้องเป็นแจ๋วตัวแม่โดนแม่เค้า่สั่งๆๆๆ งานก็ไม่มีทำ รอเค้าประเคนให้
เพื่อนๆมีความเห็นยังไงบ้างคะ??? เคยมีประสบการณ์แบบนี้มั้ยคะ???? แต่พวกเพื่อนเราบอกว่า เป็นเรื่องปกติ ลูกสะใภ้ไม่มีใครอยู่กับแม่ยายได้ เห็นหย่ามาหลายคู่แล้ว เราก็เลยคิดหนักเลยคะ