ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย ทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน และ ยกเวท (ปกติจะวิ่งมากกว่าปั่นจักรยาน) ก่อนหน้านั้น ผมใช้ Nike FuelBand ใช้มาได้เกือบปี ผมชอบนะ คือปกติมันจะเหมือน Wristband ธรรมดาๆ แต่พอกดให้มันแสดงผล มันเท่มากๆ ใครเห็นก็จะถามว่าคืออะไร ซื้อไหนมา เพราะมันเท่จริงๆครับ
แต่มันมีข้อจำกัดค่อนข้างมากคือ มันวัดได้แค่พวกการเดิน วิ่ง และเคลื่อนไหวร่างกาย เช่นเวลาเดิน วิ่ง ล้างรถ เช็ดรถ มันจำคำนวณออกมาเป็นคะแนน และ การใช้พลังงานออกมาให้ ก็ถือว่าค่อนข้างแม่นยำพอสมควร (ต้องให้ตัวมันมีการเคลื่อนไหว) แต่เวลาเราปั่นจักรยาน หรือ ยกเวท มันกลับบอกว่าเรานั่งอยู่เฉยๆ คะแนนไม่ขึ้น
ผมเลยมาลองตัว Basis B1 เพราะว่า ขณะนี้ ถือว่าเป็น นาฬิกาที่มี sensors วัดเยอะที่สุด และ advanced ที่สุด ในบรรดา Health Tracker ทุกยี่ห้อ (วันนี้ บริษัท Intel ได้เข้าไปซื้อกิจการของ Basis เป็นเงินสูงถึง 150 ล้านเหรียญ เพื่อเอาไปต่อยอดเป็น Smart watch ของตัวเอง)
ตัวมันเองมี เซ็นเซอร์ดังนี้
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (ทำงานตลอดเวลา 24 ชั่วโมง)
- วัดการเคลื่อนไหวของร่างกาย แบบ 3 แกน
- วัดอุณหภูมิของผิวหนัง เทียบกับอุณหภูมิรอบข้าง
- วัดเหงื่อ
ปล. รูปอื่นๆ ผมจะเอามาจาก internet เพราะขี้เกียจถ่ายรูปเอง
มันจะมีฉายแสงสีเขียวๆลงไปที่ผิวหนัง เพื่อวัดอัตราการไหลของเลือด และเปลี่ยนเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ และจะปุ่มเหล็ก รอบๆ วัดพวก อุณหภูมิของร่างกาย และ เหงื่อ
สำหรับการเต้นของหัวใจ ผมถือว่ามันวัดได้แม่นยำมากๆ (ลองเทียบกับ สายคาดอกของ Nike) และที่ดีกว่าคือ มันไม่รำคาญ เวลาออกกำลังกายแล้วมีอะไรเกะกะ คาดอก อยู่ตลอดเวลา และดีกว่านั่น มันวัดทั้งวัน ทั้งขณะที่นั่งเฉยๆ และตอนนอนหลับ
ที่ชาร์ต ก็ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย สามารถเสียบกับที่ชาร์มมือถือทั่วๆไปได้ เพราะใช้สาย USB เหมือนกัน และตัวมันก็ออกแบบมาให้กันน้ำได้ (ใส่อาบน้ำได้ แต่ไม่แนะนำให้ใส่ว่ายน้ำ ดำน้ำ) ชาร์ตจนเต็ม (จากแบตเกือบหมดจนเต็ม ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) เมื่อแบตเต็ม สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 5 วันโดยไม่ต้องชาร์ตทุกๆวัน
ข้อดีมากๆของมันคือ มันสามารถรู้ได้เองว่า ตอนนี้เราเดิน เราวิ่ง เราปั่นจักรยาน เรานอนหลับ โดยที่เราไม่ต้องไปบอกมัน มันจะเปลี่ยนโหมดการวัดตามกิจกรรมที่เราทำเองโดยอัตโนมัติ
ปล. ปั่นจักรยาน ต้องปั่นจักรยานจริง ถ้าปั่นจักรยานที่อยู่กับที่ใน Fitness มันก็ไม่รู้เหมือนกัน และถึงแม้เราจะทำท่าเหมือนปั่นจักรยาน แต่ขับรถ มันก็รู้ได้ว่า เราไม่ได้ปั่นจักรยาน ถือว่ามันฉลาดมากๆ
และถึงแม้เราจะยกเวท หรือ ปั่นจักรยาน หรือใช้เครื่อง Step ใน Fitness มันก็จะยังให้คะแนนเราอยู่ คือมันน่าจะรู้ได้จาก อุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้น มีเหงื่อ และ หัวใจเต้นเร็ว
หน้าจอของมันแสดงได้หลายโหมด คือปกติ มันจะแสดงเวลา และ ปริมาณแบต (หน้าจอติดตลอดเวลา เหมือนนาฬิกา แต่แสงพื้นหลังจะสว่างเมื่อแสงภายนอกต่ำและจะติดเองอัตโนมัติเมื่อเราเอียงแขนเข้ามาหาตัว เหมือนกำลังจะดูนาฬิกา) สามารถแสดงวันที่ เดือน ปี , อัตราการเต้นของหัวใจ , กิจกรรมที่ทำ , จำนวนก้าว , ปริมาณแคลอรี่ การเปลี่ยนโหมด แค่แตะปุ่มเหล็ก เล็กๆบนหน้าจอ (จะเห็นสี่ปุ่ม ที่อยู่มุมทั้งสี่ของจอ)
มันยังสามารถ Sync ได้กับ iPhone และ Android ผ่านทาง Bluetooth
หรือจะ Sync ผ่านคอมพิวเตอร์ โดยแท่นชาร์ตก็ได้ ซึ่งสามารถเข้าไปดูผลสรุปกิจกรรมต่างๆของเราบนเวปของ Basis ได้ด้วย ซึ่งละเอียดมากๆ บอกได้ระดับ นาที เพราะว่ามันวัดทุกอย่าง ตลอดเวลา
ที่เจ๋งสุดคือ มันสามารถวิเคาะห์การนอนของเราได้แม่นยำมากๆ และก็ทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปกดบอกมันว่าเรากำลังจะนอนแล้วนะ ตื่นแล้วนะ (ตรงนี้ผมทดลองมากว่า 2 อาทิตย์ ก็พบว่ามันทำงานได้แม่นอย่างเหลือเชื่อ) มันบอกได้หมดว่า เรานอนหลับแบบ Deep , REM , Light กี่ชั่วโมง นาที เวลาไหนบ้าง และมีการพลิกตัว สะดุ้งตื่นตอนกลางคืนกี่ครั้ง เวลาไหนบ้าง พร้อมกับให้คะแนนการนอนของเรา
ผมขอสรุปเลยละกัน
*** ข้อดี ***
- เป็นนาฬิกาวัดสุขภาพของร่างกายที่ ดีที่สุด ทันสมัยที่สุดในโลกตอนนี้
- การทำงานทุกอย่างเป็นอัตโนมัติทั้งหมด มันรู้เองว่าเรากำลังเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือ นอนหลับ โดยเราไม่ต้องไปกดปุ่มอะไรบอกมัน
- การวัดค่าต่างๆ แม่นยำมากๆ
- แบตอยู่ได้ค่อนข้างนาน ประมาณ 4-5 วัน
- น้ำหนักเบา ใส่แล้วไม่รำคาญ สายก็เป็น Silicone แบบนุ่มๆ ผิวสัมผัสเหมือนหนังกลับ ใส่สบาย เหมาะที่จะใส่ 24/7 (คือเขาออกแบบมาให้ใส่ตลอดเวลา แม้ขณะนอนหลับ)
*** ข้อเสีย ***
- รูปร่างมันไม่เท่เหมือน Nike FuelBand คือใครเห็นก็เหมือนนาฬิกา Digital ทั่วๆไป
- ยังไม่สามารถแยกได้ว่าเราปั่นจักรยาน (อยู่กับที่ ใน Fitness)
สำหรับคนที่สนใจ เขาไม่ขายออกนอกประเทศอเมริกา แต่ผมใช้วิธีซื้อผ่าน eBay ซึ่งราคาก็จะแพงกว่าในเวปไซร์ของเขาพอสมควร แต่ผมถือว่าคุ้มค่าครับ
[CR] นาฬิกา Basis B1
แต่มันมีข้อจำกัดค่อนข้างมากคือ มันวัดได้แค่พวกการเดิน วิ่ง และเคลื่อนไหวร่างกาย เช่นเวลาเดิน วิ่ง ล้างรถ เช็ดรถ มันจำคำนวณออกมาเป็นคะแนน และ การใช้พลังงานออกมาให้ ก็ถือว่าค่อนข้างแม่นยำพอสมควร (ต้องให้ตัวมันมีการเคลื่อนไหว) แต่เวลาเราปั่นจักรยาน หรือ ยกเวท มันกลับบอกว่าเรานั่งอยู่เฉยๆ คะแนนไม่ขึ้น
ผมเลยมาลองตัว Basis B1 เพราะว่า ขณะนี้ ถือว่าเป็น นาฬิกาที่มี sensors วัดเยอะที่สุด และ advanced ที่สุด ในบรรดา Health Tracker ทุกยี่ห้อ (วันนี้ บริษัท Intel ได้เข้าไปซื้อกิจการของ Basis เป็นเงินสูงถึง 150 ล้านเหรียญ เพื่อเอาไปต่อยอดเป็น Smart watch ของตัวเอง)
ตัวมันเองมี เซ็นเซอร์ดังนี้
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (ทำงานตลอดเวลา 24 ชั่วโมง)
- วัดการเคลื่อนไหวของร่างกาย แบบ 3 แกน
- วัดอุณหภูมิของผิวหนัง เทียบกับอุณหภูมิรอบข้าง
- วัดเหงื่อ
ปล. รูปอื่นๆ ผมจะเอามาจาก internet เพราะขี้เกียจถ่ายรูปเอง
มันจะมีฉายแสงสีเขียวๆลงไปที่ผิวหนัง เพื่อวัดอัตราการไหลของเลือด และเปลี่ยนเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ และจะปุ่มเหล็ก รอบๆ วัดพวก อุณหภูมิของร่างกาย และ เหงื่อ
สำหรับการเต้นของหัวใจ ผมถือว่ามันวัดได้แม่นยำมากๆ (ลองเทียบกับ สายคาดอกของ Nike) และที่ดีกว่าคือ มันไม่รำคาญ เวลาออกกำลังกายแล้วมีอะไรเกะกะ คาดอก อยู่ตลอดเวลา และดีกว่านั่น มันวัดทั้งวัน ทั้งขณะที่นั่งเฉยๆ และตอนนอนหลับ
ที่ชาร์ต ก็ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย สามารถเสียบกับที่ชาร์มมือถือทั่วๆไปได้ เพราะใช้สาย USB เหมือนกัน และตัวมันก็ออกแบบมาให้กันน้ำได้ (ใส่อาบน้ำได้ แต่ไม่แนะนำให้ใส่ว่ายน้ำ ดำน้ำ) ชาร์ตจนเต็ม (จากแบตเกือบหมดจนเต็ม ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) เมื่อแบตเต็ม สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 5 วันโดยไม่ต้องชาร์ตทุกๆวัน
ข้อดีมากๆของมันคือ มันสามารถรู้ได้เองว่า ตอนนี้เราเดิน เราวิ่ง เราปั่นจักรยาน เรานอนหลับ โดยที่เราไม่ต้องไปบอกมัน มันจะเปลี่ยนโหมดการวัดตามกิจกรรมที่เราทำเองโดยอัตโนมัติ
ปล. ปั่นจักรยาน ต้องปั่นจักรยานจริง ถ้าปั่นจักรยานที่อยู่กับที่ใน Fitness มันก็ไม่รู้เหมือนกัน และถึงแม้เราจะทำท่าเหมือนปั่นจักรยาน แต่ขับรถ มันก็รู้ได้ว่า เราไม่ได้ปั่นจักรยาน ถือว่ามันฉลาดมากๆ
และถึงแม้เราจะยกเวท หรือ ปั่นจักรยาน หรือใช้เครื่อง Step ใน Fitness มันก็จะยังให้คะแนนเราอยู่ คือมันน่าจะรู้ได้จาก อุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้น มีเหงื่อ และ หัวใจเต้นเร็ว
หน้าจอของมันแสดงได้หลายโหมด คือปกติ มันจะแสดงเวลา และ ปริมาณแบต (หน้าจอติดตลอดเวลา เหมือนนาฬิกา แต่แสงพื้นหลังจะสว่างเมื่อแสงภายนอกต่ำและจะติดเองอัตโนมัติเมื่อเราเอียงแขนเข้ามาหาตัว เหมือนกำลังจะดูนาฬิกา) สามารถแสดงวันที่ เดือน ปี , อัตราการเต้นของหัวใจ , กิจกรรมที่ทำ , จำนวนก้าว , ปริมาณแคลอรี่ การเปลี่ยนโหมด แค่แตะปุ่มเหล็ก เล็กๆบนหน้าจอ (จะเห็นสี่ปุ่ม ที่อยู่มุมทั้งสี่ของจอ)
มันยังสามารถ Sync ได้กับ iPhone และ Android ผ่านทาง Bluetooth
หรือจะ Sync ผ่านคอมพิวเตอร์ โดยแท่นชาร์ตก็ได้ ซึ่งสามารถเข้าไปดูผลสรุปกิจกรรมต่างๆของเราบนเวปของ Basis ได้ด้วย ซึ่งละเอียดมากๆ บอกได้ระดับ นาที เพราะว่ามันวัดทุกอย่าง ตลอดเวลา
ที่เจ๋งสุดคือ มันสามารถวิเคาะห์การนอนของเราได้แม่นยำมากๆ และก็ทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปกดบอกมันว่าเรากำลังจะนอนแล้วนะ ตื่นแล้วนะ (ตรงนี้ผมทดลองมากว่า 2 อาทิตย์ ก็พบว่ามันทำงานได้แม่นอย่างเหลือเชื่อ) มันบอกได้หมดว่า เรานอนหลับแบบ Deep , REM , Light กี่ชั่วโมง นาที เวลาไหนบ้าง และมีการพลิกตัว สะดุ้งตื่นตอนกลางคืนกี่ครั้ง เวลาไหนบ้าง พร้อมกับให้คะแนนการนอนของเรา
ผมขอสรุปเลยละกัน
*** ข้อดี ***
- เป็นนาฬิกาวัดสุขภาพของร่างกายที่ ดีที่สุด ทันสมัยที่สุดในโลกตอนนี้
- การทำงานทุกอย่างเป็นอัตโนมัติทั้งหมด มันรู้เองว่าเรากำลังเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือ นอนหลับ โดยเราไม่ต้องไปกดปุ่มอะไรบอกมัน
- การวัดค่าต่างๆ แม่นยำมากๆ
- แบตอยู่ได้ค่อนข้างนาน ประมาณ 4-5 วัน
- น้ำหนักเบา ใส่แล้วไม่รำคาญ สายก็เป็น Silicone แบบนุ่มๆ ผิวสัมผัสเหมือนหนังกลับ ใส่สบาย เหมาะที่จะใส่ 24/7 (คือเขาออกแบบมาให้ใส่ตลอดเวลา แม้ขณะนอนหลับ)
*** ข้อเสีย ***
- รูปร่างมันไม่เท่เหมือน Nike FuelBand คือใครเห็นก็เหมือนนาฬิกา Digital ทั่วๆไป
- ยังไม่สามารถแยกได้ว่าเราปั่นจักรยาน (อยู่กับที่ ใน Fitness)
สำหรับคนที่สนใจ เขาไม่ขายออกนอกประเทศอเมริกา แต่ผมใช้วิธีซื้อผ่าน eBay ซึ่งราคาก็จะแพงกว่าในเวปไซร์ของเขาพอสมควร แต่ผมถือว่าคุ้มค่าครับ