ใครยังไม่เคยอ่านเล่มแรก ก็ตามลิ้งค์ไปได้เลยครับ
เล่ม 1
ส่วนอันนี้ก็
Drama CD จากอนิเมภาคแรกที่ผมแปลไว้บางส่วนครับ
เกี่ยวกับการแปล (ใครเคยอ่านเล่มแรกที่ผมลงไว้ หรือขี้เกียจอ่าน ข้ามไปได้เลยนะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การแปลครั้งนี้ ผมแปลโดยตรงมาจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนอ่านเล่มแรกแบบแปล Eng (โดย ultimatemegax ที่เป็นแฟนบอยชิชิมิยะขั้นสุดท้าย)ไปแล้วรู้สึกมันแปลออกมาแปลกๆ ไม่ต่อเนื่องกันอยู่หลายจุด จึงเกิดความสงสัย เลยลองไปหาต้นฉบับมาเทียบ ก็พบว่ามันมีจุดที่ผิดอยู่จริง แล้วค่อนข้างจะเยอะด้วย เห็นชัดเลยว่าทางนั้นภาษาญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็น่าจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง เหมือนใช้อากู๋แปลเอาซะมากกว่า แถมตรงที่มีเล่นมุก เหมือนพวกฝรั่งจะตามมุกไม่ค่อยทันกันด้วย มันเลยออกมาไม่ขำซักเท่าไร ก็เลยเป็นที่มาให้ผมแปลมาจรงๆ จากต้นฉบับครับ
ภาษาญี่ปุ่นผมเองก็ไม่ได้ดีอะไรมาก แต่หลังจากแปลเล่มแรกไปแล้ว+ไล่แปลข่าวอนิเมที่สนใจตามเว็บอยู่เรื่อยๆ ค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่ด้อยไปกว่าเจ้าที่แปล Eng นั่นแน่ๆ ล่ะ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลก็เว็บ Jisho สำหรับหาตัวคันจิ กับอากู๋แปลภาษา+พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นเท่าที่มีของผมเองครับ(พยายามเรียนรู้เพิ่มอยู่เรื่อยๆ) ส่วนตัวมั่นใจว่าแปลใจความออกมาถูกประมาณ 90-95% ได้(ขี้โม้จริงๆ!!) ถ้าผิดพลาดประการใด หรืออ่านแล้วงงๆ กับภาษาที่ใช้ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ผมแปลเรื่องนี้เพราะชอบเป็นการส่วนตัว ก็เอามาให้อ่านกันเล่นๆ ประกอบอนิเมกันไปครับ
และเป็นไปได้ไม่อยากให้เอาไปลงต่อที่ไหนนะครับ เผื่อว่านิยายอาจจะได้ LC (ซึ่งคิดว่าคงไม่มีทาง) แล้วจะได้ตามลบได้ง่ายๆ หน่อย อ่านกันแค่ที่นี่ก็พอแล้วล่ะ
มาเริ่มกันเลย กับ บทนำ บทที่ 0 !!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 0 ผมที่มาพูดเกริ่นนำนี่มันดูเจ๋งจริงๆ นะเนี่ย
(やっぱりプロローグ語る俺カッコイイ)
ผมคิดว่าคราวนี้จะสารภาพอย่างตรงไปตรงมาล่ะ
แต่คราวนี้ไม่ใช่เรื่องของผม โทงาชิ ยูตะ หรอกนะ แต่เป็นเรื่องของ ทาคานาชิ ริกกะ
ทาคานาชิ ริกกะ ———— แฟนสาวของผม และก็เป็นเด็กสาวม.ปลายผู้ยังป่วยเป็นจูนิเบียวอยู่ เป็นการสารภาพเกี่ยวกับตัวริกกะ ถึงมันอาจจะดูเหมือนรายงานมากกว่าก็เถอะ
เธอหายจากจูนิเบียวแล้วล่ะ!
บางครั้งก็มีพูดออกมาว่า “อ๊าาา อย่าาา อย่าพูดน้าาาา อดีตดำมืดนั่น!” ด้วยท่าทางทุรนทุราย!
เรื่องแบบนั้นน่ะ แน่นอนว่าไม่มีหรอก
เธอยังคงอ้างว่าเป็นผู้ครอบครองจาโอชินกังอยู่ แต่ก็มีสิ่งที่เปลี่ยนไปบ้าง นั่นก็คือ เธอไม่ได้ใส่ผ้าคาดตาอยู่ตลอดเวลาแล้วล่ะ
ตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมสารภาพรักกับเธอออกไป เธอเองก็ไปโรงเรียนโดยไม่มีผ้าคาดตา โดยบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
สาวตาสองสีไม่ได้ทำให้ทั้งห้องตื่นตกใจอะไรนัก แต่การที่เธอปรากฏตัวแบบนั้นมันกลับทำให้ทุกคนให้ความสนใจในตัวเธอกันอย่างน่าประหลาด ตอนนี้ริกกะเลยกลายเป็นคนดังขึ้นมาหน่อยแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา ริกกะเลยไม่ค่อยใส่ผ้าคาดตามาโรงเรียนซักเท่าไร
แต่ว่านะ คงเป็นเพราะเธอใส่มันมาตลอดทุกวันเป็นประจำล่ะมั้ง มาตอนนี้จะให้พูดว่าเธอไม่ใส่มาเลยมันก็ได้ แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะเธอยังคงมีใส่มาประมาณอาทิตย์ละครั้งอยู่ดี
ถึงเธอจะเคยพูดไว้ว่า “การปลดปล่อยพลังของจาโอชินกังเป็นภาระต่อร่างกาย จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีการหยุดพักบ้าง” ก็จริง แต่ผมคิดว่าที่จริงแล้ว เธอคงคิดว่าการมีผ้าคาดตามันดูเท่กว่ามากกว่า เหมือนเป็นความชอบส่วนบุคคลนั่นแหละ ตัวผมเองก็คิดเหมือนกันว่ามีผ้าคาดตามันดูเท่กว่าจริงๆ
….แต่แค่มีตาสองสีแบบนั้นมันก็ดูเท่อยู่แล้วล่ะนะ
ตัวริกกะเองก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่นะ แต่จากนี้ไปจะเป็นการรายงานให้เป็นเรื่องเป็นราวล่ะ
หลังจากที่ติวหลังเลิกเรียนกันใหม่ ในที่สุด ในที่สุดเธอก็ผ่านจนได้ในการสอบซ่อม ‘ครั้งที่ 3’ ผมรู้สึกดีใจอย่างสุดๆ เมื่อตอนที่รู้ว่าเธอผ่านแล้ว ถึงขนาดที่ว่าเกือบต้องแอบไปร้องไห้เลยทีเดียว
แต่นี่ก็เป็นเพราะความใจดีของคุณครูสึคุโมะ นานาเสะ —— หรือที่รู้จักกันว่า นานะจัง ที่ให้ริกกะสอบซ่อมถึง 3 ครั้ง เพราะงั้นถ้าผมจะบอกว่าผมร้องไห้ออกมาจริงๆ ก็คงไม่แปลกอะไร หลังจาก 15 คะแนนสุดช็อกในครั้งแรกนั่นเธอก็พูดกับเราว่า “คณิตศาสตร์น่ะต้องพยายามทำอย่างอดทนนะ แล้วก็จะได้ผลเอง!” จนสุดท้ายได้คะแนนมาที่ 73 คะแนน (คะแนนผ่านสอบซ่อมอยู่ที่ 70 คะแนน เฉียดฉิวไปเหมือนกัน) พูดได้ว่าการติวกับผมประสบความสำเร็จในที่สุด
นอกเรื่องนิดนึงละกัน นิบุทานิสอบผ่านในการสอบซ่อมครั้งแรกเลย แถมจงใจพูดใส่ผมอย่างภาคภูมิใจด้วยว่า “ถ้าชั้นตั้งใจจริงมันก็แบบนี้ล่ะนะ” พร้อมรอยยิ้มสุด S ที่เห็นประจำนั่นอีก
ถ้างั้นก็ตั้งใจตั้งแต่แรกไปซะสิ ถึงผมคิดอยากจะพูดกลับแบบนั้นออกไป แต่ก็ต้องหยุดทันทีเมื่อคิดถึงความเสี่ยงที่จะโดนเธอเล่นงานกลับด้วยความ S มากกว่าเดิม
ส่วนเรื่องสอบซ่อมวิชาวิทยาศาสตร์นั้นไม่ค่อยมีอะไรจะพูดให้ฟังเท่าไร เพราะเธอผ่านได้ตั้งแต่ครั้งแรกโดยอาศัยการจำเอาอย่างเดียว ริกกะนั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการจำดีอยู่แล้ว หลังจากทบทวนเนื้อหาทั้งหมดเธอก็สามารถสอบผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น
จากที่เล่าไปทั้งหมดนั้น สรุปก็คือการสอบซ่อมของริกกะได้จบลงด้วยดีแล้ว
และ ผมกับริกกะก็เริ่มคบกันมาได้เกือบครบเดือนแล้ว
ถ้าเอาแบบตรงเป๊ะเลยก็คืออีก 3 วันจะครบเดือนแหละนะ
แต่ด้วยเพราะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเราเอาแต่ติวเพื่อสอบซ่อมวิชาเลขกันอยู่ทุกอาทิตย์ แถมมีขุมนรกที่ชื่อสอบปลายภาคที่จะถึงนี่อีก พูดได้ว่าพวกเราไม่ได้ไปเที่ยวเล่นด้วยกันเลยแม้แต่น้อยจนตอนนี้
แต่ก็นะ วันอาทิตย์ผมก็มีไปเล่นเกมที่บ้านของริกกะเพื่อเปลี่ยนอารมณ์จากการติวทบทวนกันอยู่เหมือนกัน แต่เราก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่พอจะเรียกว่าเป็นการเดทกันจริงๆเลย
ถึงจะเป็นเรื่องน่าอายไปหน่อย แต่บอกได้เลยว่าผมก็อยากไปเดทเหมือนกันนะ
เพราะแบบนั้น ผมเลยตั้งใจไว้ว่าจะชวนเธอไปเดทกันในโอกาสครบรอบ 1 เดือน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้เอ่ยปากชวนซักทีเพราะมัวแต่เจออุปสรรคต่างๆ นานานี่ล่ะ
ยังไงก็ตาม ผมได้สาบานเอาไว้ในใจแล้วว่าจะพยายามชวนให้ได้เลย
จนถึงตอนนี้ผมไม่เคยคิดว่าการเดทครั้งแรกจะเป็นตัวกำหนดชะตาของคู่รักก็จริง แต่มาคิดอีกทีถ้าเดทครั้งแรกไม่ได้เป็นไปด้วยดีล่ะก็เลิกพูดถึงครั้งต่อๆ ไปได้เลย
เริ่มด้วยเดทครั้งแรกฉลองครบรอบ 1 เดือน จากนั้นก็ใช้เวลาเลิฟเลิฟด้วยกันในช่วงหยุดหน้าร้อน นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไว้
แต่แล้ว —— ก็มีเรื่องเกิดขึ้นอีกครั้ง
บางที ที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นความบังเอิญในความบังเอิญก็ได้….. นั่นคือที่ผมคิด
ไม่สิ คงต้องบอกว่า “เป็นเพราะความบังเอิญมาซ้อนทับกันยังไงล่ะ” เป็นการมาพบกันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไปถามเธอคนนั้นต้องได้คำตอบแบบนี้มาแน่ๆ
ควรต้องบอกว่าเพราะความบังเอิญ ไม่สิต้องขอบคุณความบังเอิญนี่ต่างหาก —— และผมก็ได้กลับมาพบกับเพื่อนเก่าที่แสนคิดถึงอีกครั้ง
จบบทนำ พรุ่งนี้มาต่อ
บทแรกครับ
แถมท้ายนิดนึง เป็นภาพที่เกี่ยวกับเนื้อหานิยายเล่มแรกโดย Osaka Nozomi ที่วาด Illust ให้กับนิยาย ที่ลงในเว็บหลักของตัวนิยายเอง(แต่ตอนนี้เอาออกไปแล้ว) แต่ผมพึ่งไปเจอมาครับ มีทั้งหมด 4 ภาพ (ผมเอาไปลงไว้กับที่แปลเล่มแรกบางภาพละ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชุด กับ มือถือของริกกะ

ข้าวกล่องฝีมือยูตะ ไส้กรอกทรงปลาหมึก และ ยูตะกลัวแมลงสาบ !!?!?

แก๊งค์ชมรมเต้น นิบุทานิ มิโยชิ และ ซาสะ

ยูเมฮะ กับยูตะ ที่ซื้อตุ๊กตาหมี โดสุโค่ยคุมะโกโร่ ให้

อีกอัน ที่ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่ริกกะไม่เก่งวิชาเลขรึเปล่า

เป็นการคิดเลข โดยทั้ง 4 สาวจะเขียนเลขคำตอบขึ้นมาคนละหลัก เรียงตามลำดับรวมเป็นคำตอบครับ
โจทย์คือ (100-1)
2 = ?
คำตอบต้องเป็น 9,801 แต่ Maaya ที่โชว์ตัวเลขหลักร้อย ดันเขียนคำตอบผิดออกมาเป็นเลข 9 ครับ (กลายเป็น 9,901)
ว่าแต่....ใครเข้าใจวิธีคิดของเธอมั่งเนี่ย
(Chunibyou LN Vol 2) บทนำ
ส่วนอันนี้ก็ Drama CD จากอนิเมภาคแรกที่ผมแปลไว้บางส่วนครับ
เกี่ยวกับการแปล (ใครเคยอ่านเล่มแรกที่ผมลงไว้ หรือขี้เกียจอ่าน ข้ามไปได้เลยนะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเป็นไปได้ไม่อยากให้เอาไปลงต่อที่ไหนนะครับ เผื่อว่านิยายอาจจะได้ LC (ซึ่งคิดว่าคงไม่มีทาง) แล้วจะได้ตามลบได้ง่ายๆ หน่อย อ่านกันแค่ที่นี่ก็พอแล้วล่ะ
มาเริ่มกันเลย กับ บทนำ บทที่ 0 !!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จบบทนำ พรุ่งนี้มาต่อบทแรกครับ
แถมท้ายนิดนึง เป็นภาพที่เกี่ยวกับเนื้อหานิยายเล่มแรกโดย Osaka Nozomi ที่วาด Illust ให้กับนิยาย ที่ลงในเว็บหลักของตัวนิยายเอง(แต่ตอนนี้เอาออกไปแล้ว) แต่ผมพึ่งไปเจอมาครับ มีทั้งหมด 4 ภาพ (ผมเอาไปลงไว้กับที่แปลเล่มแรกบางภาพละ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกอัน ที่ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่ริกกะไม่เก่งวิชาเลขรึเปล่า
เป็นการคิดเลข โดยทั้ง 4 สาวจะเขียนเลขคำตอบขึ้นมาคนละหลัก เรียงตามลำดับรวมเป็นคำตอบครับ
โจทย์คือ (100-1)2 = ?
คำตอบต้องเป็น 9,801 แต่ Maaya ที่โชว์ตัวเลขหลักร้อย ดันเขียนคำตอบผิดออกมาเป็นเลข 9 ครับ (กลายเป็น 9,901)
ว่าแต่....ใครเข้าใจวิธีคิดของเธอมั่งเนี่ย