Sense in the Darkness (บทที่ 8)

กระทู้สนทนา
Louis killer : Sense in the Darkness
Authors : 0.00 น.
Type : Thriller-Drama
Rated : PG-13







บทนำ-บทที่ 1 : http://pantip.com/topic/30744563
บทที่ 2 : http://pantip.com/topic/30767175
บทที่ 3 : http://pantip.com/topic/30786508
บทที่ 4 : http://pantip.com/topic/30805522
บทที่ 5 : http://pantip.com/topic/30827015
บทที่ 6 : http://pantip.com/topic/30886517
บทที่ 7 : http://pantip.com/topic/31812122








บทที่ 8




          “ถุงพลาสติกสีดำ  มัดเชือกเงื่อนตาย  ข้างในมีชิ้นส่วนหัว  ไร้ร่องรอยของชิ้นส่วนตัว”  เจ้าหน้าที่คาร์เตอร์อธิบายถึงลักษณะของศพรายล่าสุดที่ถูกพบเข้าในคืนนี้
          “พยานผู้พบศพพูดว่าไงบ้าง”  เจ้าหน้าที่คาร์เตอร์หันไปถามลูกน้อง
          “จอห์น ลินส์  พนักงานขับรถเก็บขยะของเทศบาล  เข้าให้การณ์ว่าคืนหนึ่งเขาเมาและจอดรถขยะทิ้งไว้ที่เทศบาล  เช้าวันต่อมาเขาจึงต้องรีบขับรถนำขยะไปกำจัด  ขณะที่กำลังหยิบถุงขยะเหล่านั้นอยู่  เขาก็ไปพบเข้ากับเจ้าถุงดำมรณะนั่น  เขาอ้างว่าพอจับลงไปแล้วรู้ทันทีเลยว่ามันไม่ใช่ถุงขยะธรรมดาแน่  เขาสัมผัสได้ถึงส่วนของจมูกและปาก  เขาจึงรีบแจ้งตำรวจทันที”
          “ฝีมือเดอะริปเปอร์หรือ?”  หนึ่งในนายตำรวจที่นั่งร่วมประชุมออกความคิดเห็น
          “ไม่ใช่”  ทุกสายตารวมไปอยู่ที่แจ็ค โฮลดี้  “ไม่ใช่เดอะริปเปอร์แน่  ฆาตกรรายนี้มีแบบแผนของศพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เดอะริปเปอร์ก็เช่นเดียวกัน  ฆาตกรคนนี้เลือกสถานที่ทิ้งชิ้นส่วนที่ค่อนข้างเป็นสาธารณะมากกว่า  สถานที่เปิดโล่ง  เขาไม่ปิดบังการกระทำ  แต่ปิดบังตัวตน”
          “ปิดบังตัวตน  ยังไง”  นายตำรวจคนเดิมถามถึงข้อสงสัย
          “ลายเซ็น  เขาไม่มีลายเซ็น  เดอะริปเปอร์มีอักษรแพศยา  เปิดเผยตัวตน  แต่ปิดบังการกระทำ”
          นายตำรวจทั้งห้องประชุมหันมามองแจ็คเป็นตาเดียว
          “ใช่  แต่ไม่มีอะไรที่สามารถใช้จับมันได้อยู่ดีใช่มั้ยล่ะ”  นายตำรวจช่างสงสัยคนเดิมกล่าว
          “ผลการพิสูจน์ศพจากทางนิติเวชจะส่งมาเช้านี้  วันนี้ทุกคนอยู่ทำงานที่นี่  ส่งคนออกไปตรวจสถานที่ภายในเทศบาลอีกรอบ  สอบถามผู้คนแถวนั้น  เผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติม  ไปทำงานได้”  สิ้นสุดคำสั่งของหัวหน้าคาร์เตอร์  นายตำรวจทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน
          “แกกลับมา”  แจ็ค โฮลดี้พึมพำกับตัวเองเบาๆ






          ผมเหน็บหนังสือพิมพ์ไว้ที่รักแร้พร้อมถือกาแฟในมือ  สายตาก็คอยสอดส่องหาที่นั่งไปด้วย   และแล้วสายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับคนรู้จักสองคนที่ผมคุ้นเคยดี  แต่สิ่งที่ไม่คุ้นเคยคือทำไมพวกเขาทั้งสองจึงมานั่งอยู่ด้วยกัน  
          “อ้าว  หลุยส์”  เอมีลี่กล่าวทักผม  หลังจากที่ผมเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่โต๊ะของพวกเขา   ผมออกห่างจากเอมีลี่มาได้สักพัก  พยายามจัดการสถานการณ์ทุกอย่างให้เข้าอยู่ในสภาวะปรกติ  แต่ดูเถอะ  ผมมาเจอเอมีลี่ที่นั่งอยู่กับอีธาน  พรมที่ผมปูมาอย่างสวยงามพับยู่ยี่หมด
          “นั่งกับพวกเราสิ”  ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตามคำเชิญของเอมีลี่  กางหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
          “พวกเรากำลังคุยกันเรื่องคดีฆาตกรรมรายใหม่กันอยู่พอดีเลยหลุยส์  อีธานเก่งจริงๆ  เขาพูดถูกเรื่องฆาตกรที่ก่อเหตุนั้นเป็นคนละคนกันกับเดอะริปเปอร์”  เอมีลี่พูดคุยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เราทั้งคู่เกี่ยวข้องด้วยเต็มๆอย่างแนบเนียน  น้ำเสียงเธอสดใส  พูดราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น  ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มเหมือนครั้งที่ผมกับเธอเคยได้สนทนากันครั้งแรก  แต่ดวงตาสีฟ้าสดใสคู่นั้นแปรเปลี่ยนไป  มันดูลุกลี้ลุกลนและแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
          “พวกคุณคุยเรื่องคดีฆาตกรรมกันโดยไม่รอผมหรือเนี่ย”  ผมใส่น้ำเสียงน้อยใจเล็กๆลงไปในคำพูด   เอมีลี่มองหน้าผมด้วยความสงสัย  แต่ดูเหมือนเป็นอีธานที่รู้ว่านัยยะแฝงที่ผมถามคืออะไร
          “ผมกับเอมีลี่แชร์หนังสือกันอ่าน  เธอเล่าเนื้อหาหนังสือของศาสตราจารย์สเปนเซอร์ที่ไม่มีฉบับสำหรับผู้พิการทางสายตาให้ผมฟัง”
          “ศาสตราจารย์อัลเบิร์ต สเปนเซอร์  เป็นอาจารย์ที่เคารพรักของพวกเรา”  เอมีลี่เสริมประโยคที่อีธานพูด  ผมสรุปเอาเองว่าทั้งสองคงรู้จักกันพอสมควร
          “น่าเสียดาย  ผมมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไรเกี่ยวกับศาสตราจารย์สเปนเซอร์”  ผมเปรยกับตัวเองลำพัง  “อีธาน  คุณลงจิตวิทยารอบเช้าไว้หรือเปล่า”
          “ใช่ครับ”
          “ผมคิดว่าได้เวลาเข้าชั้นแล้วล่ะ  งั้นผมขอตัวก่อนนะ  บายเอมีลี่”  ผมกับอีธานลุกขึ้นเตรียมเข้าชั้นโดยไม่ลืมที่จะกล่าวลาเอมีลี่
          “บาย”  เอมีลี่กล่าวลากลับ  เธอยังคงตีสีหน้าไว้ได้นิ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่