โดนตัวแทนประกันสีแดง หลอกลวง ควรทำไงดี?

เพื่อนๆ ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ
ครอบครัวของดิฉันมีกัน 4 คน พ่อ แม่ และลูกอีก 2 คน แฟนไม่เคยคิดจะทำประกันชีวิต แต่อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนของแฟนที่เป็นตัวแทนประกันชีวิตมาเสนอ (ขอใช้ชื่อว่า คุณซีนะคะ) ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานาน ก็เลยตัดสินใจทำกับเพื่อนคนนี้ โดยเริ่มที่ทำประกันอุบัติเหตุทั้งครอบครัว ฝากเงินออมของแฟน และประกันสุขภาพให้กับลูก ๆ แต่มีปัญหาที่ลูกคนโต (น้องเป็นภูมิแพ้ค่ะ) ทางบริษัทไม่รับคุ้มครองระบบทางเดินหายใจทั้งระบบ แฟนจึงทำเฉพาะลูกคนเล็ก ซึ่งคุณซีก็บอกว่าจะยื่นขอเข้าไปเรื่อย ๆ ผ่านไปประมาณ 5 เดือน คุณซีบอกว่าน่าจะฝากเงินออมให้กับลูก ๆ ซึ่งด้วยความเป็นเพื่อน แฟนจึงฝากเงินออมให้ลูกอีก คนละฉบับ และปลายเดือนเดียวกันแฟนตัดสินใจทำประกันสุขภาพอีก 3 คนที่เหลือ ของพ่อกะแม่ไม่มีปัญหา แต่ของลูกคนโต คุณซีแจ้งว่า ทางบริษัทไม่รับคุ้มครองโรคหลอดอักเสบ ซึ่งแฟนก็โอเคค่ะ พอรับได้ อีก 1 เดือนถัดมา คุณซีก็ได้นำแผนออมทรัพย์มาเสนอ (งานนี้ของแม่) สรุป ทำประกันทั้งครอบครัว 12 ฉบับ
ประกันสุภาพคนละ 1 ฉบับ, ฝากคนละ 1 ฉบับ, อุบัติเหตุคนละ 1 ฉบับ
และแล้วเรื่องแรกก็มา หุ หุ หุ
ลูกคนโตเข้าโรงพยาบาล ซึ่งทางคุณหมอบอกว่าเป็นเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ พอถึงวันที่จะออก ทางประกันไม่จ่าย เพราะไม่คุ้มครอง ทางดิฉันตกใจมาก ก็ไหนว่าไม่คุ้มครองแค่หลอดลม เลยรีบแจ้งคุณซี คุณซีเลยบอกให้สำรองจ่ายไปก่อนเดี๋ยวทำเคลมตามให้ ผลสุดท้ายเคลมไม่ได้ค่ะ เพราะว่าทางบริษัทไม่คุ้มครองโรคเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ (ตรงโรคเลย) หลอดลมอักเสบ และโรคสืบเนื่อง (เล่นระบบหายใจทั้งระบบแล้วจะให้เด็กป่วยเป็นโรคอะไรเนี๊ย) คุณซีแจ้งว่าคุณซีได้รับแจ้งมาแค่หลอดลมอักเสบจริง ๆ และเข้าใจอย่างนั้นมาตลอด ซึ่งทางคุณซียอมรับผิด และรับผิดชอบโดยการจ่ายเงินให้แฟน 20,000 บาท (ค่าโรงพยาบาลประมาณ 23,000 บาท) (เป็นความผิดของดิฉันด้วยค่ะ ที่ไม่อ่านเอกสารให้ละเอียด เค้าบอกให้เซ็นก็เซ็น ทางประกันมีเอกสารมาให้เซ็นตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่คุ้มครอง แต่ด้วยความที่ไว้ใจเพื่อน และอ่านภาษาของประกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง) ดิฉันถามคุณซีว่า ของลูกคนโต มีโอกาสไม๊ที่ทางบริษัทจะคุ้มครองทั้งระบบ ซึ่งทางคุณซีบอกว่าจะคอยยื่นเอกสารไปเรื่อย ๆ ถ้าน้องไม่แอมิทก็จะคุ้มครองทั้งหมด
(น้องจะแอมิทด้วยโรคนี้ประมาณปีละครั้ง แต่ถ้าน้องไอ หรือเจ็บคอ ก็จะไปหาหมอทันที และก็จะไปหาที่โรงพยาบาลนี้ที่เดียว สงสัยว่าดิฉันจะดูแลลูกดีเกินไป เป็นนิดก็พาไปหาหมอเลย ทำให้ประวัติของน้องหนาไปหน่อย 555)
แถมนิดนึง โดยปกติ ตัวแทนจะต้องมาเยี่ยมลูกค้าทุกครั้งที่ป่วยใช่ไม๊คะ (ถ้าดิฉันเข้าใจผิดต้องขอโทษด้วย) แต่ดิฉันเจอคุณซีมาเยี่ยม 2 ครั้ง ครั้งแรก น้องป่วย (สงสัยเป็นครั้งแรกที่เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ทำประกัน) ครั้งที่ 2 มาเก็บเบี้ยค่ะ 555 นอกนั้น ไปแอมิทก็ไม่เคยเจอหน้า
จบเรื่องแรก

เรื่องที่ 2 (เหนื่อยใจจัง)
ปีแรกของการทำประกันผ่านไป เริ่มเข้าปีที่ 2 พร้อมกับภาวะเศรษฐกิจเริ่มฝืดเคือง แฟนของดิฉันกังวลว่าจะไม่สามารถส่งประกันได้ตลอดรอดฝั่ง จึงคิดจะตัดเงินฝากของลูกและ/หรือ ของดิฉันออก (ลืมบอกไปค่ะ ครอบครัวเราส่งประกันปีละ 8 แสนกว่าบาทค่ะ) ของแฟนเป็นแผน 7/15 จ่าย 7 ปี รับเงินคืนปีที่ 15 ซึ่งแฟนส่งต่อค่ะ แต่ของดิฉันและลูก ๆ เป็นแผน 15/25 ซึ่งแฟนบอกว่ายาวไป เลยคิดว่าจะตัดออก
เทคนิคของคุณซีเริ่มต้นขึ้นค่ะ กรมธรรม์ของลูก ๆ ครบวันที่ 12 ม.ค. คุณซีมาหาดิฉันวันที่ 11 ก.พ.ค่ะ (การจ่ายเงิน สามารถผ่อนผันได้ 1 เดือนค่ะ) เพื่อเก็บค่าเบี้ย (ชอบมาแบบไม่ให้มีเวลาคิด ตลอดเลยค่ะ) แฟนปฏิเสธที่จะต่อกรมธรรม์ปีที่ 2 ค่ะ แต่คุณซีก็บอกว่า คุณซีจะเดือดร้อนถ้าไม่ต่อปีที่ 2  คุณซีจะหาทางออกให้ คุณซีมาใหม่ในวันที่ 12 (555ดีเดย์ค่ะ) โดยการเปลี่ยนแผนเป็น 4/20 ซึ่งจะจ่ายแค่ 4 ปี แล้วหยุดจ่ายได้รับเงินคืน 80,000 ส่วนที่เหลือไปรับปีที่ 20 โดยจะได้กำไรประมาณ 1 แสนบาท ต่อคนค่ะ แถมยังบอกอีกว่า ถ้าส่งไปเรื่อย ๆ แล้วจำเป็นต้องการใช้เงิน สามารถกู้กรมธรรม์ได้เต็มจำนวนที่เราส่งไป โดยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปี (ซึ่งมารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ กู้ได้แต่ไม่เต็มจำนวนที่เราส่งไป จะกู้ได้ตามสัดส่วนการเวนคืนของกรมธรรม์) แฟนก็ตัดสินใจส่งกรมธรรม์ต่อ (เมื่อได้เงินแล้ว คุณซีก็หายไป)
ที่นี้มาถึงฉบับสุดท้ายแล้วค่ะ ของคุณแม่ (555 จะความแตกแล้ว) ครบกำหนด 26 ก.พ. ค่ะ (ครั้งนี้ ดิฉันโทรตามค่ะ แบบว่าอยากได้เวลาตัดสินใจบ้างอะ) เริ่มที่ 22 มี.ค. ดิฉันโทรตามขอแบบ 4/20 ของดิฉันค่ะ คุณซีก็มา วันแรกที่มาคุย ไม่มีเอกสารมา และพยายามพูดโน้มน้าวให้เปลี่ยนแผน 4/20 ของลูกให้กลับมาเป็นแผน 15/25 เหมือนเดิม และบอกว่า ส่ง ๆ ไปก่อนถ้าเงินช๊อตค่อยแจ้งหยุดตอนปีที่ 4 มาใช้แผน 4/20ก็ได้ มีค่าเหมือนกัน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแผน 4/20 ตอนนี้ จะกลับมาเป็น 15/25 มันยากนะ และต้องรีบตัดสินใจด้วยเพราะตอนนี้ต่อคิวเปลี่ยนแผนอยู่ เดี๋ยวมันจะดึงออกไม่ทัน ซึ่งดิฉันก็โอเค เปลี่ยนเป็น 15/25 เหมือนเดิม (ก็เรามีแต่ได้นี่หน่า) วันที่ 23/3  เครื่องปริ้นท์เสีย ปริ้นไม่ได้ คุณซีแจ้งว่าวันที่ 26 จะไม่อยู่ค่ะ (แปลว่าจะต้องรีบเก็บตังใช่ปะ) วันที่ 24/3 เอาของแฟนมา ซึ่งของแฟนต่อกรมธรรม์ไปแล้วค่ะ (รีบเอามาทำไมอะ ยังไม่ต้องการ) ดิฉันเริ่มเดือดแล้วค่ะ แฟนของดิฉันเริ่มจะเอะใจค่ะ (พอดีวันนี้ดิฉันไม่อยู่ค่ะ แฟนดิฉันถามว่าจะเหลือเงินเท่าไหร่ถ้าเปลี่ยนเป็นแผน 4/20 คุณซีบอกว่าเหลือเยอะพอสมควรแฟนบอกว่าคุณซีพยายามจะขอเก็บตังเลย) พอดิฉันกลับมา แฟนดิฉันก็บอกว่ามันแปลกๆนะ จะเอาแต่ตัง แต่ไม่มีเอกสามาให้ดู ดิฉันจึงไลน์ไปว่าจะต้องตัดสินใจแล้วแต่ไม่มีเอกสารมาให้ดูแล้วจะตัดสินใจยังไง พร้อมทวงกรมธรรม์ของลูกที่คุณซีเอาไปเปลี่ยนกลับคืนมา (มันนานขนาดนั้นเลยเหรอทำเรื่องเปลี่ยนเดือนกว่า ๆ ไม่เสร็จสักที) บอกให้ส่งไลน์มาให้เดี๋ยวนี้เลย คุณซีส่งไลน์มาให้ค่ะ ของดิฉันได้กำไร 87,500 แต่ดิฉันต้องรอรับเงินต้นคืนปีที่ 25 (ทำไมอะ ทำไมน้อยกว่าของลูก ซึ่งของดิฉันจ่ายมากกว่าของลูก 2.5 เท่า ที่ลูกยังเหลือเป็นแสน) ความเริ่มแตกค่ะ แผนของลูกที่นำมาเสนอ บริษัทไม่อนุมัติค่ะ บริษัททำจดหมายมาแจ้งตั้งแต่วันที่ 19/2 แต่คุณซีไม่แจ้งดิฉันค่ะ พอถามว่าทำไมไม่บอก คุณซีบอกว่าพึ่งได้จดหมายไม่นาน (มิน่า เชียร์จังให้เปลี่ยนคืนแผนเดิม) มันน่าเชื่อไม๊คะ ว่าจดหมายจากบริษัทส่งถึงตัวแทนกินเวลาเป็นเดือน ของลูกจากเงินที่รับคืนปีที่ 20 กลายเป็นปีที่ 25 จากที่ได้เป็นแสน เหลืออยู่ 3หมื่นกว่าบาท ดิฉันถามคุณซีว่าถ้าต้องรอถึง 25 ปีแล้วได้แค่ 3 หมื่นกว่าบาท ดิฉันจะรอทำไม แฟนของดิฉันโมโหมาก เพื่อนกันมานาน เรียนด้วยกัน บ้านคุณซีก็มีเงิน ไม่น่าจะมาหลอกกันแบบนี้

ดิฉันขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ หน่อยค่ะ
1. เงินค่ากรมธรรม์ของลูกที่ดิฉันโดนหลอกให้จ่ายไป สามารถเอาคืนได้ไม๊ ในเมื่อบริษัทไม่อนุมัติแผนตามที่ทางตัวแทนนำเสนอ
2. เอกสารที่ตัวแทนมานำเสนอเป็นใบที่ปริ้นสีออกมา มีระยะเวลาเป็นปี ๆ ตัวแทนสามารถปลอมขึ้นมาได้ แล้วต่อไปเราจะเชื่อได้เหรอว่าเราไม่โดนหลอก ในเมื่อบริษัทไม่มีมาตรการในการช่วยเหลือลูกค้าเลย ขนาดส่งขนาดนี้ บริษัทยังไม่สนใจจะมาช่วยเหลือเลยให้แต่ส่งเอกสารร้องเรียนไป แทนที่จะแต่งตั้งผู้มีอำนาจมาสอบถามลูกค้าถึงข้อเท็จ แต่กลับพูดทำนองว่าประกันตัดกันเอง ลูกค้าโดนยุมา ดิฉันควรจะทำยังไง
3. ดิฉันต้องการย้ายกรมธรรม์ทุกฉบับที่ทำกับคุณซี ไปให้ตัวแทนท่านอื่นดูแล ตัวแทนคนใหม่ไม่ได้ค่าคอมแต่ทำไมคุณซีถึงยังได้ค่าคอมจากกรมธรรม์ของครอบครัวดิฉันอยู่คะ บริษัทไม่ยุติธรรมเลย
4. ดิฉันจะร้องเรียนความเป็นธรรมอย่างไรได้บ้างคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่