เรื่องของเรื่องยาวหน่อยนะคะ แต่เรากังวลขอปรึกษาคนที่พอมีประสบการณ์ค่ะ
เราสนิทกับพี่ผู้หญิงคนนึงมา 2-3 ปีละค่ะ สนิทกันในที่ทำงานเดียวกัน เที่ยวกันบ้าง อาศัยพึ่งพิงกัน กินข้าวกัน คุยกัน ปรึกษานู่นนี่กัน
บ้านเราอยู่เมือง บ้านพี่เค้าอยู่ที่ ๆ ไม่ค่อยเป็นเมืองเท่าไหร่ ไม่มีห้างใหญ่ ๆ นะคะ เจอกันส่วนใหญ่ที่ทำงานค่ะ มีเที่ยวพักผ่อนบ้างตามโอกาสค่ะ
ความชอบโดยส่วนตัวเราสนใจศึกษาพวกเครื่องสำอาง skincare ดูแลผิว ห้องแป้งต่าง ๆ เหล่านี้ พี่เค้าก็จะปรึกษาเรา
จากตรงนั้นทำให้เราสนิทกัน เรามีโอกาสไปกทม บ่อย ๆ เพราะบ้านอยู่ที่ กทม ด้วย เวลาไปกทม เราไปพารากอน Cental World เราเองก็จะไปซื้อพวกเครื่องสำอาง skin care มาใช้ มาลองใช้ดู เค้าก็ฝากซื้อพวกแบรนด์ที่เราแนะนำ และไม่มีขายแถวบ้านเรา (ตจว ไม่ห่างกทมเท่าไหร่) ลักษณะเค้าก็ฝากซื้อ และเรามาเก็บเงินทีหลัง เราก็ได้ผลประโยชน์ที่แต้มบัตรสมาชิก บัตรเครดิตบ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ ตรงนี้สนิทกันเรื่อยมา กินเที่ยว คุย ปรึกษานู่นนั่นนี่กัน
พี่เค้าก็ไว้ใจเรามากนะคะ ฝากชุดไปแก้แบบ ฝากซื้อซิมโทร เราเลือกเบอร์ได้เลย ฝากซื้อขนม อาหาร ข้าวกลางวัน
ฝากซื้อยาสารพัด ด้วยนิสัยส่วนตัวพี่เค้าไปชอบออกไปนอกที่พัก ชอบกินอยู่กับห้อง ไม่ค่อยออกไปไหนค่ะ
ดังนั้นด้วยความที่สนิทกัน เราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย เพราะเรากลับบ้านมาแถวบ้านเราอยู่ใกล้ห้างใหญ่
ทั้ง Watson Boot Tops Central ตลาด เราก็ซื้อกินซื้อใช้ประจำตลอด บางวันหิ้วไปเยอะแยะ
จนแฟนเริ่มถามละว่า พี่คนนี้ไม่ไปไหนเลยเหรอ เห็นฝากซื้อ เค้าไม่ไปหาเองเหรอ เราก็บอกว่า เค้าไม่ค่อยไปไหนอ่ะ
เค้าไม่ชอบไปข้างนอกหรอก
มีครั้งหนึ่ง พี่เค้าอยากได้รองเท้าสวยๆ คู่หนึ่ง เบอร์รองเท้าให้ขนาดมา เราก็ไปเที่ยวห้างอยู่แล้ว ก็เดินซื้อของเพลิน ๆ
ก็แวะไปดูโซนเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
เจอรองเท้าก็ส่งรูปไปให้เรื่อย ๆ ด้วย จำได้ว่าส่งไปเกือบ ๆ 50 คู่ค่ะ บางคู่เค้าไม่ถูกใจ บางคู่ถูกใจเบอร์ไม่มี บางคู่ให้เราลองใส่ถ่ายให้ดู
สรุปรอบนั้น พี่เค้าไม่ได้รองเท้า เราได้มา 2 คู่ค่ะ =''=
ล่าสุด คือ พี่เค้าอยากหาหอพักแถว ๆ บ้านเราเพราะลูกพี่ลูกน้องผู้ชายกับเพื่อนของน้องชายเค้าจะมาอยู่ฝึกงานกัน 2 คน
ต้องหาที่พัก พี่เค้าฝากเราไปดูห้องพักหน่อย เห็นว่าแถวบ้านเรา เวลาเราจะขึ้นไปดูห้อง เราโทรหาเจ้าของหอ
ขึ้นไปดู ถ่ายรูปส่งพี่สนิทเรา ว่าห้องมีไรบ้าง ราคาอะไรเท่าไหร่ พิมพ์ line ส่งไปแจ้ง จนในี่สุดก็มัดจำห้องไปด้วยเงินจำนวนน้อย ๆ
เราก็ไปเก็บที่พี่เค้าทีหลัง
จนใกล้เดือนที่น้องชายลูกพี่ลูกน้องเค้าใกล้จะเข้ามาอยู่แล้ว ซึ่งหมายถึงต้องทำสัญญาการเข้าพักเป็นเรื่องเป็นราวค่ะ
ทีนี้พี่เค้าเกริ่นมาหลายวันก่อนว่า เดี๋ยวจะมาเยี่ยมบ้านเรานะ เพราะจะเข้าไปทำสัญญาห้องด้วย เดี๋ยวอีกไม่กี่อาทิตย์น้องจะมาอยู่ละ
เราก็แปลกใจว่า คราวนี้มาแปลก ไม่ฝากนะ ยังบอกแฟนเลยว่า คราวนี้เค้าจะมาทำสัญญาเองนะ เค้าจะแวะมาเยี่ยมบ้านด้วยล่ะ
ตอนเช้าพี่เค้า line มาว่าอีกแป็บจะออกจากบ้านแล้ว เราก็นอนเล่นไปเรื่อยเปื่อย ไม่รีบอะไร จากที่เค้าอยู่มาถึงบ้านเราเกือบ 1.30 ชมแน่ะ
สักชั่วโมงพี่เค้า line มาบอกว่า มาทำสัญญาไม่ได้แล้ว รถเสียนะ เรากำลัง line กลับว่า มาวันอาทิตย์ก็ได้
พี่เค้าก็ line มาบอกว่าฝากเราไปทำเลยได้ไหม ค่อยไปเก็บเงินวันจันทร์ มีเงินสัก 6XXX ไหม ไปทำสัญญาให้หน่อย
เราก็งง ๆ ดันตอบรับไป เพราะไม่คิดว่าจะต้องอะไรมากละมั้ง พี่เค้าก็เลยบอกว่า เอาสำเนาบัตรปชช เราไปทำสัญญาด้วยนะ
เราก็ตอบตกลง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สรุปตอนบ่าย เราขี่มอไซด์ขับไปที่หอนั้น กระบวนการมันเยอะกว่าที่เราคิด เริ่มจากเราต้องโทรตามพี่เจ้าของหอ
พี่สนิทให้เรามา 2 เบอร์ เราโทรไม่ติดทั้งคู่ แต่เบอร์ที่เราโทรติดเป็นเบอร์ที่เราไปเจอแขวนป้ายหน้าหอนั้น และลองโทรดูถึงโทรติด เรียกเจ้าของลงมาทำสัญญาที่ออฟฟิศ รอเฮียไปหากุญแจ หาคีย์การ์ด ทำเอกสาร copy ต่าง ๆ คุย detail จนจบ สรุปเราจบธุระให้ด้วยเงินเรา บัตรเราค่ะ กินเวลาไปชั่วโมงกว่า
แต่พอมานอนนึก ๆ ดู กับพี่สนิทเราทำให้ก็น้ำใจไม่น้อยแล้วนะ แต่กรณีนี้ น้องชายแท้ ๆ เค้าก็ไม่ใช่ด้วย เป็นลูกพี่ลูกน้องเค้า เราไม่รู้จัก
ทั้งน้องชายลูกพี่ลูกน้อง ทั้งเพื่อนน้องชาย ไม่เคยจะเห็นหน้าเห็นตา นี่ก็โตจนจะฝึกงาน จะทำงานได้แล้ว ก็โตแล้วนี่หว่า เอ่...!! ปกติ
คนที่โตแล้ว การหางานทำ หาที่พักเอง ดีลเองมันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบตัวเองอ่ะ สมัยนี้เน็ตก็มี โอนตังค์ทำสัญญาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
มีหลายวิธีเลย นี่เด็กหนุ่ม ๆ 2 คนมาเข้าพักเจอสัญญาชื่อผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้จักอ่ะ เราเริ่มก่งก๊งกับการแสดงออกการมีน้ำใจของเราแล้ว
ว่าเราเป็นพวกปฏิเสธไม่เป็นหรือเปล่า ไม่กล้า หรือเกรงใจ เพราะคุยปรึกษาอะไรก็มากมายค่ะ
ที่จริงเราไม่ลังเลว่าพี่เค้าจะโกงนะ เราก็ทำไปด้วยน้ำใจค่ะ ตลอดเวลาที่พี่เค้าฝากทำอะไร ฝากซื้อ เค้าก็จะขอบคุณเรานะ
///
มีครั้งหนึ่งเราทะเลาะกับน้องผู้หญิงคนนึงในกลุ่มเดียวกันนี่แหล่ะ ด้วยความที่น้องผู้หญิง (น้อง B) คนนี้ปากไม่ค่อยดี ปกติเราก็จะทะเลาะแค่
หอมปากหอมคอแหย่ ๆ แรง ๆ กัน บึ้ง ๆ เดี๋ยวก็ดีกันเหมือนเดิม เป็นแบบนี้มาตลอด พี่สนิทดันทำท่าพูดจาเข้าข้างน้องผู้หญิงคนนี้
เราอึ้งค่ะ เพราะไม่คิดว่าพี่เค้าจะเข้าข้างให้น้องคนนี้ เราก็โพสขึ้น FB (เรากับเค้าไม่ได้เป็น friend กันใน FB แต่เราเปิด public พี่เค้ามาดูได้อ่ะค่ะ ก็รู้ว่าพี่เค้ามาดูนะ พี่เค้าบอก) สิ่งที่เราโพสคือเราบ่น น้อยใจ เพราะเราไม่เข้าใจว่าทำไมการที่เราเถียงกับน้อง B นี่ แล้วพี่เค้าเข้าข้างน้องเค้าทำไม
เราพยายามอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่น้อง B พูดนะ แต่พี่เค้าก็เข้าข้างน้อง B ไม่เชื่อเราซะยังงั้น เราก็บ่นใน FB อย่างน้อยใจ แต่เราก็ไม่ได้โกรธพี่สนิทอะไรนะคะ ยังคิดว่า บ่น น้อยใจ ทำใจได้ เราก็จบ ๆ ละค่ะ กลายเป็นว่าเราโดนพี่สนิทคว่ำบาตร ทำท่าทางไม่คุยกับเรา ตีตัวออกห่างเรา จนอีก 2 วันเราก็ต้องโทรไปหาพี่เค้าว่า ทำไมต้องมาไม่คุยกับเรา เราไม่ได้คิดอะไรแล้วที่เราบ่น เรารู้ว่าได้อ่านใน FB เรานะ แต่การที่เราเถียงกับน้อง B เป็นเรื่องปกตินะ
เถียงมึน ๆ อึน ๆ ดีกันอย่างนี้มาตลอด แต่เคสนี้เราอธิบายพี่ ทำไมพี่ไม่เชื่อ สรุปวันนั้นกว่าจะดีกัน เราคุยกันร่วม ๆ ชั่วโมงค่ะ
เราไม่อยากจะคิดว่า การที่เรามีน้ำใจกับพี่เค้า เค้าต้องมาดูแลเราเป็นพิเศษ เชื่ออะไรเราทุกอย่างนะคะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาคว่ำบาตรกัน หมางใจกันน่ะค่ะ
///////////////////////////
ขอโทษนะคะ ที่เรื่องมันยาว กับคำถาม :
- เรามีน้ำใจเกินไปจนถึงขึ้นไม่สามารถปฏิเสธหรือเปล่าคะ หรือปกติคนมีน้ำใจเค้าก็ทำกันประมาณนี้คะ
- เราควรคิดอย่างไรดีคะ กับหลายอย่างที่เกิดขึ้นค่ะ
- ถ้าเราปฏิเสธบ้างอะไรบ้าง เราจะดูแล้งน้ำใจไหมคะ ตอนนี้เริ่มกังวลว่า เราทำอะไรขนาดนั้นนะ
- ปฏิเสธอย่างไรให้สวยงามคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ
แท็ก ห้องเครื่องแป้งด้วย เพราะเราคิดว่าจะมีผู้หญิงบางคนที่เข้าใจความรู้สึกเราค่ะ อาจจะได้ความคิดดี ๆ บ้างค่ะ
ใครเคยเป็น..ปฏิเสธคนที่สนิทไม่ได้ ไม่กล้าปฏิเสธ และเรื่องที่เราเจอในช่วงทีคบกัน เราควรคิดอย่างไรคะ
เราสนิทกับพี่ผู้หญิงคนนึงมา 2-3 ปีละค่ะ สนิทกันในที่ทำงานเดียวกัน เที่ยวกันบ้าง อาศัยพึ่งพิงกัน กินข้าวกัน คุยกัน ปรึกษานู่นนี่กัน
บ้านเราอยู่เมือง บ้านพี่เค้าอยู่ที่ ๆ ไม่ค่อยเป็นเมืองเท่าไหร่ ไม่มีห้างใหญ่ ๆ นะคะ เจอกันส่วนใหญ่ที่ทำงานค่ะ มีเที่ยวพักผ่อนบ้างตามโอกาสค่ะ
ความชอบโดยส่วนตัวเราสนใจศึกษาพวกเครื่องสำอาง skincare ดูแลผิว ห้องแป้งต่าง ๆ เหล่านี้ พี่เค้าก็จะปรึกษาเรา
จากตรงนั้นทำให้เราสนิทกัน เรามีโอกาสไปกทม บ่อย ๆ เพราะบ้านอยู่ที่ กทม ด้วย เวลาไปกทม เราไปพารากอน Cental World เราเองก็จะไปซื้อพวกเครื่องสำอาง skin care มาใช้ มาลองใช้ดู เค้าก็ฝากซื้อพวกแบรนด์ที่เราแนะนำ และไม่มีขายแถวบ้านเรา (ตจว ไม่ห่างกทมเท่าไหร่) ลักษณะเค้าก็ฝากซื้อ และเรามาเก็บเงินทีหลัง เราก็ได้ผลประโยชน์ที่แต้มบัตรสมาชิก บัตรเครดิตบ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ ตรงนี้สนิทกันเรื่อยมา กินเที่ยว คุย ปรึกษานู่นนั่นนี่กัน
พี่เค้าก็ไว้ใจเรามากนะคะ ฝากชุดไปแก้แบบ ฝากซื้อซิมโทร เราเลือกเบอร์ได้เลย ฝากซื้อขนม อาหาร ข้าวกลางวัน
ฝากซื้อยาสารพัด ด้วยนิสัยส่วนตัวพี่เค้าไปชอบออกไปนอกที่พัก ชอบกินอยู่กับห้อง ไม่ค่อยออกไปไหนค่ะ
ดังนั้นด้วยความที่สนิทกัน เราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย เพราะเรากลับบ้านมาแถวบ้านเราอยู่ใกล้ห้างใหญ่
ทั้ง Watson Boot Tops Central ตลาด เราก็ซื้อกินซื้อใช้ประจำตลอด บางวันหิ้วไปเยอะแยะ
จนแฟนเริ่มถามละว่า พี่คนนี้ไม่ไปไหนเลยเหรอ เห็นฝากซื้อ เค้าไม่ไปหาเองเหรอ เราก็บอกว่า เค้าไม่ค่อยไปไหนอ่ะ
เค้าไม่ชอบไปข้างนอกหรอก
มีครั้งหนึ่ง พี่เค้าอยากได้รองเท้าสวยๆ คู่หนึ่ง เบอร์รองเท้าให้ขนาดมา เราก็ไปเที่ยวห้างอยู่แล้ว ก็เดินซื้อของเพลิน ๆ
ก็แวะไปดูโซนเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
เจอรองเท้าก็ส่งรูปไปให้เรื่อย ๆ ด้วย จำได้ว่าส่งไปเกือบ ๆ 50 คู่ค่ะ บางคู่เค้าไม่ถูกใจ บางคู่ถูกใจเบอร์ไม่มี บางคู่ให้เราลองใส่ถ่ายให้ดู
สรุปรอบนั้น พี่เค้าไม่ได้รองเท้า เราได้มา 2 คู่ค่ะ =''=
ล่าสุด คือ พี่เค้าอยากหาหอพักแถว ๆ บ้านเราเพราะลูกพี่ลูกน้องผู้ชายกับเพื่อนของน้องชายเค้าจะมาอยู่ฝึกงานกัน 2 คน
ต้องหาที่พัก พี่เค้าฝากเราไปดูห้องพักหน่อย เห็นว่าแถวบ้านเรา เวลาเราจะขึ้นไปดูห้อง เราโทรหาเจ้าของหอ
ขึ้นไปดู ถ่ายรูปส่งพี่สนิทเรา ว่าห้องมีไรบ้าง ราคาอะไรเท่าไหร่ พิมพ์ line ส่งไปแจ้ง จนในี่สุดก็มัดจำห้องไปด้วยเงินจำนวนน้อย ๆ
เราก็ไปเก็บที่พี่เค้าทีหลัง
จนใกล้เดือนที่น้องชายลูกพี่ลูกน้องเค้าใกล้จะเข้ามาอยู่แล้ว ซึ่งหมายถึงต้องทำสัญญาการเข้าพักเป็นเรื่องเป็นราวค่ะ
ทีนี้พี่เค้าเกริ่นมาหลายวันก่อนว่า เดี๋ยวจะมาเยี่ยมบ้านเรานะ เพราะจะเข้าไปทำสัญญาห้องด้วย เดี๋ยวอีกไม่กี่อาทิตย์น้องจะมาอยู่ละ
เราก็แปลกใจว่า คราวนี้มาแปลก ไม่ฝากนะ ยังบอกแฟนเลยว่า คราวนี้เค้าจะมาทำสัญญาเองนะ เค้าจะแวะมาเยี่ยมบ้านด้วยล่ะ
ตอนเช้าพี่เค้า line มาว่าอีกแป็บจะออกจากบ้านแล้ว เราก็นอนเล่นไปเรื่อยเปื่อย ไม่รีบอะไร จากที่เค้าอยู่มาถึงบ้านเราเกือบ 1.30 ชมแน่ะ
สักชั่วโมงพี่เค้า line มาบอกว่า มาทำสัญญาไม่ได้แล้ว รถเสียนะ เรากำลัง line กลับว่า มาวันอาทิตย์ก็ได้
พี่เค้าก็ line มาบอกว่าฝากเราไปทำเลยได้ไหม ค่อยไปเก็บเงินวันจันทร์ มีเงินสัก 6XXX ไหม ไปทำสัญญาให้หน่อย
เราก็งง ๆ ดันตอบรับไป เพราะไม่คิดว่าจะต้องอะไรมากละมั้ง พี่เค้าก็เลยบอกว่า เอาสำเนาบัตรปชช เราไปทำสัญญาด้วยนะ
เราก็ตอบตกลง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สรุปตอนบ่าย เราขี่มอไซด์ขับไปที่หอนั้น กระบวนการมันเยอะกว่าที่เราคิด เริ่มจากเราต้องโทรตามพี่เจ้าของหอ
พี่สนิทให้เรามา 2 เบอร์ เราโทรไม่ติดทั้งคู่ แต่เบอร์ที่เราโทรติดเป็นเบอร์ที่เราไปเจอแขวนป้ายหน้าหอนั้น และลองโทรดูถึงโทรติด เรียกเจ้าของลงมาทำสัญญาที่ออฟฟิศ รอเฮียไปหากุญแจ หาคีย์การ์ด ทำเอกสาร copy ต่าง ๆ คุย detail จนจบ สรุปเราจบธุระให้ด้วยเงินเรา บัตรเราค่ะ กินเวลาไปชั่วโมงกว่า
แต่พอมานอนนึก ๆ ดู กับพี่สนิทเราทำให้ก็น้ำใจไม่น้อยแล้วนะ แต่กรณีนี้ น้องชายแท้ ๆ เค้าก็ไม่ใช่ด้วย เป็นลูกพี่ลูกน้องเค้า เราไม่รู้จัก
ทั้งน้องชายลูกพี่ลูกน้อง ทั้งเพื่อนน้องชาย ไม่เคยจะเห็นหน้าเห็นตา นี่ก็โตจนจะฝึกงาน จะทำงานได้แล้ว ก็โตแล้วนี่หว่า เอ่...!! ปกติ
คนที่โตแล้ว การหางานทำ หาที่พักเอง ดีลเองมันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบตัวเองอ่ะ สมัยนี้เน็ตก็มี โอนตังค์ทำสัญญาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
มีหลายวิธีเลย นี่เด็กหนุ่ม ๆ 2 คนมาเข้าพักเจอสัญญาชื่อผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้จักอ่ะ เราเริ่มก่งก๊งกับการแสดงออกการมีน้ำใจของเราแล้ว
ว่าเราเป็นพวกปฏิเสธไม่เป็นหรือเปล่า ไม่กล้า หรือเกรงใจ เพราะคุยปรึกษาอะไรก็มากมายค่ะ
ที่จริงเราไม่ลังเลว่าพี่เค้าจะโกงนะ เราก็ทำไปด้วยน้ำใจค่ะ ตลอดเวลาที่พี่เค้าฝากทำอะไร ฝากซื้อ เค้าก็จะขอบคุณเรานะ
///
มีครั้งหนึ่งเราทะเลาะกับน้องผู้หญิงคนนึงในกลุ่มเดียวกันนี่แหล่ะ ด้วยความที่น้องผู้หญิง (น้อง B) คนนี้ปากไม่ค่อยดี ปกติเราก็จะทะเลาะแค่
หอมปากหอมคอแหย่ ๆ แรง ๆ กัน บึ้ง ๆ เดี๋ยวก็ดีกันเหมือนเดิม เป็นแบบนี้มาตลอด พี่สนิทดันทำท่าพูดจาเข้าข้างน้องผู้หญิงคนนี้
เราอึ้งค่ะ เพราะไม่คิดว่าพี่เค้าจะเข้าข้างให้น้องคนนี้ เราก็โพสขึ้น FB (เรากับเค้าไม่ได้เป็น friend กันใน FB แต่เราเปิด public พี่เค้ามาดูได้อ่ะค่ะ ก็รู้ว่าพี่เค้ามาดูนะ พี่เค้าบอก) สิ่งที่เราโพสคือเราบ่น น้อยใจ เพราะเราไม่เข้าใจว่าทำไมการที่เราเถียงกับน้อง B นี่ แล้วพี่เค้าเข้าข้างน้องเค้าทำไม
เราพยายามอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่น้อง B พูดนะ แต่พี่เค้าก็เข้าข้างน้อง B ไม่เชื่อเราซะยังงั้น เราก็บ่นใน FB อย่างน้อยใจ แต่เราก็ไม่ได้โกรธพี่สนิทอะไรนะคะ ยังคิดว่า บ่น น้อยใจ ทำใจได้ เราก็จบ ๆ ละค่ะ กลายเป็นว่าเราโดนพี่สนิทคว่ำบาตร ทำท่าทางไม่คุยกับเรา ตีตัวออกห่างเรา จนอีก 2 วันเราก็ต้องโทรไปหาพี่เค้าว่า ทำไมต้องมาไม่คุยกับเรา เราไม่ได้คิดอะไรแล้วที่เราบ่น เรารู้ว่าได้อ่านใน FB เรานะ แต่การที่เราเถียงกับน้อง B เป็นเรื่องปกตินะ
เถียงมึน ๆ อึน ๆ ดีกันอย่างนี้มาตลอด แต่เคสนี้เราอธิบายพี่ ทำไมพี่ไม่เชื่อ สรุปวันนั้นกว่าจะดีกัน เราคุยกันร่วม ๆ ชั่วโมงค่ะ
เราไม่อยากจะคิดว่า การที่เรามีน้ำใจกับพี่เค้า เค้าต้องมาดูแลเราเป็นพิเศษ เชื่ออะไรเราทุกอย่างนะคะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาคว่ำบาตรกัน หมางใจกันน่ะค่ะ
///////////////////////////
ขอโทษนะคะ ที่เรื่องมันยาว กับคำถาม :
- เรามีน้ำใจเกินไปจนถึงขึ้นไม่สามารถปฏิเสธหรือเปล่าคะ หรือปกติคนมีน้ำใจเค้าก็ทำกันประมาณนี้คะ
- เราควรคิดอย่างไรดีคะ กับหลายอย่างที่เกิดขึ้นค่ะ
- ถ้าเราปฏิเสธบ้างอะไรบ้าง เราจะดูแล้งน้ำใจไหมคะ ตอนนี้เริ่มกังวลว่า เราทำอะไรขนาดนั้นนะ
- ปฏิเสธอย่างไรให้สวยงามคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ
แท็ก ห้องเครื่องแป้งด้วย เพราะเราคิดว่าจะมีผู้หญิงบางคนที่เข้าใจความรู้สึกเราค่ะ อาจจะได้ความคิดดี ๆ บ้างค่ะ