เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมไปเดินห้างพระราม 3 กับ แฟน
หลังกินข้าวเสร็จ ผมแวะดูหนังสือและเข้าห้องน้ำก่อนที่จะกลับบ้าน ที่แถวPlay zoneชั้น4
ตอนที่ผมเข้าห้องน้ำ มีคนเข้าพร้อมกับผมอยู่ หนึ่งคน
เนื่องจากกระเป๋าสตางค์ค่อนข้างหนา(ภายในมีเงินสดอยู่ประมาณ 25,000) เลยไม่ได้เก็บกระเป๋าไว้ในกางเกง แต่วางไว้ตรงที่วางของเหนือโถแทน (ผู้ชายคงนึกออกนะครับ)
แล้วคนที่เข้าห้องน้ำพร้อมกับผม ก็ทำธุระเรียบร้อย และออกจากห้องน้ำไป (เป็นอันตัดประเด็นว่าเป็นคนที่เข้าพร้อมกันออกไป)
ผมออกจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้ายประมาณ 2ทุ่ม35 แล้วก็เดินไปที่ลานจอดรถเพื่อจะขึ้นรถกลับ
แล้วผมก็นึกได้ว่า ผมไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมากับผมด้วย
ผมเลยวิ่งกลับไปดูที่ห้องน้ำ ดูเวลาแล้วตอนผมวิ่งกลับมาถึงห้องน้ำ มันประมาณ 2 ทุ่ม 45
ผมเจอแม่บ้านก่อน ผมก็ถามแม่บ้านว่าเห็นกระเป๋าสตางค์ของผมที่ลืมไว้ในห้องน้ำรึเปล่า
แม่บ้าน "เพิ่งมาเมื่อกี้ ไม่ได้อยู่ตลอด ไม่เห็นนะคะ"
ผมจึงไปแจ้งของหายที่ lost and found ของทางห้าง และขอดูกล้องวงจรปิด บริเวณชั้น 4 หน้าห้องน้ำ
พนักงานห้างตอบปฏิเสธไม่ให้ดูกล้อง และ กล่าวว่าให้นำใบแจ้งความมาก่อนถึงจะเปิดให้
ผมรีบออกไปแจ้งความที่สน.เลย แต่ก็กลับมาขอดูไม่ได้อยู่ดีเพราะห้างปิดไปแล้ว
พอกลับมาที่ห้างวันรุ่งขึ้นหลังเลิกงาน เพื่อขอดูกล้อง
ทางห้างติดต่อกับฝ่ายรักษาความปลอดภัย
ซึ่งทางฝ่ายรักษาความปลอดภัย ก็ไม่ได้ให้ผมดูกล้องเลย แต่ตัวเองขอเข้าไปดูก่อนอยู่ประมาณ 20 นาที
จากผลการดูกล้องวงจรผิดพบว่า
ช่วงระหว่างที่ผมออกจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย จนกระทั่งผมวิ่งกลับมาที่ห้องน้ำอีกครั้ง
ไม่มีลูกค้าคนอื่นเข้ามาใช้บริการอีก มีเพียงแม่บ้านทำความสะอาดคนเดียวที่เข้าไปในห้องน้ำ
ในกล้องเห็นชัดเจนว่าตอนผมเดินเข้าห้องน้ำ มือขวาผมถือกระเป๋าสตางค์ แต่ตอนออกไม่ได้ถือไว้ (ผมไม่ได้ถือหรือสะพายกระเป๋าอะไรที่จะเก็บกระเป๋าได้)
แม่บ้านเข้าออกห้องน้ำถึง 2 ครั้งก่อนผมจะมาถึง
การที่แม่บ้านตอบว่า เพิ่งมายังไม่เห็นอะไร มันค่อนข้างบ่งบอกถึงความไม่บริสุทธิ์ใจนะครับ ในความคิดผม
หลังจากนั้นทางห้างขอเวลาเรียกตัวแม่บ้านมาสอบสอนเอง โดยมีชุดสอบสวนที่ทางห้างเป็นคนพามา
โดยไม่ได้ให้ผมเข้าร่วมดูการสอบสวนด้วย ผมได้แต่รอให้ทางห้างจัดการ
ผมเป็นฝ่ายโทรไปตามเรื่องเองทุกวัน ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรพิเศษ
ทราบแต่ว่ากำลังส่งเรื่องขึ้นเบื้องบน และขอเวลาพิจารณา
สุดท้ายเวลาผ่านเกือบอาทิตย์ได้ เรื่องถึงรองผู้จัดการ ซึ่งได้กล่าวสรุปกับผมว่า
พยายามสอบสวนและคาดคั้นแล้ว แต่แม่บ้านไม่ยอมรับผิดและเมื่อหลักฐานไม่ชัดเจน
เพราะไม่ได้เห็นว่าแม่บ้านเป็นคนหยิบไป จึงเอาผิดกับแม่บ้านไม่ได้
(แม้ว่าแม่บ้าน 1.ตอบไม่ตรงคำถามว่าเพิ่งมายังไม่เห็นอะไร 2.เป็นคนๆเดียวที่เข้าไปห้องน้ำหลังจากผม 3.เข้าออก 2 ครั้ง ซึ่งทางห้างเองก็ยอมรัยว่าผิดปกติ 4.แม่บ้านจะให้การน่าสงสัยอยู่หลายเรื่อง(ผมไม่ทราบว่าเรื่องอะไรไม่ได้เข้าไปสอบสวนด้วย) )
ทางห้างจึงยังคงให้แม่บ้านคนนั้นทำงานต่อไป และทางห้างก็จะไม่รับผิดชอบอะไร
แม้ว่ารูปการณ์จะส่อไปทางว่า พนักงานของห้างนั้นเป็นคนเอาไปก็ตาม และที่เหลือก็แล้วแต่ผมว่า จะส่งฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ โดยทางห้างได้คุยกับที่ปรึกษาทางกฏหมายแล้ว และแนะนำผมว่า หากฟ้องจริงก็คงมีโอกาสเพียง 50/50 เพราะในกล้องวงจรปิด ไม่เห็นจะจะขณะที่แม่บ้านหยิบกระเป๋าตังค์ไป
ประเด็นคือ
1.การที่ทางฝ่ายรักษาความปลอดภัย เข้าไปดูกล้อง ก่อน 20 นาทีได้ โดยไม่ให้ผมเข้าไปดูพร้อมกันเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้ลูกค้าท่านอื่น
นั้นหมายความว่า วันที่ผมขอดูครั้งแรก หากเจ้าหน้าที่ยอมดูให้ก่อน โดยไม่ต้องให้ผมดูก็ได้ เรื่องคงไม่บานปลาย และน่าจะจับตัวแม่บ้าน พร้อมหาของกลางได้ ซึ่งส่วนนี้รองผู้จัดการยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของทางห้าง แต่ไม่ได้รับผิดชอบอะไร
2.ผมเข้าใจว่าการลืมของในห้องน้ำนั้น เราต้องรับผิดชอบเองเพราะถือเป็นความสะเพร่าของตนเอง
หากเหตุการณ์นี้มีลูกค้าคนอื่นอยู่ ผมจะไม่ติดใจเอาความและถือเป็นความรับผิดชอบของตนเอง ที่วางไว้ล่อตาล่อใจโจร
แต่ในกรณีนี้ มีแต่ตัวแม่บ้านอยู่ ซึ่งเป็นพนักงานของทางห้างเอง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนห้างเอาเงินไป
3.การดำเนินงานที่ล่าช้า โดยที่ตัวผมเองต้องโทรไปถามความคืบหน้าเองก่อนแทบทุกครั้ง(มีครั้งเดียวที่ทางห้างโทรมา) ทำให้ผมรู้สึกแย่กับห้างนี้ครับ
4.การที่พนักงานคนนี้ ยังทำงานต่อได้อย่างปกติสุข น่าคิดนะครับว่า หากมีคนลืมของเหมือนผมอีก จะเกิดอะไรขึ้น
ผมว่าทางห้างควรต้องทบทวนตัวเองใหม่ ในเรื่องการรับคนเข้าทำงาน และการจัดการดูแลในองค์กรแล้วหละครับ
ตอนนี้ผมทำใจไว้แล้วแระครับว่าคงไม่ได้เงินคืน
แต่อย่างน้อย ก็อยากจะแชร์เรื่องนี้ไว้ให้เพื่อนๆฟังเป็นอุทาหรณ์ว่า
"เข้าห้องน้ำระวังให้ดีครับ อย่าลืมของ แม้ว่าจะไม่มีใครหยิบของคุณไป แต่พนักงานบางคน จะช่วยเก็บให้คุณแทนครับ"
เงินผมหาย 25,000 ที่เซ็นทรัลพระราม 3 ครับ
หลังกินข้าวเสร็จ ผมแวะดูหนังสือและเข้าห้องน้ำก่อนที่จะกลับบ้าน ที่แถวPlay zoneชั้น4
ตอนที่ผมเข้าห้องน้ำ มีคนเข้าพร้อมกับผมอยู่ หนึ่งคน
เนื่องจากกระเป๋าสตางค์ค่อนข้างหนา(ภายในมีเงินสดอยู่ประมาณ 25,000) เลยไม่ได้เก็บกระเป๋าไว้ในกางเกง แต่วางไว้ตรงที่วางของเหนือโถแทน (ผู้ชายคงนึกออกนะครับ)
แล้วคนที่เข้าห้องน้ำพร้อมกับผม ก็ทำธุระเรียบร้อย และออกจากห้องน้ำไป (เป็นอันตัดประเด็นว่าเป็นคนที่เข้าพร้อมกันออกไป)
ผมออกจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้ายประมาณ 2ทุ่ม35 แล้วก็เดินไปที่ลานจอดรถเพื่อจะขึ้นรถกลับ
แล้วผมก็นึกได้ว่า ผมไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมากับผมด้วย
ผมเลยวิ่งกลับไปดูที่ห้องน้ำ ดูเวลาแล้วตอนผมวิ่งกลับมาถึงห้องน้ำ มันประมาณ 2 ทุ่ม 45
ผมเจอแม่บ้านก่อน ผมก็ถามแม่บ้านว่าเห็นกระเป๋าสตางค์ของผมที่ลืมไว้ในห้องน้ำรึเปล่า
แม่บ้าน "เพิ่งมาเมื่อกี้ ไม่ได้อยู่ตลอด ไม่เห็นนะคะ"
ผมจึงไปแจ้งของหายที่ lost and found ของทางห้าง และขอดูกล้องวงจรปิด บริเวณชั้น 4 หน้าห้องน้ำ
พนักงานห้างตอบปฏิเสธไม่ให้ดูกล้อง และ กล่าวว่าให้นำใบแจ้งความมาก่อนถึงจะเปิดให้
ผมรีบออกไปแจ้งความที่สน.เลย แต่ก็กลับมาขอดูไม่ได้อยู่ดีเพราะห้างปิดไปแล้ว
พอกลับมาที่ห้างวันรุ่งขึ้นหลังเลิกงาน เพื่อขอดูกล้อง
ทางห้างติดต่อกับฝ่ายรักษาความปลอดภัย
ซึ่งทางฝ่ายรักษาความปลอดภัย ก็ไม่ได้ให้ผมดูกล้องเลย แต่ตัวเองขอเข้าไปดูก่อนอยู่ประมาณ 20 นาที
จากผลการดูกล้องวงจรผิดพบว่า
ช่วงระหว่างที่ผมออกจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย จนกระทั่งผมวิ่งกลับมาที่ห้องน้ำอีกครั้ง
ไม่มีลูกค้าคนอื่นเข้ามาใช้บริการอีก มีเพียงแม่บ้านทำความสะอาดคนเดียวที่เข้าไปในห้องน้ำ
ในกล้องเห็นชัดเจนว่าตอนผมเดินเข้าห้องน้ำ มือขวาผมถือกระเป๋าสตางค์ แต่ตอนออกไม่ได้ถือไว้ (ผมไม่ได้ถือหรือสะพายกระเป๋าอะไรที่จะเก็บกระเป๋าได้)
แม่บ้านเข้าออกห้องน้ำถึง 2 ครั้งก่อนผมจะมาถึง
การที่แม่บ้านตอบว่า เพิ่งมายังไม่เห็นอะไร มันค่อนข้างบ่งบอกถึงความไม่บริสุทธิ์ใจนะครับ ในความคิดผม
หลังจากนั้นทางห้างขอเวลาเรียกตัวแม่บ้านมาสอบสอนเอง โดยมีชุดสอบสวนที่ทางห้างเป็นคนพามา
โดยไม่ได้ให้ผมเข้าร่วมดูการสอบสวนด้วย ผมได้แต่รอให้ทางห้างจัดการ
ผมเป็นฝ่ายโทรไปตามเรื่องเองทุกวัน ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรพิเศษ
ทราบแต่ว่ากำลังส่งเรื่องขึ้นเบื้องบน และขอเวลาพิจารณา
สุดท้ายเวลาผ่านเกือบอาทิตย์ได้ เรื่องถึงรองผู้จัดการ ซึ่งได้กล่าวสรุปกับผมว่า
พยายามสอบสวนและคาดคั้นแล้ว แต่แม่บ้านไม่ยอมรับผิดและเมื่อหลักฐานไม่ชัดเจน
เพราะไม่ได้เห็นว่าแม่บ้านเป็นคนหยิบไป จึงเอาผิดกับแม่บ้านไม่ได้
(แม้ว่าแม่บ้าน 1.ตอบไม่ตรงคำถามว่าเพิ่งมายังไม่เห็นอะไร 2.เป็นคนๆเดียวที่เข้าไปห้องน้ำหลังจากผม 3.เข้าออก 2 ครั้ง ซึ่งทางห้างเองก็ยอมรัยว่าผิดปกติ 4.แม่บ้านจะให้การน่าสงสัยอยู่หลายเรื่อง(ผมไม่ทราบว่าเรื่องอะไรไม่ได้เข้าไปสอบสวนด้วย) )
ทางห้างจึงยังคงให้แม่บ้านคนนั้นทำงานต่อไป และทางห้างก็จะไม่รับผิดชอบอะไร
แม้ว่ารูปการณ์จะส่อไปทางว่า พนักงานของห้างนั้นเป็นคนเอาไปก็ตาม และที่เหลือก็แล้วแต่ผมว่า จะส่งฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ โดยทางห้างได้คุยกับที่ปรึกษาทางกฏหมายแล้ว และแนะนำผมว่า หากฟ้องจริงก็คงมีโอกาสเพียง 50/50 เพราะในกล้องวงจรปิด ไม่เห็นจะจะขณะที่แม่บ้านหยิบกระเป๋าตังค์ไป
ประเด็นคือ
1.การที่ทางฝ่ายรักษาความปลอดภัย เข้าไปดูกล้อง ก่อน 20 นาทีได้ โดยไม่ให้ผมเข้าไปดูพร้อมกันเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้ลูกค้าท่านอื่น
นั้นหมายความว่า วันที่ผมขอดูครั้งแรก หากเจ้าหน้าที่ยอมดูให้ก่อน โดยไม่ต้องให้ผมดูก็ได้ เรื่องคงไม่บานปลาย และน่าจะจับตัวแม่บ้าน พร้อมหาของกลางได้ ซึ่งส่วนนี้รองผู้จัดการยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของทางห้าง แต่ไม่ได้รับผิดชอบอะไร
2.ผมเข้าใจว่าการลืมของในห้องน้ำนั้น เราต้องรับผิดชอบเองเพราะถือเป็นความสะเพร่าของตนเอง
หากเหตุการณ์นี้มีลูกค้าคนอื่นอยู่ ผมจะไม่ติดใจเอาความและถือเป็นความรับผิดชอบของตนเอง ที่วางไว้ล่อตาล่อใจโจร
แต่ในกรณีนี้ มีแต่ตัวแม่บ้านอยู่ ซึ่งเป็นพนักงานของทางห้างเอง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนห้างเอาเงินไป
3.การดำเนินงานที่ล่าช้า โดยที่ตัวผมเองต้องโทรไปถามความคืบหน้าเองก่อนแทบทุกครั้ง(มีครั้งเดียวที่ทางห้างโทรมา) ทำให้ผมรู้สึกแย่กับห้างนี้ครับ
4.การที่พนักงานคนนี้ ยังทำงานต่อได้อย่างปกติสุข น่าคิดนะครับว่า หากมีคนลืมของเหมือนผมอีก จะเกิดอะไรขึ้น
ผมว่าทางห้างควรต้องทบทวนตัวเองใหม่ ในเรื่องการรับคนเข้าทำงาน และการจัดการดูแลในองค์กรแล้วหละครับ
ตอนนี้ผมทำใจไว้แล้วแระครับว่าคงไม่ได้เงินคืน
แต่อย่างน้อย ก็อยากจะแชร์เรื่องนี้ไว้ให้เพื่อนๆฟังเป็นอุทาหรณ์ว่า
"เข้าห้องน้ำระวังให้ดีครับ อย่าลืมของ แม้ว่าจะไม่มีใครหยิบของคุณไป แต่พนักงานบางคน จะช่วยเก็บให้คุณแทนครับ"