สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ชาวบ้านที่ไม่ได้เข้าไปศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าโดนตรงมันเข้าใจผิด
ไอ้ที่มีเสื้อผ้าบ้าง หิวบ้าง อะไรแบบนั้นเขาได้ อัตภาพ แล้วครับ นันไม่ใช่แค่วิญญาณ นั่นมันมาครบหมดเลยนะมาเป้นตัวตนแล้ว
วิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด วิญญาณเกิดดับตลอดทั้งวันทั้งคืน ขอให้คุณเข้าใจตามนี้
สิ่งที่วนเวียนคือ "สัตว์"
พระพุทธเจ้าเรียกสัตว์ว่า "สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ผู้แล่นไปแล้ว ท่องเที่ยวไปแล้วใน สังสารวัฏ"
ซึ่งตัวเรา(มนุษย์)มี ขันธ์ 5 (1รูป:4นาม) สิ่งมีชีวิตอย่าง หมา แมว นก ปลา มันก็มี ขันธ์ 5 เช่นกัน ตามนี้
1. รูป(ร่างกาย)
2. เวทนา(ความรู้สึก จากการกระทบของผัสสะ)
3. สัญญา(ความจำได้หมายรู้)
4. สังขาร(การปรุงแต่ง) รวมถึงเวลาเราจินตนาการต่างๆนาๆ นั่นก็เข้าข่ายการปรุงแต่ง
5. วิญญาณ(สิ่งที่ "สัตว์" เข้ามายึดว่าเป็นตัวฉัน)
* วิญญาณ เข้าไปยึด ขันธ์ ที่เหลือ 4 ขันธ์ ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของ นั่นคือการเกิดของวิญญาณ เมื่อวิญญาณ ไปยึด ขันธ์ อื่นวิญญาณตรงนั้นก็ตายแล้วเกิดใหม่ต่อไป (ตรงนี้มันทำงานโคตรไว ถ้าคุณค่อยๆสังเกตุเองคุณจะรู้)
ยกตัวอย่างการเกิดขึ้นของ วิญญาณ เคสที่ 1 (วิญญาณเข้าไปยึด เวทนา)
step 1
คุณกำลังเดินในตลาดทันใดนั้น คุณได้กลิ่นปลาร้า (รู้สึกไม่พอใจ = เวทนา)
(เกิดการกระทบของผัสสะแล้วทางจมูก วิญญาณ(เกิด) เข้ามายึด เวทนา ตรงนี้ทันที)
step 2
หลังจากนั้นคุณก็เห็นสาวสายเดี่ยวเดินสวนทางขึ้นมา คุณก็มองทันที (รู้สึกพอใจ = เวทนา)
เกิดการกระทบของผัสสะแล้วทางตา วิญญาณดวงเก่าที่เกิดจากการได้กลิ่นปลาร้าก็ดับทันทีและ เกิดวิญญาณ(ดวงใหม่) เข้ามายึด เวทนา ตรงนี้ทันทีเช่นกัน)
step 3
หลังจากเห็นสาวสายเดี่ยวเดินสวนมาแล้วคุณก็แอบคิดจินตนาการว่า....(stepนี้ เข้าข่ายของการปรุงแต่ง = สังขาร)
วิญญาณดวงเก่าที่เกิดจากความพอใจในสาวสายเดี่ยวนั้นก็ดับ และเมื่อมีการปรุงแต่งขึ้น วิญญาณ(ดวงใหม่) ก็เข้ามายึด สังขาร ตรงนี้ทันที
นี่แค่กรณีในเสี่ยววินาทีนะครับมันเกิดขึ้นไวขนาดไหน ซึ่งในความเป็นจริงการได้กลิ่นพร้อมกับจินตนาการกับสาวตรงหน้ามันก็เกิดดับไม่รู้กี่รอบแล้ว
ฉนัน ไอ้ที่ว่าพลังงานชนิดหนึ่ง(ตามหลักวิทยาศาสตร์) นั่นถูกแต่ต้องปรับความเข้าใจใหม่ว่าพลังงานนั้นคือ "สัตว์"
เราเชื่อตาผู้ใหญ่บอกๆกันมาโดยไม่ศึกษาอย่างถ่องแท้ง
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นลองดู Youtube นี้
ไอ้ที่มีเสื้อผ้าบ้าง หิวบ้าง อะไรแบบนั้นเขาได้ อัตภาพ แล้วครับ นันไม่ใช่แค่วิญญาณ นั่นมันมาครบหมดเลยนะมาเป้นตัวตนแล้ว
วิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด วิญญาณเกิดดับตลอดทั้งวันทั้งคืน ขอให้คุณเข้าใจตามนี้
สิ่งที่วนเวียนคือ "สัตว์"
พระพุทธเจ้าเรียกสัตว์ว่า "สัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ผู้แล่นไปแล้ว ท่องเที่ยวไปแล้วใน สังสารวัฏ"
ซึ่งตัวเรา(มนุษย์)มี ขันธ์ 5 (1รูป:4นาม) สิ่งมีชีวิตอย่าง หมา แมว นก ปลา มันก็มี ขันธ์ 5 เช่นกัน ตามนี้
1. รูป(ร่างกาย)
2. เวทนา(ความรู้สึก จากการกระทบของผัสสะ)
3. สัญญา(ความจำได้หมายรู้)
4. สังขาร(การปรุงแต่ง) รวมถึงเวลาเราจินตนาการต่างๆนาๆ นั่นก็เข้าข่ายการปรุงแต่ง
5. วิญญาณ(สิ่งที่ "สัตว์" เข้ามายึดว่าเป็นตัวฉัน)
* วิญญาณ เข้าไปยึด ขันธ์ ที่เหลือ 4 ขันธ์ ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของ นั่นคือการเกิดของวิญญาณ เมื่อวิญญาณ ไปยึด ขันธ์ อื่นวิญญาณตรงนั้นก็ตายแล้วเกิดใหม่ต่อไป (ตรงนี้มันทำงานโคตรไว ถ้าคุณค่อยๆสังเกตุเองคุณจะรู้)
ยกตัวอย่างการเกิดขึ้นของ วิญญาณ เคสที่ 1 (วิญญาณเข้าไปยึด เวทนา)
step 1
คุณกำลังเดินในตลาดทันใดนั้น คุณได้กลิ่นปลาร้า (รู้สึกไม่พอใจ = เวทนา)
(เกิดการกระทบของผัสสะแล้วทางจมูก วิญญาณ(เกิด) เข้ามายึด เวทนา ตรงนี้ทันที)
step 2
หลังจากนั้นคุณก็เห็นสาวสายเดี่ยวเดินสวนทางขึ้นมา คุณก็มองทันที (รู้สึกพอใจ = เวทนา)
เกิดการกระทบของผัสสะแล้วทางตา วิญญาณดวงเก่าที่เกิดจากการได้กลิ่นปลาร้าก็ดับทันทีและ เกิดวิญญาณ(ดวงใหม่) เข้ามายึด เวทนา ตรงนี้ทันทีเช่นกัน)
step 3
หลังจากเห็นสาวสายเดี่ยวเดินสวนมาแล้วคุณก็แอบคิดจินตนาการว่า....(stepนี้ เข้าข่ายของการปรุงแต่ง = สังขาร)
วิญญาณดวงเก่าที่เกิดจากความพอใจในสาวสายเดี่ยวนั้นก็ดับ และเมื่อมีการปรุงแต่งขึ้น วิญญาณ(ดวงใหม่) ก็เข้ามายึด สังขาร ตรงนี้ทันที
นี่แค่กรณีในเสี่ยววินาทีนะครับมันเกิดขึ้นไวขนาดไหน ซึ่งในความเป็นจริงการได้กลิ่นพร้อมกับจินตนาการกับสาวตรงหน้ามันก็เกิดดับไม่รู้กี่รอบแล้ว
ฉนัน ไอ้ที่ว่าพลังงานชนิดหนึ่ง(ตามหลักวิทยาศาสตร์) นั่นถูกแต่ต้องปรับความเข้าใจใหม่ว่าพลังงานนั้นคือ "สัตว์"
เราเชื่อตาผู้ใหญ่บอกๆกันมาโดยไม่ศึกษาอย่างถ่องแท้ง
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นลองดู Youtube นี้

แสดงความคิดเห็น
วิญญาณเก็บความทรงจำไว้ยังไง
แล้ววิญญาณเอาเสื้อผ้ามาแต่ไหน ในเมื่อเสื้อผ้าไม่มีวิญญาณและข้อสุดท้ายวิญญาณที่หิวข้าวนั่นเกิดจากความเคยชินตอนเป็นมนุษย์เฉยๆหรือเปล่าครับ
แท็กหลายหมวด เพราะอยากทราบหลายๆมุมมองน่ะครับ