วันนี้ครบรอบ 1 ปี ที่พ่อจากไป..
เรายังจำได้ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ในวันนั้น ได้ เหมือนเพิ่งเกิดไม่นาน
ในช่วงนั้น เป็นช่วงที่เรายุ่งมาก ทั้งเคลียงาน พรีเซ้นงาน และสอบ ทำให้ไม่ได้โทรไปหาพ่อเลย
เวลาที่โทรไป พ่อก็ถามทุกครั้งว่า เมื่อไหร่จะกลับบ้าน ..
ทุกครั้ง พ่อถามสารทุกข์ สุกดิบของเรา เป็นห่วงเรา บอกให้ตั้งใจเรียน
เรารับรู้ได้ว่า พ่อคิดถึง และรอให้เรากลับไปหา..
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ที่ 10 มีนาคม 2556 เรามีสอบตอน 9 โมงเช้า
คืนก่อนหน้า เรานั่งติวกับเพื่อนจนถึงประมาณตีหนึ่ง ก็ขอตัวกลับมานอน
ตื่นมาตอนประมาณตีสี่ เราฝันถึงพ่อ
ในฝันนั้น เห็นพ่อนอนอยู่ และมีคนบอกว่า ให้รีบกลับมาหาพ่อ มาดูใจพ่อ
เราเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องความฝันบอกเหตุ แต่ฝันนี้ทำให้เราตกใจ และใจคอไม่ดี เนื่องจากพ่อก็ป่วยหนักมาเป็นเวลานาน
ตอนนั้น อยากจะโทรไปหาที่บ้าน แต่เวลานั้น ที่บ้านก็คงยังนอนหลับกันอยู่ และคิดว่าคงไม่มีอะไร เป็นแค่ฝัน เลยไม่ได้โทรไป
จนเวลาประมาณ 7 โมงเช้า แม่โทรมาหาเรา เราก็รู้สึกว่า มันมีอะไรผิดปกติ เพราะแม่ไม่เคยโทรมาหาเช้าขนาดนี้
ยิ่งได้ยินเสียงแม่ รับรู้ได้ว่ามันเปลี่ยนไป …
แม่บอกว่า ‘พ่อไปแล้วลูก ’
ความรู้สึกตอนนั้น มันชา เหมือนทุกสิ่งมันหยุด คิดอะไรไม่ออก ..
ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก สติแรกที่กลับมาคือ โทรหาเพื่อนสนิท เพื่อนรีบมาหา พร้อมเก็บของเตรียมที่จะกลับบ้านเป็นเพื่อน
เราตัดสินใจโทรไปเลื่อนสอบกับอาจารย์ และอาจารย์ก็เข้าใจ ให้ตามสอบภายหลังได้ (ขอบคุณท่านอาจารย์มากเลยนะคะ)
หลังจากนั้นเราก็รีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ไปให้ทันรถน้ำศพพ่อ (จากที่ที่เราอยู่ ไปบ้าน ใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง)
และสุดท้ายก็ไปทัน.. พ่อยังคงรอเรา ..
ในวันนี้ เราเรียนจบแล้ว และจะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรในเดือนตุลาคมนี้
เราหวังว่า พ่อจะเห็นความสำเร็จของลูก พ่อกำลังเฝ้าดูลูกอยู่ใช่ไหม..
เราเชื่อว่า พ่อไม่ได้ไปไหน พ่อยังอยู่ในใจเราเสมอ
ในการเขียนครั้งนี้ เราอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่ไม่มีเวลาให้ครอบครัว หรือละเลยที่จะใส่ใจคนที่บ้าน
ให้ทบทวนตัวเองว่า เราขวนขวายหาความสุขให้ตัวเอง จนบางครั้งเราลืมใครไปหรือไม่
เรา คิดแต่เรื่องของตัวเอง จนลืมใส่ใจคนที่รักเราที่สุดไป หรือเปล่า..
ทำทุกวันให้ดีที่สุด จะได้ไม่มีคำว่า เสียใจ ในวันที่สายเกินไป
วันนี้ครบรอบ 1 ปี ที่พ่อจากไป..
เรายังจำได้ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ในวันนั้น ได้ เหมือนเพิ่งเกิดไม่นาน
ในช่วงนั้น เป็นช่วงที่เรายุ่งมาก ทั้งเคลียงาน พรีเซ้นงาน และสอบ ทำให้ไม่ได้โทรไปหาพ่อเลย
เวลาที่โทรไป พ่อก็ถามทุกครั้งว่า เมื่อไหร่จะกลับบ้าน ..
ทุกครั้ง พ่อถามสารทุกข์ สุกดิบของเรา เป็นห่วงเรา บอกให้ตั้งใจเรียน
เรารับรู้ได้ว่า พ่อคิดถึง และรอให้เรากลับไปหา..
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ที่ 10 มีนาคม 2556 เรามีสอบตอน 9 โมงเช้า
คืนก่อนหน้า เรานั่งติวกับเพื่อนจนถึงประมาณตีหนึ่ง ก็ขอตัวกลับมานอน
ตื่นมาตอนประมาณตีสี่ เราฝันถึงพ่อ
ในฝันนั้น เห็นพ่อนอนอยู่ และมีคนบอกว่า ให้รีบกลับมาหาพ่อ มาดูใจพ่อ
เราเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องความฝันบอกเหตุ แต่ฝันนี้ทำให้เราตกใจ และใจคอไม่ดี เนื่องจากพ่อก็ป่วยหนักมาเป็นเวลานาน
ตอนนั้น อยากจะโทรไปหาที่บ้าน แต่เวลานั้น ที่บ้านก็คงยังนอนหลับกันอยู่ และคิดว่าคงไม่มีอะไร เป็นแค่ฝัน เลยไม่ได้โทรไป
จนเวลาประมาณ 7 โมงเช้า แม่โทรมาหาเรา เราก็รู้สึกว่า มันมีอะไรผิดปกติ เพราะแม่ไม่เคยโทรมาหาเช้าขนาดนี้
ยิ่งได้ยินเสียงแม่ รับรู้ได้ว่ามันเปลี่ยนไป …
แม่บอกว่า ‘พ่อไปแล้วลูก ’
ความรู้สึกตอนนั้น มันชา เหมือนทุกสิ่งมันหยุด คิดอะไรไม่ออก ..
ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก สติแรกที่กลับมาคือ โทรหาเพื่อนสนิท เพื่อนรีบมาหา พร้อมเก็บของเตรียมที่จะกลับบ้านเป็นเพื่อน
เราตัดสินใจโทรไปเลื่อนสอบกับอาจารย์ และอาจารย์ก็เข้าใจ ให้ตามสอบภายหลังได้ (ขอบคุณท่านอาจารย์มากเลยนะคะ)
หลังจากนั้นเราก็รีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ไปให้ทันรถน้ำศพพ่อ (จากที่ที่เราอยู่ ไปบ้าน ใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง)
และสุดท้ายก็ไปทัน.. พ่อยังคงรอเรา ..
ในวันนี้ เราเรียนจบแล้ว และจะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรในเดือนตุลาคมนี้
เราหวังว่า พ่อจะเห็นความสำเร็จของลูก พ่อกำลังเฝ้าดูลูกอยู่ใช่ไหม..
เราเชื่อว่า พ่อไม่ได้ไปไหน พ่อยังอยู่ในใจเราเสมอ
ในการเขียนครั้งนี้ เราอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่ไม่มีเวลาให้ครอบครัว หรือละเลยที่จะใส่ใจคนที่บ้าน
ให้ทบทวนตัวเองว่า เราขวนขวายหาความสุขให้ตัวเอง จนบางครั้งเราลืมใครไปหรือไม่
เรา คิดแต่เรื่องของตัวเอง จนลืมใส่ใจคนที่รักเราที่สุดไป หรือเปล่า..
ทำทุกวันให้ดีที่สุด จะได้ไม่มีคำว่า เสียใจ ในวันที่สายเกินไป