สงครามกลางเมือง จะยุติได้ด้วยการรบกับความโกรธ
เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระอารามาเชตวันใกล้เมืองสาวัตถี,ประชาชนชาวนครกบิลพัตน์และชาวนครโกลิยะกำลังวิวาทกันด้วยเรื่องการทดน้ำเพื่อทำนา เวลานั้นเป็นเวลาแล้งฝนไม่ตก
ต่างฝ่ายต่างต้องการจะได้น้ำทั้งหมดโดยไม่แบ่งให้อีกฝ่ายหนึ่งเลยจึงเกิดการทะเลาะกัน เตรียมพร้อมที่จะรบกันและฆ่ากัน ....พระพุทธองค์ทรงสังเวชพระทัย...ดั้งนั้นพระองค์จึงได้เสร็จไปสู่สถานที่ ซึ่งคนทั้งสองฝ่ายกำลังถืออาวุธเตรียมพร้อมที่จะประหัตประหารกัน เมื่อพระองค์ได้เสร็จไปถึงที่นั้นได้ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า
"ดูก่อนเจ้าศากยะ และนักรบทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังเราพูดก่อน ท่านทั้งหลายจงตอบเราตามที่เป็นจริง,ท่านทั้งหลายเตรียมพร้อมที่จะฆ่าฟันกันและกันด้วยเรื่องอะไร?"
"เราจะรบกันเพื่อน้ำในลำธารนี้ ซึ่งเราแต่ละฝ่ายต้องการจะได้น้ำไปหล่อเลี้ยงนาอันแห้งแล้งของเรา" เสียงตอบมาจากทั้งสองฝั่งของลำธาร
"ถูกแล้ว,แต่จงบอกเราตามที่เป็นจริงก่อนว่า สิ่งไหนเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่ากัน ในระหว่างสิ่งทั้งสอง คือ น้ำนิดหนึ่งในลำธารนี้ กับโลหิตในเส้นเลือดของคนจำนวนมากโดยเฉพาะก็คือโลหิตของบรรดาเจ้าชายและนักรบผู้กล้าหาญเหล่านี้" [พระพุทธองค์ตรัสตอบโต้]
"เลือดในกายของบรรดาเจ้าชายและนักรบทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าน้ำในลำธารนี้มากนัก" [นักรบทั้งหลายกล่าวตอบพระองค์]
"เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว เป็นการถูกต้องและสมควรหรือ? ในการที่จะนำเอาโลหิตอันมีค่ามากนั้นมาพล่าเสียเพื่อประโยชน์แก่น้ำอันมีค่าเพียงนิดหน่อย"[พระพุทธเจ้าตรัส]
"ข้าแต่พระองค์ เป็นการไม่สมควรจริงๆมันเป็นการไม่ถูกต้อง ไม่สมควรในการที่จะเอาของมีค่า มาพล่าเสียเพื่อของมีค่านิดหน่อยเช่นนี้" [ฝ่ายนักรบกล่าว]
"ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ท่านทั้งหลายจงรบความโกรธของท่านทั้งหลายให้ชนะเถิด จงวางอาวุธสำหรับฆ่าฟันกันนั้นเสีย แล้วมาทำความตกลงกันด้วยความสงบในระหว่างพวกท่านผู้ฆ่าความโกรธได้แล้วด้วยกันทุกคน "
พวกกบิลพัศดุ์และพวกโกลิยะทั้งสองฝ่าย ได้รู้สึกละอายในความโง่เขลาขาดความรับผิดชอบ ชั่วดี ของตนเอง ดั่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงชี้ให้เห็น จึงได้พากันทำตามคำแนะนำของพระองค์ ทำความตกลงแบ่งปันน้ำให้แก่กันและกันโดยเสมอภาค และอยู่กันอย่างเป็นสุขสืบมา
[คัดลอกมาจากหนังสือพุทธประวัติสำหรับนักศึกษา โดย พุทธทาสภิกขุ หน้า160-162]
สงครามกลางเมือง จะยุติได้ด้วยการรบกับความโกรธ
เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระอารามาเชตวันใกล้เมืองสาวัตถี,ประชาชนชาวนครกบิลพัตน์และชาวนครโกลิยะกำลังวิวาทกันด้วยเรื่องการทดน้ำเพื่อทำนา เวลานั้นเป็นเวลาแล้งฝนไม่ตก
ต่างฝ่ายต่างต้องการจะได้น้ำทั้งหมดโดยไม่แบ่งให้อีกฝ่ายหนึ่งเลยจึงเกิดการทะเลาะกัน เตรียมพร้อมที่จะรบกันและฆ่ากัน ....พระพุทธองค์ทรงสังเวชพระทัย...ดั้งนั้นพระองค์จึงได้เสร็จไปสู่สถานที่ ซึ่งคนทั้งสองฝ่ายกำลังถืออาวุธเตรียมพร้อมที่จะประหัตประหารกัน เมื่อพระองค์ได้เสร็จไปถึงที่นั้นได้ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า
"ดูก่อนเจ้าศากยะ และนักรบทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังเราพูดก่อน ท่านทั้งหลายจงตอบเราตามที่เป็นจริง,ท่านทั้งหลายเตรียมพร้อมที่จะฆ่าฟันกันและกันด้วยเรื่องอะไร?"
"เราจะรบกันเพื่อน้ำในลำธารนี้ ซึ่งเราแต่ละฝ่ายต้องการจะได้น้ำไปหล่อเลี้ยงนาอันแห้งแล้งของเรา" เสียงตอบมาจากทั้งสองฝั่งของลำธาร
"ถูกแล้ว,แต่จงบอกเราตามที่เป็นจริงก่อนว่า สิ่งไหนเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่ากัน ในระหว่างสิ่งทั้งสอง คือ น้ำนิดหนึ่งในลำธารนี้ กับโลหิตในเส้นเลือดของคนจำนวนมากโดยเฉพาะก็คือโลหิตของบรรดาเจ้าชายและนักรบผู้กล้าหาญเหล่านี้" [พระพุทธองค์ตรัสตอบโต้]
"เลือดในกายของบรรดาเจ้าชายและนักรบทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าน้ำในลำธารนี้มากนัก" [นักรบทั้งหลายกล่าวตอบพระองค์]
"เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว เป็นการถูกต้องและสมควรหรือ? ในการที่จะนำเอาโลหิตอันมีค่ามากนั้นมาพล่าเสียเพื่อประโยชน์แก่น้ำอันมีค่าเพียงนิดหน่อย"[พระพุทธเจ้าตรัส]
"ข้าแต่พระองค์ เป็นการไม่สมควรจริงๆมันเป็นการไม่ถูกต้อง ไม่สมควรในการที่จะเอาของมีค่า มาพล่าเสียเพื่อของมีค่านิดหน่อยเช่นนี้" [ฝ่ายนักรบกล่าว]
"ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ท่านทั้งหลายจงรบความโกรธของท่านทั้งหลายให้ชนะเถิด จงวางอาวุธสำหรับฆ่าฟันกันนั้นเสีย แล้วมาทำความตกลงกันด้วยความสงบในระหว่างพวกท่านผู้ฆ่าความโกรธได้แล้วด้วยกันทุกคน "
พวกกบิลพัศดุ์และพวกโกลิยะทั้งสองฝ่าย ได้รู้สึกละอายในความโง่เขลาขาดความรับผิดชอบ ชั่วดี ของตนเอง ดั่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงชี้ให้เห็น จึงได้พากันทำตามคำแนะนำของพระองค์ ทำความตกลงแบ่งปันน้ำให้แก่กันและกันโดยเสมอภาค และอยู่กันอย่างเป็นสุขสืบมา
[คัดลอกมาจากหนังสือพุทธประวัติสำหรับนักศึกษา โดย พุทธทาสภิกขุ หน้า160-162]