พอดีที่บ้านมีเรื่องมีราวกันอยู่อยากถามผู้รู้ หรือทนายที่ีมีความเชี่ยวชาญนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า
ประมาณ 30 ปี ที่แล้ว นาย ก. มีลูก 5 คน คือ ข, ค, ง, จ และ ฉ (เรียงลำดับตามอาวุโส)
เป็นเจ้าของที่ดินผืนหนึ่ง ต่อมามีเหตุให้แยกที่ดินเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1. แบ่งขาย
ส่วนที่ 2. นำเข้าธนาคารเพื่อนำเงินให้คนข้างบ้านไปเมืองนอก
ส่วนที่ 3. เนื่องจากที่ดินใกล้กับส่วนที่ 2 จึงทำโฉนดแยกไว้เฉยๆ
ประเด็นที่ 1 เกี่ยวกับที่ดินในส่วนที่ 2
กาลต่อมา ที่ดินส่วนที่ 2 จะถูกยึดเนื่องจากไม่มีเงินไถ่ถอน นาย ก. จึงได้ปรึกษาลูกทั้ง 5 ไม่มีใครสามารถมีเงินเพื่อไปไถ่ถอนได้
นาง ค. และสามีจึงเสนอแก่นาย ก ว่าจะเป็นผู้หาเงินมาไถ่ถอน แ่ต่ต้องโอนชื่อเป็นของนาง ค ทั้งนี้ นาย ก ยินยอม และลูกทุกคนรับทราบ
ได้มีการโอนที่ดิน จาก นาย ก. ให้ นาง ค. ในปี 2534 โดยบอกให้แบ่งปันให้พี่ๆ น้องๆ ได้อยู่อาศัยในที่ดินนี้ด้วย (อย่าไล่พี่ไล่น้อง)
หลังจากนั้นนาย ก. ได้เสียชีวิตลงในปี 2538 จากนั้น ปี 2539 นาย จ ได้เสียชีวิตลงจากการฆ่าตัวตาย (โดยระหว่างมีชีวิตได้มีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนและมีบุตร 1 คน แต่ได้แยกทางกันก่อนนาย จ. เสียชีวิต โดยภรรยาเป็นผู้เลี้ยงดูบุตร) นาย ข,ง และ ฉ จึงต้องการแบ่งที่ดิน โดยแบ่งเป็น 4 ส่วนโดยทางวาจายังไม่มีการรังวัด คือของ นาย ข, นาง ค, นาย ง และ นาย ฉ เมื่อตกลงกันได้ จึงแจ้งให้ทราบว่าหากต้องการแบ่งที่ดิน ให้นำเงินมาจ่ายค่าโอนที่ดินให้ ซึ่งไม่มีผู้ใดนำเงินมาให้เลย จึงยังไม่มีการแยกโฉนดออกจากกัน
เหตุการณ์ดำเนินไป จนถึงปี 2548 นาง ค. มีเหตุจำเป็นทางการเงิน จึงได้นำที่ดิน ส่วนที่ 2 เข้าธนาคารเพื่อนำมาสร้างบ้าน ระหว่างนี้ นาย ง และ นาย ฉ ซึ่งได้รับการแบ่งที่ดินไปแ้ล้วนั้นได้ทำการขายคืนให้กับนาง ค.
มาปัจจุบันปี 57 ลูกชายของ นาย จ (รวมทั้งแม่และพ่อเลี้ยงคนที่ 2 ) ได้มาทวงถามที่ดินในส่วนของบิดาที่เสียชีวิต และกล่าวหานาง ค ว่า ยักยอกทรัพย์ไม่แบ่งที่ดินให้หลานซึ่งเป็น ทายาทของนาย จ และกล่าวหาว่าญาติทำการแบ่งสมบัติโดยไม่แจ้งเขา ซึ่งในระหว่างหลายปีที่ผ่านมามีการติดต่อกันน้อยมากนับได้ไม่ถึง 3 ครั้ง ในช่วง 10 ปี
คำถาม ลูกชายของนาย จ มีสิทธิในที่ดินส่วนที่ 2 นี้หรือไม่ จะทำการฟ้องร้องขอส่วนแบ่งที่ดินได้หรือไม่ นาง ค ได้กระทำการยักยอกทรัพย์จริงหรือไม่ และถ้าหากมีการฟ้องร้อง แนวโน้มของคำตัดสินจะเป็นไปในแนวทางใด
ประเด็นที่ 2 เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่ 3
ที่ดินในส่วนที่ 3 นี้ ทำแยกโฉนดออกมาเนื่องจากต้องการทำโฉนดพร้อมกับส่วนที่ 1 ที่ต้องการขายเพราะเป็นที่ดินเว้าแหว่งออกมา และได้มีการให้ผู้อื่น นามสมมุติ นาย ดี อยู่อาศัย โดยแค่ให้อาศัยเฉยๆ ไม่มีการเก็บค่าเช่า ตั้งแต่ครั้งนาย ก ยังมีชีวิตอยู่ นายดี ได้มีการปลุกสร้างบ้านเรือนบนที่ดินและอยู่อาศัยต่อเนื่องมานานกว่า 30 ปี กระทั่งญาติพี่น้องยังเลือนๆ ไปว่ามีที่ดินส่วนนี้เป็นสมบัติของบิดา (นาย ก) หลงเหลืออยู่ จนกระทั่งปี 2557 สำนักงานที่ดินมีโครงการทำโฉนดให้กับประชาชนในพื้นที่ ที่ยังไม่มีโฉนด นาย ดี นี้จึงได้ไปขอทำโฉนดด้วย แต่เนื่องจากว่ามีโฉนดอยู่แล้วจึงทำซ้อนไม่ได้ เรื่องจึงแดงขึ้นมาว่าที่ดินผืนที่ นาย ดี อาศัยอยู่ เป็นของ นาย ก ซึ่งยังมิได้โอนให้ผู้ใด
คำถาม กรณีนี้ นายดี สามารถฟ้องศาลขอที่ดินมาเป็นของตัวเองได้หรือไม่ แล้วลูกๆ ของ นาย ก. มีสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้หรือไม่อย่างไร
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ขอความกรุณาท่านใดที่พอจะทราบข้อกฎหมายช่วยอภิปรายให้ทราบด้วยค่ะ
ไม่รู้ว่าเล่าเหตุการณ์วกวนหรือเปล่า หรือ เขียนศัพท์แสงทางกฎหมายผิดพลาดประการใด
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หากไม่สะดวกตอบในกระทู้ก็หลังไมค์ได้ค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ตั้งตอนดึกจะมีใครมาอ่านมั้ยน้อ
มีเรื่องปรึกษาเกี่ยวกับที่ดินค่ะ
ประมาณ 30 ปี ที่แล้ว นาย ก. มีลูก 5 คน คือ ข, ค, ง, จ และ ฉ (เรียงลำดับตามอาวุโส)
เป็นเจ้าของที่ดินผืนหนึ่ง ต่อมามีเหตุให้แยกที่ดินเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1. แบ่งขาย
ส่วนที่ 2. นำเข้าธนาคารเพื่อนำเงินให้คนข้างบ้านไปเมืองนอก
ส่วนที่ 3. เนื่องจากที่ดินใกล้กับส่วนที่ 2 จึงทำโฉนดแยกไว้เฉยๆ
ประเด็นที่ 1 เกี่ยวกับที่ดินในส่วนที่ 2
กาลต่อมา ที่ดินส่วนที่ 2 จะถูกยึดเนื่องจากไม่มีเงินไถ่ถอน นาย ก. จึงได้ปรึกษาลูกทั้ง 5 ไม่มีใครสามารถมีเงินเพื่อไปไถ่ถอนได้
นาง ค. และสามีจึงเสนอแก่นาย ก ว่าจะเป็นผู้หาเงินมาไถ่ถอน แ่ต่ต้องโอนชื่อเป็นของนาง ค ทั้งนี้ นาย ก ยินยอม และลูกทุกคนรับทราบ
ได้มีการโอนที่ดิน จาก นาย ก. ให้ นาง ค. ในปี 2534 โดยบอกให้แบ่งปันให้พี่ๆ น้องๆ ได้อยู่อาศัยในที่ดินนี้ด้วย (อย่าไล่พี่ไล่น้อง)
หลังจากนั้นนาย ก. ได้เสียชีวิตลงในปี 2538 จากนั้น ปี 2539 นาย จ ได้เสียชีวิตลงจากการฆ่าตัวตาย (โดยระหว่างมีชีวิตได้มีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนและมีบุตร 1 คน แต่ได้แยกทางกันก่อนนาย จ. เสียชีวิต โดยภรรยาเป็นผู้เลี้ยงดูบุตร) นาย ข,ง และ ฉ จึงต้องการแบ่งที่ดิน โดยแบ่งเป็น 4 ส่วนโดยทางวาจายังไม่มีการรังวัด คือของ นาย ข, นาง ค, นาย ง และ นาย ฉ เมื่อตกลงกันได้ จึงแจ้งให้ทราบว่าหากต้องการแบ่งที่ดิน ให้นำเงินมาจ่ายค่าโอนที่ดินให้ ซึ่งไม่มีผู้ใดนำเงินมาให้เลย จึงยังไม่มีการแยกโฉนดออกจากกัน
เหตุการณ์ดำเนินไป จนถึงปี 2548 นาง ค. มีเหตุจำเป็นทางการเงิน จึงได้นำที่ดิน ส่วนที่ 2 เข้าธนาคารเพื่อนำมาสร้างบ้าน ระหว่างนี้ นาย ง และ นาย ฉ ซึ่งได้รับการแบ่งที่ดินไปแ้ล้วนั้นได้ทำการขายคืนให้กับนาง ค.
มาปัจจุบันปี 57 ลูกชายของ นาย จ (รวมทั้งแม่และพ่อเลี้ยงคนที่ 2 ) ได้มาทวงถามที่ดินในส่วนของบิดาที่เสียชีวิต และกล่าวหานาง ค ว่า ยักยอกทรัพย์ไม่แบ่งที่ดินให้หลานซึ่งเป็น ทายาทของนาย จ และกล่าวหาว่าญาติทำการแบ่งสมบัติโดยไม่แจ้งเขา ซึ่งในระหว่างหลายปีที่ผ่านมามีการติดต่อกันน้อยมากนับได้ไม่ถึง 3 ครั้ง ในช่วง 10 ปี
คำถาม ลูกชายของนาย จ มีสิทธิในที่ดินส่วนที่ 2 นี้หรือไม่ จะทำการฟ้องร้องขอส่วนแบ่งที่ดินได้หรือไม่ นาง ค ได้กระทำการยักยอกทรัพย์จริงหรือไม่ และถ้าหากมีการฟ้องร้อง แนวโน้มของคำตัดสินจะเป็นไปในแนวทางใด
ประเด็นที่ 2 เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่ 3
ที่ดินในส่วนที่ 3 นี้ ทำแยกโฉนดออกมาเนื่องจากต้องการทำโฉนดพร้อมกับส่วนที่ 1 ที่ต้องการขายเพราะเป็นที่ดินเว้าแหว่งออกมา และได้มีการให้ผู้อื่น นามสมมุติ นาย ดี อยู่อาศัย โดยแค่ให้อาศัยเฉยๆ ไม่มีการเก็บค่าเช่า ตั้งแต่ครั้งนาย ก ยังมีชีวิตอยู่ นายดี ได้มีการปลุกสร้างบ้านเรือนบนที่ดินและอยู่อาศัยต่อเนื่องมานานกว่า 30 ปี กระทั่งญาติพี่น้องยังเลือนๆ ไปว่ามีที่ดินส่วนนี้เป็นสมบัติของบิดา (นาย ก) หลงเหลืออยู่ จนกระทั่งปี 2557 สำนักงานที่ดินมีโครงการทำโฉนดให้กับประชาชนในพื้นที่ ที่ยังไม่มีโฉนด นาย ดี นี้จึงได้ไปขอทำโฉนดด้วย แต่เนื่องจากว่ามีโฉนดอยู่แล้วจึงทำซ้อนไม่ได้ เรื่องจึงแดงขึ้นมาว่าที่ดินผืนที่ นาย ดี อาศัยอยู่ เป็นของ นาย ก ซึ่งยังมิได้โอนให้ผู้ใด
คำถาม กรณีนี้ นายดี สามารถฟ้องศาลขอที่ดินมาเป็นของตัวเองได้หรือไม่ แล้วลูกๆ ของ นาย ก. มีสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้หรือไม่อย่างไร
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ขอความกรุณาท่านใดที่พอจะทราบข้อกฎหมายช่วยอภิปรายให้ทราบด้วยค่ะ
ไม่รู้ว่าเล่าเหตุการณ์วกวนหรือเปล่า หรือ เขียนศัพท์แสงทางกฎหมายผิดพลาดประการใด
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หากไม่สะดวกตอบในกระทู้ก็หลังไมค์ได้ค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ตั้งตอนดึกจะมีใครมาอ่านมั้ยน้อ