บทก่อนหน้า
บทนำ
http://pantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒
http://pantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔
http://pantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕
http://pantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖
http://pantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗
http://pantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘
http://pantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙
http://pantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐
http://pantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑
http://pantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒
http://pantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓
http://pantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔
http://pantip.com/topic/31481664
โลกของคนมีความรักที่สมหวังในรักมันสดใสเช่นนี้เอง ณัฐญาณ์บอกกับตนเอง หลังจากนายเรือล่าวาฬพาเรือและลูกเรือพร้อมทั้งวาฬอีกเกือบสี่ร้อยตัวกลับเข้าฝั่ง สามวันหลังจากนั้น ชายหนุ่มเดินมาหาเธอในห้องสมุด ขณะที่หญิงสาวนั่งดื่มกาแฟและอ่านหนังสือหลังจากกลับจากทำงานสอนที่โรงเรียนดังเช่นทุกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะวิล คุณดูหน้าตาไม่สบายใจ” จำได้ว่าถามไปเช่นนั้นเมื่อมองเห็นเขาเดินตรงมายังที่ที่เธอนั่งอยู่ ท่าทางคล้ายกังวลกับอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์สีเดียวกับน้ำทะเลลึกไหววูบวาบ ฉายแววกังวลแกมตื่นเต้น อีกทั้งดูเหมือนกับจะไม่มั่นใจกับอะไรบางอย่าง ซึ่งแตกต่างกับชายหนุ่มที่เธอรู้จัก เขาเป็นอะไรของเขานะ
ร่างสูงที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าเธอยื่นมือมาจับมือเธอไปกุมไว้ ก่อนจะพูดเสียงนุ่มเบา
“แนทครับ ผมรู้ว่าคุณตกลงจะอยู่ที่นี่กับผม แต่ผมยังไม่ได้ขอ... คุณจะอยู่กับผมในฐานะคุณนายแคมพ์เบลล์ได้ไหมครับ” เขาถามอย่างนั้น ทำเอาเธอหูอื้อ ไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
“อะไรนะคะวิล คุณ... ว่าอะไรนะคะ” ถามกลับราวละเมอ เขากำลังขอให้เธอเป็นคุณนายแคมพ์เบลล์อย่างนั้นหรือ หมายความว่า...
“แต่งงานกับผมนะครับ” เขาถามน้ำเสียงไม่มั่นคง ราวกับไม่แน่ใจในคำตอบที่อาจจะได้รับ นัยน์ตาจ้องมองเธอด้วยสายตาคาดหวัง... และรอคอย ณัฐญาณ์รู้สึกหัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมานอกอก เขาขอแต่งงานกับเธออย่างนั้นหรือ หญิงสาวพูดไม่ออก และก่อนที่จะรู้ตัว เธอก็โถมตัวเข้าใส่คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำตาไหลพรากอย่างควบคุมไม่ได้ ชายหนุ่มโอบกอดร่างบางไว้เต็มอ้อมอกอุ่น นิ้วเรียวยาวกรีดเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตอ่อนหวาน หลังจากถอนจุมพิต เขากระซิบริมหูเสียงอ่อนโยน
“แต่งงานกันนะ ผมจะได้ไม่รู้สึกผิดทุกครั้งที่ทำแบบนี้กับคุณ” แบบนี้ของเขาคือซุกไซ้ริมฝีปากไปตามใบหน้าและซอกคอของเธอ ก่อนจะวนกลับมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอิ่ม ดูดดื่มความฉ่ำหวานของรสสัมผัสเนิ่นนาน
“ค่ะวิล ฉันจะแต่งงานกับคุณ” ตอบออกไปราวละเมอ
หลังได้รับคำตอบ ชายหนุ่มสวมแหวนที่ตัวเรือนทำจากทองคำขาว หัวแหวนทำจากอัญมณีสีฟ้าเจิดจรัส เจียระไนเหลี่ยมมุมให้สะท้อนแสงจากทุกทิศทาง ส่งประกายวิบวับ รอบ ๆ อัญมณีเม็ดใหญ่เป็นเพชรเม็ดเล็ก ๆ วางเรียงกันราวกลีบดอกไม้ ลงไปบนนิ้วอันเรียวยาวของหญิงสาว
ชายหนุ่มยกมือเธอขึ้นมาจุมพิตลงไปบนนิ้วที่สวมแหวน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจรดริมฝีปากอุ่นลงไปบนริมฝีปากอิ่มของหญิงสาว และจุมพิตดื่มด่ำต่อไปอีกนานแสนนาน
“คิดอะไรอยู่” เสียงนุ่มถามมาจากด้านหลัง เรียกให้ณัฐญาณ์หลุดจากภวังค์ หญิงสาวหันกลับไปส่งยิ้มให้คนที่กำลังเดินตรงมาพลางคว้าตัวเธอเข้าไปใกล้ ยื่นใบหน้าจุมพิตหน้าผากทักทาย
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ” จะบอกเขาได้อย่างไรว่ากำลังคิดถึงเขานั่นล่ะ
หญิงสาวกำลังเดินตรวจตราสวนดอกไม้ซึ่งกำลังผลิดอกต้อนรับอากาศที่อุ่นขึ้นของฤดูใบไม้ผลิ แม้จะยังไม่ออกดอกจนขาวโพลนไปหมดอย่างเช่นในฤดูร้อน แต่ก็มีดอกให้เก็บสำหรับทดลองทำน้ำหอมมากกว่าในฤดูหนาวมากมายนัก
“มะลิกับการ์ดีเนียเริ่มออกดอกมากแล้ว” ชายหนุ่มพูดเป็นเชิงชวนคุย
“ค่ะ เดี๋ยวพออากาศอุ่นกว่านี้ก็จะออกมากจนแทบเก็บไม่ทันเชียวล่ะ” ตอบเขา พลางยื่นมือไปเกี่ยวแขนที่ยื่นมาให้ ก่อนจะเดินเคียงกันไปตามแปลงดอกไม้
“ผมโทรเลขสั่งหม้อกลั่นน้ำมันหอมระเหยให้คุณแล้ว อีกราว ๆ สามสัปดาห์ของจะมาส่ง” ชายหนุ่มบอก เขานิ่งไปสักพักราวกับชั่งใจ ก่อนจะบอกหญิงสาวเป็นเชิงปรึกษา
“ผมคิดว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่ ระหว่างสวนและสวนดอกไม้ของคุณ เป็นเรือนหอของเรา คุณว่าดีไหม”
“โธ่ จะสร้างใหม่ทำไมคะ อาคารสถานีก็ออกจะใหญ่โต” หญิงสาวท้วง มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะสร้างเรือนหอใหม่ เพราะการอาศัยอยู่บนอาคารสถานีก็ไม่ได้ลำบากอะไร
“แต่อาคารสถานีไม่ใช่บ้าน เมื่อก่อนมันเป็นแค่ที่ซุกหัวนอนของผม ตอนนี้เราจะสร้างครอบครัวของเราเอง ผมอยากแยกมาอยู่กับคุณในบ้านของเรา อาคารนั่นก็เป็นสถานีแปรรูปวาฬไป อีกอย่างเราจะขยายท่าเรือและทำธุรกิจอย่างอื่น อาคารสถานีคงจะมีคนผ่านไปมาพลุกพล่าน ไม่เหมาะที่จะสร้างครอบครัวและเลี้ยงลูกที่นั่น” ชายหนุ่มอธิบาย ดวงตาสีฟ้าแจ่มฉายแววอ่อนโยนเมื่อพูดถึงครอบครัวและลูก ในขณะที่คนที่จะเป็น ‘แม่’ รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เขินอายกับความคิดที่ว่าเธอกับเขาจะมีลูกด้วยกัน
“ใครจะนึกนะ...” คนข้าง ๆ รำพึง
“คะ ?”
ชายหนุ่มทอดสายตามองใบหน้าเรื่อสีของคนในข้าง ๆ พลางยิ้มละไม
“ใครจะนึกว่าเราจะมาพบกันและรักกันได้”
“มันคงเป็นโชคชะตากระมังคะ ฉันก็ไม่เคยนึกว่าจะได้เดินทางข้ามภพข้ามชาติมาเจอกับคุณแบบนี้” หญิงสาวว่า เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้ว หากไม่ได้ประสบกับตนเอง เธอคงไม่มีวันเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง
“ต้องขอบคุณโชคชะตา” ชายหนุ่มว่า “ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เรามาเจอกัน”
“นาทาย่าห์ ฉันยินดีกับคุณและวิลเลียมเป็นที่สุดเลยค่ะ” เอลิซาเบธกอดแสดงความยินดีกับการหมั้นหมายระหว่างณัฐญาณ์และเจ้าของสถานีแปรรูปวาฬ หลังจากที่ชายหนุ่มเดินมาส่งเธอที่โรงเรียนในตอนเช้าเช่นเคย ภรรยานายแพทย์เออร์เนสท์แสดงความยินดีกับชายหนุ่มก่อนที่เขาจะกลับไปยังสถานี จากนั้นต้อนหน้าต้อนหลังให้ณัฐญาณ์เข้ามาในห้องทำงานอย่างตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะ เอลิซาเบธ” หญิงสาวกล่าวตอบยิ้ม ๆ อดเอ็นดูท่าทางตื่นเต้นยินดีของอีกคนไม่ได้ หลังจากที่รู้จักกันมาปีกว่า และเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนิทที่สุด ทำให้ณัฐญาณ์ทราบว่า เอลิซาเบธ วิลสัน ที่เธอรู้จักว่าเป็นสุภาพสตรีผู้เคร่งธรรมเนียมในตอนแรกที่รู้จักกัน จริง ๆ แล้วก็เป็นผู้หญิงธรรมดา ที่ตื่นเต้นยินดี และแทบจะกรี๊ดกร๊าดเมื่อได้ฟังข่าวอันน่ายินดีจากเธอ และชอบที่จะพูดคุยจิ๊จ๊ะประสาผู้หญิงอยู่ไม่น้อย แต่นั่นต้องอยู่ในที่ลับตาคนกับเธอเพียงสองคนเท่านั้น หากมีคนรับใช้หรือคนอื่นอยู่ด้วย เอลิซาเบธก็จะเป็นสุภาพสตรีผู้งามสง่าและมีกริยามารยาทเป็นผู้ดีทุกกระเบียดอย่างที่เป็นอยู่เสมอ
“ไหน ขอดูแหวนหน่อยสิคะ” เอลิซาเบธถามน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด ณัฐญาณ์ยื่นมือที่สวมแหวนไปให้ดู คนขอดูเบิกตาโตขณะจ้องมองไปยังแหวน ‘ไพลินล้อมเพชร’ ของเธอ
“ว้าว สวยมากเลยค่ะนาทาย่าห์ เพชรเม็ดใหญ่ตรงกลางน้ำงามมาก” เอลิซาเบธพูดราวละเมอ นิ้วเรียวยาวราวลำเทียนลูบไล้อัญมณีสีน้ำเงินนั้นราวต้องมนตร์
“เอ่อ... มันเป็นไพลินไม่ใช่หรือคะ” ณัฐญาณ์ถามอย่างไม่แน่ใจ เธอคิดว่าแหวนหมั้นของเธอเป็นแหวนไพลินเม็ดใหญ่ตรงกลาง และล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็ก ๆ เสียอีก
เอลิซาเบธค้อนให้เจ้าของแหวนเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ไพลินอะไรกันคะ นาทาย่าห์ นี่คือเพชรสีน้ำเงิน ดูสิคะ เพชรจะส่องประกายจรัสแบบนี้ค่ะ ไพลินจะเจียระไนอีกแบบเพื่ออวดสี แต่เพชรจะเจียระไนเพื่ออวดประกายแบบนี้” เอลิซาเบธอธิบายอย่างผู้รู้ ในขณะที่ณัฐญาณ์เป็นผู้ฟังอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ในชีวิตเธอไม่เคยมีอัญมณีชนิดใดเป็นสมบัติส่วนตัว ซึ่งคงจะแตกต่างกับผู้หญิงตรงหน้า ที่ชีวิตคงจะเติบโตมาพร้อมกับความหรูหรา จนสามารถแยกเพชรสีน้ำเงินกับไพลินออกได้เพียงแค่ปรายตามอง
“ฉันทราบมาว่าพวกแคมพ์เบลล์มีเหมืองเพชรที่แอฟริกา นี่คงจะเป็นเพชรที่มาจากที่นั่นแน่ ๆ เลย” เอลิซาเบธยังคงพูดถึงอัญมณีราคาสูงด้วยนัยน์ตาเพ้อ ๆ ก่อนจะยื่นมือมาจับมือณัฐญาณ์ ตาเป็นประกาย
“นาทาย่าห์ คุณโชคดีมากเลยนะคะ ที่ได้เป็นเจ้าสาวของวิลเลียม เขาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม ทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ผู้หญิงทั้งเมืองจะต้องอิจฉาคุณ แล้วนี่เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นคะ”
“คงสักระยะค่ะเอลิซาเบธ วิลเลียมอยากสร้างเรือนหอก่อน และจะมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยค่ะ ให้อะไรเข้าที่เข้าทางก่อนคงจะได้จัดงาน”
“อีกไม่นาน สถานีก็จะมีชีวิตชีวา จะมีเด็ก ๆ ลูกของคุณกับวิลเลียมวิ่งเล่น ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วค่ะ นาทาย่าห์”
“คุณกับคุณหมอเออร์เนสท์นำไปก่อนดีไหมคะ แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อไรจะมีตัวเล็ก ๆ สักทีคะ” ณัฐญาณ์ว่ายิ้ม ๆ หวังจะเย้าเล่น หากสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันทีของผู้ฟังทำให้หญิงสาวถึงกับชงัก เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
“ฉันกับเออร์เนสท์ คงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะค่ะ นาทาย่าห์” เอลิซาเบธพูดเสียงพร่า ใบหน้าสวยหวานเจือแววเศร้านั้นพยายามฝืนยิ้ม ณัฐญาณ์นิ่งไป ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นการละลาบละล้วงถามในสิ่งที่เจ้าของเรื่องไม่อยากบอกหรือไม่
“ฉันเป็นหมันค่ะ” เจ้าของใบหน้าเศร้าอธิบายต่อโดยไม่รอให้ถาม
“โอ ขอโทษค่ะเอลิซาเบธ ฉัน... ไม่ทราบ”
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษเลยค่ะแนท” เอลิซาเบธบอกให้คลายใจ ก่อนที่ใบหน้าเศร้าจะกลับมายิ้มอีกครั้ง
“คุณกับวิลเลียมต้องมีลูกในทันทีเลยนะคะ ฉันจะสมัครเป็นพี่เลี้ยง”
“ด้วยความยินดีเลยค่ะ” พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปยังหัวข้อที่ไกลจากเรื่องที่ทำให้อีกคนไม่สบายใจ
“นี่ค่ะ เอลิซาเบธ ฉันทำชามะลิมาให้คุณอีก” ว่าพลางยื่นกล่องบรรจุชาที่ทำเองให้
“ขอบคุณมากค่ะแนท กำลังจะหมดพอดีเลย หมอเออร์เนสท์โปรดมากเชียวค่ะ”
“ดีใจที่ชอบค่ะ หมดเมื่อไรบอกได้ทันที อย่าได้เกรงใจนะคะ” ณัฐญาณ์กำชับ ซึ่งคนฟังก็ยิ้มรับอย่างยินดี
เมื่อได้เวลาเข้าเรียนของเด็ก ๆ สองสาวแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของแต่ละคน และยุ่งอยู่กับการสอนหนังสือจนกระทั่งหมดเวลาสอน ณัฐญาณ์รอจนกระทั่งมองเห็นชายหนุ่มเดินตรงมายังอาคารเรียน จึงหันไปกล่าวลากับเอลิซาเบธ ก่อนจะเดินไปกับผู้มารับ ซึ่งเขาพาเธอไปอีกทางซึ่งตรงกันข้ามกับตัวอาคารสถานี
“จะพาฉันไปไหนหรือคะวิล” ถามอย่างอดไม่ได้ เจ้าของร่างสูงที่พาเดินไปอย่างไม่พูดไม่จาหันมายิ้มให้แวบหนึ่ง นัยน์ตาสีฟ้าจัดจ้าเป็นประกาย
“มาเถอะ เดี๋ยวก็รู้”
สุดปลายฝัน บทที่ ๑๕
บทนำ http://pantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://pantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://pantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://pantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://pantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://pantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://pantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://pantip.com/topic/31481664
โลกของคนมีความรักที่สมหวังในรักมันสดใสเช่นนี้เอง ณัฐญาณ์บอกกับตนเอง หลังจากนายเรือล่าวาฬพาเรือและลูกเรือพร้อมทั้งวาฬอีกเกือบสี่ร้อยตัวกลับเข้าฝั่ง สามวันหลังจากนั้น ชายหนุ่มเดินมาหาเธอในห้องสมุด ขณะที่หญิงสาวนั่งดื่มกาแฟและอ่านหนังสือหลังจากกลับจากทำงานสอนที่โรงเรียนดังเช่นทุกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะวิล คุณดูหน้าตาไม่สบายใจ” จำได้ว่าถามไปเช่นนั้นเมื่อมองเห็นเขาเดินตรงมายังที่ที่เธอนั่งอยู่ ท่าทางคล้ายกังวลกับอะไรบางอย่าง
ชายหนุ่มเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์สีเดียวกับน้ำทะเลลึกไหววูบวาบ ฉายแววกังวลแกมตื่นเต้น อีกทั้งดูเหมือนกับจะไม่มั่นใจกับอะไรบางอย่าง ซึ่งแตกต่างกับชายหนุ่มที่เธอรู้จัก เขาเป็นอะไรของเขานะ
ร่างสูงที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าเธอยื่นมือมาจับมือเธอไปกุมไว้ ก่อนจะพูดเสียงนุ่มเบา
“แนทครับ ผมรู้ว่าคุณตกลงจะอยู่ที่นี่กับผม แต่ผมยังไม่ได้ขอ... คุณจะอยู่กับผมในฐานะคุณนายแคมพ์เบลล์ได้ไหมครับ” เขาถามอย่างนั้น ทำเอาเธอหูอื้อ ไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
“อะไรนะคะวิล คุณ... ว่าอะไรนะคะ” ถามกลับราวละเมอ เขากำลังขอให้เธอเป็นคุณนายแคมพ์เบลล์อย่างนั้นหรือ หมายความว่า...
“แต่งงานกับผมนะครับ” เขาถามน้ำเสียงไม่มั่นคง ราวกับไม่แน่ใจในคำตอบที่อาจจะได้รับ นัยน์ตาจ้องมองเธอด้วยสายตาคาดหวัง... และรอคอย ณัฐญาณ์รู้สึกหัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมานอกอก เขาขอแต่งงานกับเธออย่างนั้นหรือ หญิงสาวพูดไม่ออก และก่อนที่จะรู้ตัว เธอก็โถมตัวเข้าใส่คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำตาไหลพรากอย่างควบคุมไม่ได้ ชายหนุ่มโอบกอดร่างบางไว้เต็มอ้อมอกอุ่น นิ้วเรียวยาวกรีดเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตอ่อนหวาน หลังจากถอนจุมพิต เขากระซิบริมหูเสียงอ่อนโยน
“แต่งงานกันนะ ผมจะได้ไม่รู้สึกผิดทุกครั้งที่ทำแบบนี้กับคุณ” แบบนี้ของเขาคือซุกไซ้ริมฝีปากไปตามใบหน้าและซอกคอของเธอ ก่อนจะวนกลับมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอิ่ม ดูดดื่มความฉ่ำหวานของรสสัมผัสเนิ่นนาน
“ค่ะวิล ฉันจะแต่งงานกับคุณ” ตอบออกไปราวละเมอ
หลังได้รับคำตอบ ชายหนุ่มสวมแหวนที่ตัวเรือนทำจากทองคำขาว หัวแหวนทำจากอัญมณีสีฟ้าเจิดจรัส เจียระไนเหลี่ยมมุมให้สะท้อนแสงจากทุกทิศทาง ส่งประกายวิบวับ รอบ ๆ อัญมณีเม็ดใหญ่เป็นเพชรเม็ดเล็ก ๆ วางเรียงกันราวกลีบดอกไม้ ลงไปบนนิ้วอันเรียวยาวของหญิงสาว
ชายหนุ่มยกมือเธอขึ้นมาจุมพิตลงไปบนนิ้วที่สวมแหวน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจรดริมฝีปากอุ่นลงไปบนริมฝีปากอิ่มของหญิงสาว และจุมพิตดื่มด่ำต่อไปอีกนานแสนนาน
“คิดอะไรอยู่” เสียงนุ่มถามมาจากด้านหลัง เรียกให้ณัฐญาณ์หลุดจากภวังค์ หญิงสาวหันกลับไปส่งยิ้มให้คนที่กำลังเดินตรงมาพลางคว้าตัวเธอเข้าไปใกล้ ยื่นใบหน้าจุมพิตหน้าผากทักทาย
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ” จะบอกเขาได้อย่างไรว่ากำลังคิดถึงเขานั่นล่ะ
หญิงสาวกำลังเดินตรวจตราสวนดอกไม้ซึ่งกำลังผลิดอกต้อนรับอากาศที่อุ่นขึ้นของฤดูใบไม้ผลิ แม้จะยังไม่ออกดอกจนขาวโพลนไปหมดอย่างเช่นในฤดูร้อน แต่ก็มีดอกให้เก็บสำหรับทดลองทำน้ำหอมมากกว่าในฤดูหนาวมากมายนัก
“มะลิกับการ์ดีเนียเริ่มออกดอกมากแล้ว” ชายหนุ่มพูดเป็นเชิงชวนคุย
“ค่ะ เดี๋ยวพออากาศอุ่นกว่านี้ก็จะออกมากจนแทบเก็บไม่ทันเชียวล่ะ” ตอบเขา พลางยื่นมือไปเกี่ยวแขนที่ยื่นมาให้ ก่อนจะเดินเคียงกันไปตามแปลงดอกไม้
“ผมโทรเลขสั่งหม้อกลั่นน้ำมันหอมระเหยให้คุณแล้ว อีกราว ๆ สามสัปดาห์ของจะมาส่ง” ชายหนุ่มบอก เขานิ่งไปสักพักราวกับชั่งใจ ก่อนจะบอกหญิงสาวเป็นเชิงปรึกษา
“ผมคิดว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่ ระหว่างสวนและสวนดอกไม้ของคุณ เป็นเรือนหอของเรา คุณว่าดีไหม”
“โธ่ จะสร้างใหม่ทำไมคะ อาคารสถานีก็ออกจะใหญ่โต” หญิงสาวท้วง มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะสร้างเรือนหอใหม่ เพราะการอาศัยอยู่บนอาคารสถานีก็ไม่ได้ลำบากอะไร
“แต่อาคารสถานีไม่ใช่บ้าน เมื่อก่อนมันเป็นแค่ที่ซุกหัวนอนของผม ตอนนี้เราจะสร้างครอบครัวของเราเอง ผมอยากแยกมาอยู่กับคุณในบ้านของเรา อาคารนั่นก็เป็นสถานีแปรรูปวาฬไป อีกอย่างเราจะขยายท่าเรือและทำธุรกิจอย่างอื่น อาคารสถานีคงจะมีคนผ่านไปมาพลุกพล่าน ไม่เหมาะที่จะสร้างครอบครัวและเลี้ยงลูกที่นั่น” ชายหนุ่มอธิบาย ดวงตาสีฟ้าแจ่มฉายแววอ่อนโยนเมื่อพูดถึงครอบครัวและลูก ในขณะที่คนที่จะเป็น ‘แม่’ รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เขินอายกับความคิดที่ว่าเธอกับเขาจะมีลูกด้วยกัน
“ใครจะนึกนะ...” คนข้าง ๆ รำพึง
“คะ ?”
ชายหนุ่มทอดสายตามองใบหน้าเรื่อสีของคนในข้าง ๆ พลางยิ้มละไม
“ใครจะนึกว่าเราจะมาพบกันและรักกันได้”
“มันคงเป็นโชคชะตากระมังคะ ฉันก็ไม่เคยนึกว่าจะได้เดินทางข้ามภพข้ามชาติมาเจอกับคุณแบบนี้” หญิงสาวว่า เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้ว หากไม่ได้ประสบกับตนเอง เธอคงไม่มีวันเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง
“ต้องขอบคุณโชคชะตา” ชายหนุ่มว่า “ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เรามาเจอกัน”
“นาทาย่าห์ ฉันยินดีกับคุณและวิลเลียมเป็นที่สุดเลยค่ะ” เอลิซาเบธกอดแสดงความยินดีกับการหมั้นหมายระหว่างณัฐญาณ์และเจ้าของสถานีแปรรูปวาฬ หลังจากที่ชายหนุ่มเดินมาส่งเธอที่โรงเรียนในตอนเช้าเช่นเคย ภรรยานายแพทย์เออร์เนสท์แสดงความยินดีกับชายหนุ่มก่อนที่เขาจะกลับไปยังสถานี จากนั้นต้อนหน้าต้อนหลังให้ณัฐญาณ์เข้ามาในห้องทำงานอย่างตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะ เอลิซาเบธ” หญิงสาวกล่าวตอบยิ้ม ๆ อดเอ็นดูท่าทางตื่นเต้นยินดีของอีกคนไม่ได้ หลังจากที่รู้จักกันมาปีกว่า และเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่สนิทที่สุด ทำให้ณัฐญาณ์ทราบว่า เอลิซาเบธ วิลสัน ที่เธอรู้จักว่าเป็นสุภาพสตรีผู้เคร่งธรรมเนียมในตอนแรกที่รู้จักกัน จริง ๆ แล้วก็เป็นผู้หญิงธรรมดา ที่ตื่นเต้นยินดี และแทบจะกรี๊ดกร๊าดเมื่อได้ฟังข่าวอันน่ายินดีจากเธอ และชอบที่จะพูดคุยจิ๊จ๊ะประสาผู้หญิงอยู่ไม่น้อย แต่นั่นต้องอยู่ในที่ลับตาคนกับเธอเพียงสองคนเท่านั้น หากมีคนรับใช้หรือคนอื่นอยู่ด้วย เอลิซาเบธก็จะเป็นสุภาพสตรีผู้งามสง่าและมีกริยามารยาทเป็นผู้ดีทุกกระเบียดอย่างที่เป็นอยู่เสมอ
“ไหน ขอดูแหวนหน่อยสิคะ” เอลิซาเบธถามน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด ณัฐญาณ์ยื่นมือที่สวมแหวนไปให้ดู คนขอดูเบิกตาโตขณะจ้องมองไปยังแหวน ‘ไพลินล้อมเพชร’ ของเธอ
“ว้าว สวยมากเลยค่ะนาทาย่าห์ เพชรเม็ดใหญ่ตรงกลางน้ำงามมาก” เอลิซาเบธพูดราวละเมอ นิ้วเรียวยาวราวลำเทียนลูบไล้อัญมณีสีน้ำเงินนั้นราวต้องมนตร์
“เอ่อ... มันเป็นไพลินไม่ใช่หรือคะ” ณัฐญาณ์ถามอย่างไม่แน่ใจ เธอคิดว่าแหวนหมั้นของเธอเป็นแหวนไพลินเม็ดใหญ่ตรงกลาง และล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็ก ๆ เสียอีก
เอลิซาเบธค้อนให้เจ้าของแหวนเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ไพลินอะไรกันคะ นาทาย่าห์ นี่คือเพชรสีน้ำเงิน ดูสิคะ เพชรจะส่องประกายจรัสแบบนี้ค่ะ ไพลินจะเจียระไนอีกแบบเพื่ออวดสี แต่เพชรจะเจียระไนเพื่ออวดประกายแบบนี้” เอลิซาเบธอธิบายอย่างผู้รู้ ในขณะที่ณัฐญาณ์เป็นผู้ฟังอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ในชีวิตเธอไม่เคยมีอัญมณีชนิดใดเป็นสมบัติส่วนตัว ซึ่งคงจะแตกต่างกับผู้หญิงตรงหน้า ที่ชีวิตคงจะเติบโตมาพร้อมกับความหรูหรา จนสามารถแยกเพชรสีน้ำเงินกับไพลินออกได้เพียงแค่ปรายตามอง
“ฉันทราบมาว่าพวกแคมพ์เบลล์มีเหมืองเพชรที่แอฟริกา นี่คงจะเป็นเพชรที่มาจากที่นั่นแน่ ๆ เลย” เอลิซาเบธยังคงพูดถึงอัญมณีราคาสูงด้วยนัยน์ตาเพ้อ ๆ ก่อนจะยื่นมือมาจับมือณัฐญาณ์ ตาเป็นประกาย
“นาทาย่าห์ คุณโชคดีมากเลยนะคะ ที่ได้เป็นเจ้าสาวของวิลเลียม เขาเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม ทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ผู้หญิงทั้งเมืองจะต้องอิจฉาคุณ แล้วนี่เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นคะ”
“คงสักระยะค่ะเอลิซาเบธ วิลเลียมอยากสร้างเรือนหอก่อน และจะมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยค่ะ ให้อะไรเข้าที่เข้าทางก่อนคงจะได้จัดงาน”
“อีกไม่นาน สถานีก็จะมีชีวิตชีวา จะมีเด็ก ๆ ลูกของคุณกับวิลเลียมวิ่งเล่น ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วค่ะ นาทาย่าห์”
“คุณกับคุณหมอเออร์เนสท์นำไปก่อนดีไหมคะ แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อไรจะมีตัวเล็ก ๆ สักทีคะ” ณัฐญาณ์ว่ายิ้ม ๆ หวังจะเย้าเล่น หากสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันทีของผู้ฟังทำให้หญิงสาวถึงกับชงัก เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
“ฉันกับเออร์เนสท์ คงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะค่ะ นาทาย่าห์” เอลิซาเบธพูดเสียงพร่า ใบหน้าสวยหวานเจือแววเศร้านั้นพยายามฝืนยิ้ม ณัฐญาณ์นิ่งไป ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นการละลาบละล้วงถามในสิ่งที่เจ้าของเรื่องไม่อยากบอกหรือไม่
“ฉันเป็นหมันค่ะ” เจ้าของใบหน้าเศร้าอธิบายต่อโดยไม่รอให้ถาม
“โอ ขอโทษค่ะเอลิซาเบธ ฉัน... ไม่ทราบ”
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษเลยค่ะแนท” เอลิซาเบธบอกให้คลายใจ ก่อนที่ใบหน้าเศร้าจะกลับมายิ้มอีกครั้ง
“คุณกับวิลเลียมต้องมีลูกในทันทีเลยนะคะ ฉันจะสมัครเป็นพี่เลี้ยง”
“ด้วยความยินดีเลยค่ะ” พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปยังหัวข้อที่ไกลจากเรื่องที่ทำให้อีกคนไม่สบายใจ
“นี่ค่ะ เอลิซาเบธ ฉันทำชามะลิมาให้คุณอีก” ว่าพลางยื่นกล่องบรรจุชาที่ทำเองให้
“ขอบคุณมากค่ะแนท กำลังจะหมดพอดีเลย หมอเออร์เนสท์โปรดมากเชียวค่ะ”
“ดีใจที่ชอบค่ะ หมดเมื่อไรบอกได้ทันที อย่าได้เกรงใจนะคะ” ณัฐญาณ์กำชับ ซึ่งคนฟังก็ยิ้มรับอย่างยินดี
เมื่อได้เวลาเข้าเรียนของเด็ก ๆ สองสาวแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของแต่ละคน และยุ่งอยู่กับการสอนหนังสือจนกระทั่งหมดเวลาสอน ณัฐญาณ์รอจนกระทั่งมองเห็นชายหนุ่มเดินตรงมายังอาคารเรียน จึงหันไปกล่าวลากับเอลิซาเบธ ก่อนจะเดินไปกับผู้มารับ ซึ่งเขาพาเธอไปอีกทางซึ่งตรงกันข้ามกับตัวอาคารสถานี
“จะพาฉันไปไหนหรือคะวิล” ถามอย่างอดไม่ได้ เจ้าของร่างสูงที่พาเดินไปอย่างไม่พูดไม่จาหันมายิ้มให้แวบหนึ่ง นัยน์ตาสีฟ้าจัดจ้าเป็นประกาย
“มาเถอะ เดี๋ยวก็รู้”