ก่อนจะถึงประเด็นข้อความในภาพถ่าย ผมขอเขียนเรื่อง "นี้อย่างนี้" ก่อน
เพราะว่าสำคัญและเกี่ยวข้องกัน
และยังแสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของหลวงพ่อวัดปากน้ำด้วย
ขอยกผลของการเจริญสติปัฏฐาน ดังนี้ :
ผลแห่งการเจริญสติปัฏฐาน
[151] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ ตลอด 7 ปี เขาพึงหวังผล 2 ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีขันธบัญจกเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
ข้อความว่า "นี้ อย่างนี้" อยู่คู่กับสติปัฏฐาน 4 ตลอด
คือ เป็นข้อความที่ว่า "สติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้"
ตรงข้อความ "นี้ อย่างนี้" แสดงให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่า สติปัฏฐาน 4 ที่พระพุทธองค์ทรงสอน และเขียนอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น คนในปัจจุบันไม่มีทางรู้ว่าเป็นอย่างไรแน่ๆ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น
ขอยกตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบอย่างนี้
สมมุติว่า มี 2 คนเป็นเพื่อนกัน เดินไปด้วยกัน คนหนึ่งชี้ให้เพื่อนดูรถ แล้วพูดว่า "รถคนนี้ สวยจัง"
จากคำว่า "รถคันนี้ สวยจัง" คนที่จะเข้าใจจริงๆ ว่า รถคันดังกล่าวนั้น สวยอย่างไร ก็มีแค่ 2 คนในเหตุการณ์เท่านั้น
คนที่ได้รับฟังเรื่องต่อมาอีกที จะไม่รู้จริงๆ ว่ารถคนนั้นสวยอย่างไร
หมายถึง คำว่ารถนั้นรู้จัก คำว่ารถสวยนั้นก็รู้จัก แต่รถสวยที่ว่าในเรื่องนั้น จะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
ดังนั้น สติปัฏฐาน 4 อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั้น จึงไม่น่าจะตรงกับสติปัฏฐาน 4 ในพระสูตร
ถึงได้ไม่มีใครบรรลุมรรคผล ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วันอีกเลย
ขอบอกว่า ไม่เกี่ยวกับพระพม่า
เพราะที่พระพม่าสอนอยู่นั้น ไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 และไม่ใช่วิปัสสนา
มหาโชดกโกหกเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ - [18] "นี้อย่างนี้"
เพราะว่าสำคัญและเกี่ยวข้องกัน
และยังแสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของหลวงพ่อวัดปากน้ำด้วย
ขอยกผลของการเจริญสติปัฏฐาน ดังนี้ :
ผลแห่งการเจริญสติปัฏฐาน
[151] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้ ตลอด 7 ปี เขาพึงหวังผล 2 ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีขันธบัญจกเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี
ข้อความว่า "นี้ อย่างนี้" อยู่คู่กับสติปัฏฐาน 4 ตลอด
คือ เป็นข้อความที่ว่า "สติปัฏฐาน 4 นี้ อย่างนี้"
ตรงข้อความ "นี้ อย่างนี้" แสดงให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่า สติปัฏฐาน 4 ที่พระพุทธองค์ทรงสอน และเขียนอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น คนในปัจจุบันไม่มีทางรู้ว่าเป็นอย่างไรแน่ๆ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น
ขอยกตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบอย่างนี้
สมมุติว่า มี 2 คนเป็นเพื่อนกัน เดินไปด้วยกัน คนหนึ่งชี้ให้เพื่อนดูรถ แล้วพูดว่า "รถคนนี้ สวยจัง"
จากคำว่า "รถคันนี้ สวยจัง" คนที่จะเข้าใจจริงๆ ว่า รถคันดังกล่าวนั้น สวยอย่างไร ก็มีแค่ 2 คนในเหตุการณ์เท่านั้น
คนที่ได้รับฟังเรื่องต่อมาอีกที จะไม่รู้จริงๆ ว่ารถคนนั้นสวยอย่างไร
หมายถึง คำว่ารถนั้นรู้จัก คำว่ารถสวยนั้นก็รู้จัก แต่รถสวยที่ว่าในเรื่องนั้น จะไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
ดังนั้น สติปัฏฐาน 4 อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั้น จึงไม่น่าจะตรงกับสติปัฏฐาน 4 ในพระสูตร
ถึงได้ไม่มีใครบรรลุมรรคผล ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วันอีกเลย
ขอบอกว่า ไม่เกี่ยวกับพระพม่า
เพราะที่พระพม่าสอนอยู่นั้น ไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 และไม่ใช่วิปัสสนา