บทก่อนหน้า
บทนำ
http://pantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒
http://pantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔
http://pantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕
http://pantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖
http://pantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗
http://pantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘
http://pantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙
http://pantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐
http://pantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑
http://pantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒
http://pantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓
http://pantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔
http://pantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕
http://pantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖
http://pantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗
http://pantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘
http://pantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙
http://pantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐
http://pantip.com/topic/31681967
บทที่ ๒๑
http://pantip.com/topic/31710814
บทที่ ๒๒
เช้าวันแต่งงาน ณัฐญาณ์ตื่นมาแต่เช้าเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย โดยมีเอลานอร์เป็นผู้ช่วยอย่างทุกวัน หากแต่ต่างจากทุกวันก็ตรงที่ เธอถูกขัดสีฉวีวรรณไปเสียทุกซอกทุกมุม ราวกับคนช่วยอาบน้ำเกรงว่าหญิงสาวจะไม่สะอาดพอสำหรับใส่ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่แขวนรออยู่ในห้องนอน และเมื่อเอลานอร์พอใจกับความสะอาดของเธอแล้ว ก็ลูบไล้ครีมและชะโลมน้ำหอมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับว่าหากตัวไม่หอมไปสามบ้านแปดบ้าน จะเป็นเจ้าสาวไม่ได้อย่างนั้นล่ะ
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายและประพรมน้ำหอมเสียจนหอมฟุ้งไปทั้งตัว ก็ถึงกระบวนการแต่งชุดเจ้าสาว ซึ่งคราวนี้มีเอลิซาเบธเข้ามาช่วยด้วย และเพราะณัฐญาณ์ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว หญิงสาวจึงคุ้นเคยกับการแต่งตัวอย่างสาว ๆ ในสมัยนี้มากกว่าเมื่อตอนแรกมาถึง จึงไม่รู้สึกลำบากกับการสวมใส่ชุดแต่งงานมากนัก หากแต่ก็ยุ่งยากกว่าชุดปกติทั่วไป เนื่องด้วยชุดแต่งงานที่มีการตัดเย็บที่ซับซ้อนเพื่อให้มีความหรูหรากว่าชุดทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อมีทั้งเอลานอร์และเอลิซาเบธช่วย ณัฐญาณ์จึงระเหิดระหงในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ภายในเวลาไม่นาน
เอลานอร์เป็นคนจัดการทำผมให้เจ้าสาวด้วยการเกล้าเป็นมวยหลวม ๆ แล้วประดับด้วยดอกมะลิที่เก็บมาจากสวนของเธอเอง และในขณะที่เอลานอร์กำลังตั้งอกตั้งใจกับการทำผมอยู่นั้น เอลิซาเบธก็ถือกล่องกำมะหยี่สีน้ำทะเลรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดไม่เล็กนักมาวางลงบนโต๊ะข้าง ๆ หญิงสาว
“ใส่เครื่องประดับก่อนนะคะนาทาย่าห์” เอลิซาเบธบอกพลางเปิดกล่องขึ้น เผยให้เห็นสิ่งของภายในอันประกอบไปด้วยสร้อยและต่างหูส่งประกายวูบวาบ
“ของคุณหรือคะ เอลิซาเบธ เอ่อ... ฉัน... ฉันไม่รบกวนดีกว่านะคะ” กล่าวอย่างเกรงใจเมื่อมองเห็นสิ่งของภายในเต็มตา แม้เธอจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องประดับ หรือดูไม่ออกว่าเป็นอัญมณีชนิดใด แต่เพราะมันเป็นของเอลิซาเบธ อย่างไรก็ต้องเป็นของมีราคาแน่ และหญิงสาวสังหรณ์ใจว่า อัญมณีสีน้ำเงินที่ส่งประกายจนตาพร่านั่น คงจะเป็นเพชรสีน้ำเงินอย่างเดียวกับแหวนหมั้นที่ชายหนุ่มให้กับเธออย่างแน่นอน
“ของฉันที่ไหนกันล่ะค่ะ ของคุณต่างหาก” เอลิซาเบธว่ายิ้ม ๆ พลางยกสร้อยเพชรขึ้นวางรอบรอระหงของเจ้าสาว
“ดูสิคะ เพชรน้ำงามมาก” เอลิซาเบธไล้มือไปที่เพชรแต่ละเม็ด ซึ่งเรียงกันไปตามความยาวของสร้อย ตรงกลางเป็นจี้เพชรสีน้ำเงินรูปหยดน้ำ ล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็ก ๆ อีกสองชั้น ข้าง ๆ จี้แต่ละด้าน เป็นดอกไม้หกกลีบห้อยระย้าลงจากสร้อยข้างละสี่ดอก กลีบดอกไม้เป็นเพชรสีขาวส่งประกายวูบวาบ ล้อมรอบเพชรสีน้ำเงินตรงกลางที่เป็นเสมือนเกสรดอกไม้ เปล่งประกายไม่แพ้เพชรเม็ดเล็กกว่าที่อยู่รอบ ๆ เลย
“ฉันไม่เคยมีสร้อยเพชรแบบนี้ค่ะ เอลิซาเบธ” หญิงสาวบอก เธอรู้สึกไม่สบายใจที่จะใส่สร้อยที่ดูมีราคาเช่นนี้ หากเธอทำหายหรือเสียหายขึ้นมาเล่าจะทำอย่างไร เธอไม่มีปัญหาชดใช้คืนแน่
“มันเป็นของคุณค่ะ นาทาย่าห์ วิลเลียมเตรียมไว้ให้คุณพร้อม ๆ กับชุดแต่งงานค่ะ ดูสิคะ ดูเหมือนจะเป็นเครื่องเพชรชุดเดียวกับแหวนหมั้นของคุณ” เอลิซาเบธว่าพลางยกมือหญิงสาวขึ้นพิจารณาแหวนหมั้นบนนิ้วของหญิงสาว ก่อนที่จะหันไปหากล่องใส่เครื่องประดับอีกครั้ง และหยิบต่างหูซึ่งทำเป็นรูปดอกไม้หกกลีบ โดยตรงกลางเป็นสีน้ำเงินล้อมรอบด้วยเพชรสีขาวเช่นเดียวกับสร้อย
“คุณจะใส่ต่างหูเองไหมคะ”
“ฉันใส่เองดีกว่าค่ะ” ณัฐญาณ์ว่าพลางรับต่างหูมาจากมือเรียวของเอลิซาเบธและจัดการใส่ต่างหูด้วยตนเองจนเรียบร้อย ในใจรู้สึกแปลก ๆ กับการที่ชายหนุ่มจัดการให้เครื่องเพชรชุดนี้กับเธอ โดยไม่บอกเธอแม้แต่คำเดียว เขาจะมัดมือชกให้เธอรับโดยปฏิเสธไม่ได้หรืออย่างไรกัน
หลังจากแต่งตัวและใส่เครื่องประดับเรียบร้อย เอลิซาเบธเรียกให้เด็กหญิงที่ทำหน้าที่ถือหางของกระโปรงสองคนเข้ามาในห้องเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
“รถม้ามารอแล้ว ไปกันเถอะค่ะ นาทาย่าห์” เอลิซาเบธว่า พลางยื่นผ้าคลุมผม ถุงมือ และรองเท้าให้เอลานอร์เพื่อสวมใส่ให้หญิงสาว
หลังจากสวมรองเท้าและถุงมือเสร็จเรียบร้อย ณัฐญาณ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางยื่นมือไปรับช่อดอกไม้ที่เอลิซาเบธส่งมาให้ เป็นช่อดอกไม้เจ้าสาวที่ร้านดอกไม้ในเมืองจัดช่อให้ โดยใช้ดอกพุดซ้อนและดอกมะลิจากสวนของเธอเองซึ่งส่งกลิ่นหอมกำจาย แซมให้มีสีสันด้วยกุหลาบหนูดอกเล็ก ๆ สีชมพูอ่อนหวาน
เอลิซาเบธทอดสายตาขึ้น ๆ ลงไปทั่วร่างเจ้าสาวอย่างพอใจและชื่นชม ใบหน้าจิ้มลิ้มของภรรยาของนายแพทย์เออร์เนสท์มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ตลอดเวลา
“คุณสวยมากจริง ๆ นะคะนาทาย่าห์ นี่ถ้าฉันเป็นผู้ชาย คงจะอิจฉาวิลเลียมมากเลยเชียว”
“คุณก็สวยค่ะ เอลิซาเบธ” ณัฐญาณ์ว่ายิ้ม ๆ กวาดสายตามองร่างอ้อนแอ้นของเอลิซาเบธในชุดผ้าสักหลาดสีม่วง ตัดเย็บอย่างประณีตและดูหรูหรา เข้ากันกับบอนเน็ต[1] และถุงมือตาข่ายสีเดียวกัน
“เธอด้วย เอลานอร์ วันนี้เธอสวยมากเลย” หญิงสาวหันไปชมหญิงรับใช้ ที่วันนี้แต่งตัวมีสีสันสดใสจากชุดที่ตัดจากผ้ามัสลินสีเหลืองอ่อน ที่ณัฐญาณ์ให้จากผ้าที่ได้รับมาอย่างมากมายจากเจ้าของสถานีหนุ่ม มากจนหญิงสาวตัดชุดใส่ไม่ทัน จึงแบ่งบางส่วนให้หญิงรับใช้บ้าง
“วันนี้เป็นวันสำคัญของคุณกับนายท่านนี่คะ” เอลานอร์ตอบยิ้มแย้ม พลางจัดขบวนเจ้าสาวเล็ก ๆ ตามคำสั่งของเอลิซาเบธไปด้วย
“เอวา ลอร่า มายืนตรงนี้จ้ะ ถือหางกระโปรงแบบนี้ อย่าให้ระพื้นนะจ๊ะ” เอลิซาเบธสั่งเด็กหญิงในชุดผ้ามัสลินสีขาว ตัดคล้าย ๆ ชุดเจ้าสาวแต่ไม่หรูหราเท่า บนศีรษะสวมบอนเน็ตที่ขอบสั้นกว่าของเอลิซาเบธเล็กน้อย
จนเมื่อทุกคนพร้อมสำหรับการออกเดินทาง เอลิซาเบธจึงเดินนำขบวนออกมาก่อน ตามมาด้วยณัฐญาณ์ที่มีเด็กหญิงสองคนถือหางกระโปรงยาวเฟื้อยให้ ปิดท้ายขบวนด้วยเอลานอร์
เมื่อมาถึงบริเวณที่รถม้าจอดรออยู่ ก็พบว่าโมรานในชุดสากลดูหรูหรายืนรออยู่กับรถม้าคันหนึ่งอยู่แล้ว เอลิซาเบธจัดการให้เจ้าสาวขึ้นไปนั่งบนรถม้าพร้อมเด็กหญิงทั้งสองจนเรียบร้อยแล้วจึงก้าวขึ้นไปนั่งข้างหญิงสาว ในณะที่เอลานอร์นั่งรถม้าคันเดียวกับบิดา จากนั้นขบวนรถม้าของเจ้าสาวขบวนเล็ก ๆ ก็ออกเดินทาง โดยมีจุดหมายการเดินทางอยู่ที่ โบสถ์ประจำเมืองพอร์ทแคมพ์เบลล์ สถานที่แต่งงานของวิลเลียม แคมพ์เบลล์ กับเจ้าสาวของเขานั่นเอง
วิลเลียมเพิ่งลงจากรถม้า ๆ พร้อม ๆ กับนายแพทย์เออร์เนสท์ เพื่อนสนิทของเขาที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในวันนี้ ขณะเดียวกับที่มองเห็นรถม้าของขบวนเจ้าสาวจอดลงอีกฝั่งของโบสถ์พอดี พร้อม ๆ กับที่ระฆังของโบสถ์ดังกังวานขึ้น เป็นสัญญาณว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เดินทางมาถึงสถานที่ประกอบพิธีแล้ว
เจ้าบ่าวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานครั้งแรกในชีวิตหนุ่มถึงกับตะลึงเมื่อมองเห็นเจ้าสาวของเขาที่เพิ่งลงจากรถม้า หญิงสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ หางของชุดยาวเฟื้อยมีเด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีขาวทำหน้าที่ถืออยู่ ชุดแต่งงานคอกว้างเกือบถึงไหล่ กว้างกว่าชุดปกติที่หญิงสาวเคยใส่ อวดลำคอระหง ที่มีสร้อยที่เขาฝากเอลิซาเบธไปประดับอยู่ ใบหน้าที่เขารู้ดีว่าสวยหวานเพียงใดนั้น อยู่ภายใต้ผ้าคลุมลูกไม้โปร่ง ซึ่งโปร่งมากพอที่จะไม่บดบังความงามใด ๆ
ชายหนุ่มยืนรอจนขบวนเจ้าสาวเดินมาใกล้ จึงเดินเข้าไปร่วมขบวนที่ทางเข้าโบสถ์ ณัฐญาณ์เดินเกาะแขนโมรานซึ่งทำหน้าที่มอบเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าว
“คุณสวยมาก สวยจนผมแทบลืมหายใจ” ชายหนุ่มกระซิบ มองเห็นเจ้าสาวของเขาใบหน้าเรื่อสีด้วยความเขินอาย ทำให้อดหัวเราะหึ ๆ อย่างขบขันไม่ได้
ภายในโบสถ์ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมซึ่งเป็นดอกไม้โปรดของเจ้าสาว สลับกับกุหลาบสีชมพูหวาน แขกเหรื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนงานในสถานี และผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองแคมพ์เบลล์ที่วิลเลียมมีความสัมพันธ์ทั้งส่วนตัวและธุรกิจด้วย นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดให้อย่างเรียบร้อย และยืนขึ้นต้อนรับขบวนบ่าวสาว ดนตรีแสดงสดบรรเลงเพลงทำนองอ่อนหวานคลออยู่เบา ๆ ก่อนที่จะหยุดลง เมื่อขบวนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าบาทหลวงผู้ทำพิธี
แล้วพิธีแต่งงานระหว่างวิลเลียม แคมพ์เบลล์ และณัฐญาณ์ก็เริ่มขึ้น จนถึงเวลาที่บ่าวสาวจะแลกคำสัตย์ปฏิญาณต่อกัน โมรานเดินพาหญิงสาวเข้าไปส่งให้ผู้ทำพิธี จากนั้นบาทหลวงบอกให้เจ้าบ่าวจับมือขวาของเจ้าสาวด้วยมือขวาของเขาเอง ก่อนจะกล่าวคำปฏิญาณตนตามท่าน
“ผม วิลเลียม แคมพ์เบลล์ ขอรับคุณ นาทาย่าห์ รัตนวงศ์ เป็นภรรยา และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
หลังจากชายหนุ่มกล่าวคำปฎิญาณตนเสร็จ บาทหลวงผู้ทำพิธีก็บอกให้ทั้งสองปล่อยมือออกจากกัน ก่อนจะหันไปบอกเจ้าสาวให้ใช้มือขวาจับมือขวาของเจ้าบ่าว และกล่าวคำปฏิญาณตามท่านอย่างเช่นที่เจ้าบ่าวได้กระทำไปแล้ว
“ดิฉัน ณัฐญาณ์ รัตนวงศ์ ขอรับคุณ วิลเลียม แคมพ์เบลล์ เป็นสามี และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
เมื่อหญิงสาวกล่าวคำปฏิญาณตามบาทหลวงผู้ทำพิธีเสร็จ คู่บ่าวสาวก็ปล่อยมือจากกันอีกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปหานายแพทย์เออร์เนสท์ซึ่งยื่นแหวนมาให้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกับที่หญิงสาวยื่นช่อดอกไม้และถอดถุงมือให้เอลิซาเบธถือไว้
ชายหนุ่มยื่นแหวนให้หญิงสาว ซึ่งบาทหลวงผู้ทำพิธียื่นมือมารับแหวนอีกต่อหนึ่ง ก่อนจะส่งกลับไปให้ชายหนุ่ม เพื่อให้เขาสวมลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ก่อนที่ผู้ทำพิธีจะประกาสให้การแต่งงานมีผลนับแต่บัดนั้น
หลังพิธีในโบสถ์ สองหนุ่มสาวเข้าไปลงชื่อในทะเบียนสมรสซึ่งจัดเตรียมไว้ในห้องด้านหลังเป็นอันเสร็จพิธี ในขณะที่เอลิซาเบธและเอลานอร์แจกจ่ายของชำร่วยให้กับแขกที่มาร่วมงานที่โบสถ์
สุดปลายฝัน บทที่ ๒๒ (บทนี้เข้าหอ อร๊ายย เขิลลลล ฮ่า..)
บทนำ http://pantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://pantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://pantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://pantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://pantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://pantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://pantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://pantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕ http://pantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖ http://pantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗ http://pantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘ http://pantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙ http://pantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐ http://pantip.com/topic/31681967
บทที่ ๒๑ http://pantip.com/topic/31710814
เช้าวันแต่งงาน ณัฐญาณ์ตื่นมาแต่เช้าเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย โดยมีเอลานอร์เป็นผู้ช่วยอย่างทุกวัน หากแต่ต่างจากทุกวันก็ตรงที่ เธอถูกขัดสีฉวีวรรณไปเสียทุกซอกทุกมุม ราวกับคนช่วยอาบน้ำเกรงว่าหญิงสาวจะไม่สะอาดพอสำหรับใส่ชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่แขวนรออยู่ในห้องนอน และเมื่อเอลานอร์พอใจกับความสะอาดของเธอแล้ว ก็ลูบไล้ครีมและชะโลมน้ำหอมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับว่าหากตัวไม่หอมไปสามบ้านแปดบ้าน จะเป็นเจ้าสาวไม่ได้อย่างนั้นล่ะ
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายและประพรมน้ำหอมเสียจนหอมฟุ้งไปทั้งตัว ก็ถึงกระบวนการแต่งชุดเจ้าสาว ซึ่งคราวนี้มีเอลิซาเบธเข้ามาช่วยด้วย และเพราะณัฐญาณ์ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว หญิงสาวจึงคุ้นเคยกับการแต่งตัวอย่างสาว ๆ ในสมัยนี้มากกว่าเมื่อตอนแรกมาถึง จึงไม่รู้สึกลำบากกับการสวมใส่ชุดแต่งงานมากนัก หากแต่ก็ยุ่งยากกว่าชุดปกติทั่วไป เนื่องด้วยชุดแต่งงานที่มีการตัดเย็บที่ซับซ้อนเพื่อให้มีความหรูหรากว่าชุดทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อมีทั้งเอลานอร์และเอลิซาเบธช่วย ณัฐญาณ์จึงระเหิดระหงในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ภายในเวลาไม่นาน
เอลานอร์เป็นคนจัดการทำผมให้เจ้าสาวด้วยการเกล้าเป็นมวยหลวม ๆ แล้วประดับด้วยดอกมะลิที่เก็บมาจากสวนของเธอเอง และในขณะที่เอลานอร์กำลังตั้งอกตั้งใจกับการทำผมอยู่นั้น เอลิซาเบธก็ถือกล่องกำมะหยี่สีน้ำทะเลรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดไม่เล็กนักมาวางลงบนโต๊ะข้าง ๆ หญิงสาว
“ใส่เครื่องประดับก่อนนะคะนาทาย่าห์” เอลิซาเบธบอกพลางเปิดกล่องขึ้น เผยให้เห็นสิ่งของภายในอันประกอบไปด้วยสร้อยและต่างหูส่งประกายวูบวาบ
“ของคุณหรือคะ เอลิซาเบธ เอ่อ... ฉัน... ฉันไม่รบกวนดีกว่านะคะ” กล่าวอย่างเกรงใจเมื่อมองเห็นสิ่งของภายในเต็มตา แม้เธอจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องประดับ หรือดูไม่ออกว่าเป็นอัญมณีชนิดใด แต่เพราะมันเป็นของเอลิซาเบธ อย่างไรก็ต้องเป็นของมีราคาแน่ และหญิงสาวสังหรณ์ใจว่า อัญมณีสีน้ำเงินที่ส่งประกายจนตาพร่านั่น คงจะเป็นเพชรสีน้ำเงินอย่างเดียวกับแหวนหมั้นที่ชายหนุ่มให้กับเธออย่างแน่นอน
“ของฉันที่ไหนกันล่ะค่ะ ของคุณต่างหาก” เอลิซาเบธว่ายิ้ม ๆ พลางยกสร้อยเพชรขึ้นวางรอบรอระหงของเจ้าสาว
“ดูสิคะ เพชรน้ำงามมาก” เอลิซาเบธไล้มือไปที่เพชรแต่ละเม็ด ซึ่งเรียงกันไปตามความยาวของสร้อย ตรงกลางเป็นจี้เพชรสีน้ำเงินรูปหยดน้ำ ล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็ก ๆ อีกสองชั้น ข้าง ๆ จี้แต่ละด้าน เป็นดอกไม้หกกลีบห้อยระย้าลงจากสร้อยข้างละสี่ดอก กลีบดอกไม้เป็นเพชรสีขาวส่งประกายวูบวาบ ล้อมรอบเพชรสีน้ำเงินตรงกลางที่เป็นเสมือนเกสรดอกไม้ เปล่งประกายไม่แพ้เพชรเม็ดเล็กกว่าที่อยู่รอบ ๆ เลย
“ฉันไม่เคยมีสร้อยเพชรแบบนี้ค่ะ เอลิซาเบธ” หญิงสาวบอก เธอรู้สึกไม่สบายใจที่จะใส่สร้อยที่ดูมีราคาเช่นนี้ หากเธอทำหายหรือเสียหายขึ้นมาเล่าจะทำอย่างไร เธอไม่มีปัญหาชดใช้คืนแน่
“มันเป็นของคุณค่ะ นาทาย่าห์ วิลเลียมเตรียมไว้ให้คุณพร้อม ๆ กับชุดแต่งงานค่ะ ดูสิคะ ดูเหมือนจะเป็นเครื่องเพชรชุดเดียวกับแหวนหมั้นของคุณ” เอลิซาเบธว่าพลางยกมือหญิงสาวขึ้นพิจารณาแหวนหมั้นบนนิ้วของหญิงสาว ก่อนที่จะหันไปหากล่องใส่เครื่องประดับอีกครั้ง และหยิบต่างหูซึ่งทำเป็นรูปดอกไม้หกกลีบ โดยตรงกลางเป็นสีน้ำเงินล้อมรอบด้วยเพชรสีขาวเช่นเดียวกับสร้อย
“คุณจะใส่ต่างหูเองไหมคะ”
“ฉันใส่เองดีกว่าค่ะ” ณัฐญาณ์ว่าพลางรับต่างหูมาจากมือเรียวของเอลิซาเบธและจัดการใส่ต่างหูด้วยตนเองจนเรียบร้อย ในใจรู้สึกแปลก ๆ กับการที่ชายหนุ่มจัดการให้เครื่องเพชรชุดนี้กับเธอ โดยไม่บอกเธอแม้แต่คำเดียว เขาจะมัดมือชกให้เธอรับโดยปฏิเสธไม่ได้หรืออย่างไรกัน
หลังจากแต่งตัวและใส่เครื่องประดับเรียบร้อย เอลิซาเบธเรียกให้เด็กหญิงที่ทำหน้าที่ถือหางของกระโปรงสองคนเข้ามาในห้องเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
“รถม้ามารอแล้ว ไปกันเถอะค่ะ นาทาย่าห์” เอลิซาเบธว่า พลางยื่นผ้าคลุมผม ถุงมือ และรองเท้าให้เอลานอร์เพื่อสวมใส่ให้หญิงสาว
หลังจากสวมรองเท้าและถุงมือเสร็จเรียบร้อย ณัฐญาณ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางยื่นมือไปรับช่อดอกไม้ที่เอลิซาเบธส่งมาให้ เป็นช่อดอกไม้เจ้าสาวที่ร้านดอกไม้ในเมืองจัดช่อให้ โดยใช้ดอกพุดซ้อนและดอกมะลิจากสวนของเธอเองซึ่งส่งกลิ่นหอมกำจาย แซมให้มีสีสันด้วยกุหลาบหนูดอกเล็ก ๆ สีชมพูอ่อนหวาน
เอลิซาเบธทอดสายตาขึ้น ๆ ลงไปทั่วร่างเจ้าสาวอย่างพอใจและชื่นชม ใบหน้าจิ้มลิ้มของภรรยาของนายแพทย์เออร์เนสท์มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ตลอดเวลา
“คุณสวยมากจริง ๆ นะคะนาทาย่าห์ นี่ถ้าฉันเป็นผู้ชาย คงจะอิจฉาวิลเลียมมากเลยเชียว”
“คุณก็สวยค่ะ เอลิซาเบธ” ณัฐญาณ์ว่ายิ้ม ๆ กวาดสายตามองร่างอ้อนแอ้นของเอลิซาเบธในชุดผ้าสักหลาดสีม่วง ตัดเย็บอย่างประณีตและดูหรูหรา เข้ากันกับบอนเน็ต[1] และถุงมือตาข่ายสีเดียวกัน
“เธอด้วย เอลานอร์ วันนี้เธอสวยมากเลย” หญิงสาวหันไปชมหญิงรับใช้ ที่วันนี้แต่งตัวมีสีสันสดใสจากชุดที่ตัดจากผ้ามัสลินสีเหลืองอ่อน ที่ณัฐญาณ์ให้จากผ้าที่ได้รับมาอย่างมากมายจากเจ้าของสถานีหนุ่ม มากจนหญิงสาวตัดชุดใส่ไม่ทัน จึงแบ่งบางส่วนให้หญิงรับใช้บ้าง
“วันนี้เป็นวันสำคัญของคุณกับนายท่านนี่คะ” เอลานอร์ตอบยิ้มแย้ม พลางจัดขบวนเจ้าสาวเล็ก ๆ ตามคำสั่งของเอลิซาเบธไปด้วย
“เอวา ลอร่า มายืนตรงนี้จ้ะ ถือหางกระโปรงแบบนี้ อย่าให้ระพื้นนะจ๊ะ” เอลิซาเบธสั่งเด็กหญิงในชุดผ้ามัสลินสีขาว ตัดคล้าย ๆ ชุดเจ้าสาวแต่ไม่หรูหราเท่า บนศีรษะสวมบอนเน็ตที่ขอบสั้นกว่าของเอลิซาเบธเล็กน้อย
จนเมื่อทุกคนพร้อมสำหรับการออกเดินทาง เอลิซาเบธจึงเดินนำขบวนออกมาก่อน ตามมาด้วยณัฐญาณ์ที่มีเด็กหญิงสองคนถือหางกระโปรงยาวเฟื้อยให้ ปิดท้ายขบวนด้วยเอลานอร์
เมื่อมาถึงบริเวณที่รถม้าจอดรออยู่ ก็พบว่าโมรานในชุดสากลดูหรูหรายืนรออยู่กับรถม้าคันหนึ่งอยู่แล้ว เอลิซาเบธจัดการให้เจ้าสาวขึ้นไปนั่งบนรถม้าพร้อมเด็กหญิงทั้งสองจนเรียบร้อยแล้วจึงก้าวขึ้นไปนั่งข้างหญิงสาว ในณะที่เอลานอร์นั่งรถม้าคันเดียวกับบิดา จากนั้นขบวนรถม้าของเจ้าสาวขบวนเล็ก ๆ ก็ออกเดินทาง โดยมีจุดหมายการเดินทางอยู่ที่ โบสถ์ประจำเมืองพอร์ทแคมพ์เบลล์ สถานที่แต่งงานของวิลเลียม แคมพ์เบลล์ กับเจ้าสาวของเขานั่นเอง
วิลเลียมเพิ่งลงจากรถม้า ๆ พร้อม ๆ กับนายแพทย์เออร์เนสท์ เพื่อนสนิทของเขาที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในวันนี้ ขณะเดียวกับที่มองเห็นรถม้าของขบวนเจ้าสาวจอดลงอีกฝั่งของโบสถ์พอดี พร้อม ๆ กับที่ระฆังของโบสถ์ดังกังวานขึ้น เป็นสัญญาณว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เดินทางมาถึงสถานที่ประกอบพิธีแล้ว
เจ้าบ่าวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานครั้งแรกในชีวิตหนุ่มถึงกับตะลึงเมื่อมองเห็นเจ้าสาวของเขาที่เพิ่งลงจากรถม้า หญิงสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ หางของชุดยาวเฟื้อยมีเด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีขาวทำหน้าที่ถืออยู่ ชุดแต่งงานคอกว้างเกือบถึงไหล่ กว้างกว่าชุดปกติที่หญิงสาวเคยใส่ อวดลำคอระหง ที่มีสร้อยที่เขาฝากเอลิซาเบธไปประดับอยู่ ใบหน้าที่เขารู้ดีว่าสวยหวานเพียงใดนั้น อยู่ภายใต้ผ้าคลุมลูกไม้โปร่ง ซึ่งโปร่งมากพอที่จะไม่บดบังความงามใด ๆ
ชายหนุ่มยืนรอจนขบวนเจ้าสาวเดินมาใกล้ จึงเดินเข้าไปร่วมขบวนที่ทางเข้าโบสถ์ ณัฐญาณ์เดินเกาะแขนโมรานซึ่งทำหน้าที่มอบเจ้าสาวให้กับเจ้าบ่าว
“คุณสวยมาก สวยจนผมแทบลืมหายใจ” ชายหนุ่มกระซิบ มองเห็นเจ้าสาวของเขาใบหน้าเรื่อสีด้วยความเขินอาย ทำให้อดหัวเราะหึ ๆ อย่างขบขันไม่ได้
ภายในโบสถ์ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมซึ่งเป็นดอกไม้โปรดของเจ้าสาว สลับกับกุหลาบสีชมพูหวาน แขกเหรื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนงานในสถานี และผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองแคมพ์เบลล์ที่วิลเลียมมีความสัมพันธ์ทั้งส่วนตัวและธุรกิจด้วย นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดให้อย่างเรียบร้อย และยืนขึ้นต้อนรับขบวนบ่าวสาว ดนตรีแสดงสดบรรเลงเพลงทำนองอ่อนหวานคลออยู่เบา ๆ ก่อนที่จะหยุดลง เมื่อขบวนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าบาทหลวงผู้ทำพิธี
แล้วพิธีแต่งงานระหว่างวิลเลียม แคมพ์เบลล์ และณัฐญาณ์ก็เริ่มขึ้น จนถึงเวลาที่บ่าวสาวจะแลกคำสัตย์ปฏิญาณต่อกัน โมรานเดินพาหญิงสาวเข้าไปส่งให้ผู้ทำพิธี จากนั้นบาทหลวงบอกให้เจ้าบ่าวจับมือขวาของเจ้าสาวด้วยมือขวาของเขาเอง ก่อนจะกล่าวคำปฏิญาณตนตามท่าน
“ผม วิลเลียม แคมพ์เบลล์ ขอรับคุณ นาทาย่าห์ รัตนวงศ์ เป็นภรรยา และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
หลังจากชายหนุ่มกล่าวคำปฎิญาณตนเสร็จ บาทหลวงผู้ทำพิธีก็บอกให้ทั้งสองปล่อยมือออกจากกัน ก่อนจะหันไปบอกเจ้าสาวให้ใช้มือขวาจับมือขวาของเจ้าบ่าว และกล่าวคำปฏิญาณตามท่านอย่างเช่นที่เจ้าบ่าวได้กระทำไปแล้ว
“ดิฉัน ณัฐญาณ์ รัตนวงศ์ ขอรับคุณ วิลเลียม แคมพ์เบลล์ เป็นสามี และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
เมื่อหญิงสาวกล่าวคำปฏิญาณตามบาทหลวงผู้ทำพิธีเสร็จ คู่บ่าวสาวก็ปล่อยมือจากกันอีกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปหานายแพทย์เออร์เนสท์ซึ่งยื่นแหวนมาให้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกับที่หญิงสาวยื่นช่อดอกไม้และถอดถุงมือให้เอลิซาเบธถือไว้
ชายหนุ่มยื่นแหวนให้หญิงสาว ซึ่งบาทหลวงผู้ทำพิธียื่นมือมารับแหวนอีกต่อหนึ่ง ก่อนจะส่งกลับไปให้ชายหนุ่ม เพื่อให้เขาสวมลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ก่อนที่ผู้ทำพิธีจะประกาสให้การแต่งงานมีผลนับแต่บัดนั้น
หลังพิธีในโบสถ์ สองหนุ่มสาวเข้าไปลงชื่อในทะเบียนสมรสซึ่งจัดเตรียมไว้ในห้องด้านหลังเป็นอันเสร็จพิธี ในขณะที่เอลิซาเบธและเอลานอร์แจกจ่ายของชำร่วยให้กับแขกที่มาร่วมงานที่โบสถ์