หลายฝ่ายมองว่า รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ ชินวัตรชุดนี้สิ้นสภาพการเป็นรัฐบาลรักษาการไปแล้วอย่างสิ้นเชิงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเนื่องจากไม่มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราฏรภายใน 30 วันนับจากวันเลือกตั้งทั่วไป 2 ก.พ.ซึ่งครบกำหนดเส้นตาย 30 วันเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่เพิ่งผ่านมา จึงเป็นอันว่ารัฐบาลทรราชหุ่นเชิดปูเน่ากลายเป็นรัฐบาลเถื่อนไปแล้วอย่างสิ้นเชิงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
และไม่เหนือความคาดหมายของนักสังเกตุการณ์ทางการเมืองโดยรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณใช้วิธีการดื้อแพ่งไม่ยอมพ้นจากอำนาจ เพราะฉะนั้นคงต้องรอการวินิจฉัยชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญซึ่งก่อนหน้านี้ นายไทกร พลสุวรรณ หนึ่งในแกนนำกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ ได้ยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูยชี้ขาดในประเด็นการพ้นสภาพของรัฐบาลปูเน่าไว้แล้ว ขณะที่กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมวลมหาประชาชน กปปส. พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา(สว.)สรรหาก็เตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นเดียวกัน
แต่ประเด็นซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ก็คือ การที่รัฐบาลปูเน่ายังตะแบงดันทุรังอยู่ในอำนาจต่อไปทั้งๆที่ถูกตีความว่ากลายเป็นรัฐบาลเถื่อนไปแล้ว กำลังจะส่งผลเสียหายตามมามากมาย
บุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่ให้ความเห็นแสดงความวิตกในเรื่องนี้ก็คือ ดร.ธีระชัย ภูวนาถ
นรานุบาล อดีตรมว.คลัง ซึ่งระบุว่า ปัญหาสถานภาพของรัฐบาลปูเน่าที่เป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้
เป็นเรื่องใหญ่มากซึ่งจำเป็นที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยโดยด่วนที่สุด เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐบาลพ้นจากอำนาจรัฐบาลรักษาการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา เท่ากับคำสั่งหรือนโยบายของรัฐบาลนับจากวันที่ 4 มี.ค.จะไม่มีกฏหมายใดๆรองรับอีกต่อไป
และที่น่าเป็นห่วงอย่างมากก็คือ ช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ชี้ขาด บรรดาข้าราชการในหน่วยราชการต่างๆมีความเสี่ยงอย่างมาก เพราะหากไม่ดำเนินการตามคำสั่งของรัฐมนตรีหรือรัฐบาลจะมีความผิดฐานขัดคำสั่ง แต่หากปฏิบัติตามคำสั่งแล้วเกิดวันข้างหน้าศาลรัฐธรรมนูญ
วินิจฉัยชี้ขาดว่ารัฐบาลชุดนี้พ้นจากอำนาจตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. บรรดาข้าราชการก็จะกลายเป็นแพะรับบาปต่อผลที่จะตามมาจากธุรกิจกรรมทั้งหมดที่ทำตามคำสั่งนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ และปัญหาจะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณหากการปฏิบัติตามคำสั่งผูกพันไปถึงบุคคลที่ 3
ล่าสุดคณะกรรมการการการเลือกตั้ง(กกต.)เพิ่งอนุมัติตามคำขอของรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระยอง รองนายกฯและรมว.คลัง ให้ใช้งบกลาง 20,000 ล้านไปจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา โดยมีเงื่อนไขว่ากระทรวงการคลังต้องหาเงินมาจ่ายคืนงบก้อนดังกล่าวภายในเดือนพ.ค.นี้
ยังไม่รวมอีกกลายเรื่องที่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดสั่งการหรือทำธุรกิจกรรมช่วงตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.เป็นต้นไป
เพราะฉะนั้นไม่แต่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดปูเน่าที่มีแนวโน้มต้องเจอวิบากกรรมปิดฉากม้วนเสื่อ แต่ยังสร้างเวรกรรมให้บรรดาข้าราชการที่อาจต้องตกเป็นแพะรับบาปสนองตัณหาระบอบทักษิณโดยมีสิทธิติดคุกและอาจซวยซ้ำถูกฟ้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหาย

ระวังเด้อ พี่-น้อง
รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ สิ้นสภาพการเป็นรัฐบาลรักษาการไปแล้วอย่างสิ้นเชิงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
และไม่เหนือความคาดหมายของนักสังเกตุการณ์ทางการเมืองโดยรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณใช้วิธีการดื้อแพ่งไม่ยอมพ้นจากอำนาจ เพราะฉะนั้นคงต้องรอการวินิจฉัยชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญซึ่งก่อนหน้านี้ นายไทกร พลสุวรรณ หนึ่งในแกนนำกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ ได้ยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูยชี้ขาดในประเด็นการพ้นสภาพของรัฐบาลปูเน่าไว้แล้ว ขณะที่กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมวลมหาประชาชน กปปส. พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา(สว.)สรรหาก็เตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นเดียวกัน
แต่ประเด็นซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ก็คือ การที่รัฐบาลปูเน่ายังตะแบงดันทุรังอยู่ในอำนาจต่อไปทั้งๆที่ถูกตีความว่ากลายเป็นรัฐบาลเถื่อนไปแล้ว กำลังจะส่งผลเสียหายตามมามากมาย
บุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่ให้ความเห็นแสดงความวิตกในเรื่องนี้ก็คือ ดร.ธีระชัย ภูวนาถ
นรานุบาล อดีตรมว.คลัง ซึ่งระบุว่า ปัญหาสถานภาพของรัฐบาลปูเน่าที่เป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้
เป็นเรื่องใหญ่มากซึ่งจำเป็นที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยโดยด่วนที่สุด เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐบาลพ้นจากอำนาจรัฐบาลรักษาการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา เท่ากับคำสั่งหรือนโยบายของรัฐบาลนับจากวันที่ 4 มี.ค.จะไม่มีกฏหมายใดๆรองรับอีกต่อไป
และที่น่าเป็นห่วงอย่างมากก็คือ ช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ชี้ขาด บรรดาข้าราชการในหน่วยราชการต่างๆมีความเสี่ยงอย่างมาก เพราะหากไม่ดำเนินการตามคำสั่งของรัฐมนตรีหรือรัฐบาลจะมีความผิดฐานขัดคำสั่ง แต่หากปฏิบัติตามคำสั่งแล้วเกิดวันข้างหน้าศาลรัฐธรรมนูญ
วินิจฉัยชี้ขาดว่ารัฐบาลชุดนี้พ้นจากอำนาจตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. บรรดาข้าราชการก็จะกลายเป็นแพะรับบาปต่อผลที่จะตามมาจากธุรกิจกรรมทั้งหมดที่ทำตามคำสั่งนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ และปัญหาจะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณหากการปฏิบัติตามคำสั่งผูกพันไปถึงบุคคลที่ 3
ล่าสุดคณะกรรมการการการเลือกตั้ง(กกต.)เพิ่งอนุมัติตามคำขอของรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระยอง รองนายกฯและรมว.คลัง ให้ใช้งบกลาง 20,000 ล้านไปจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา โดยมีเงื่อนไขว่ากระทรวงการคลังต้องหาเงินมาจ่ายคืนงบก้อนดังกล่าวภายในเดือนพ.ค.นี้
ยังไม่รวมอีกกลายเรื่องที่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดสั่งการหรือทำธุรกิจกรรมช่วงตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.เป็นต้นไป
เพราะฉะนั้นไม่แต่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดปูเน่าที่มีแนวโน้มต้องเจอวิบากกรรมปิดฉากม้วนเสื่อ แต่ยังสร้างเวรกรรมให้บรรดาข้าราชการที่อาจต้องตกเป็นแพะรับบาปสนองตัณหาระบอบทักษิณโดยมีสิทธิติดคุกและอาจซวยซ้ำถูกฟ้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหาย
ระวังเด้อ พี่-น้อง