คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
เข้ามาตอบคะ พอดีเพิ่งไปสอย Chanel ที่พารากอนมา เพราะคิดว่า Maestro ไม่ค่อยปกปิดเท่าที่ควรอะค่ะ
ราคามันอยู่ที่ 2,200 บาท แต่แนะนำว่าพยายามเลือกBA ผู้หญิงค่ะ เพราะBAกะเทย เค้าค่อนข้างจะเหวี่ยงๆเวลาคุณไม่ซื้ออย่างอื่นเพิ่ม
เพราะเคยซื้อกับพี่ผู้หญิงดูเขาใจดี ใจเย็นกว่านี้อะค่ะ คนนี้พอรู้ว่าเราไม่ซื้ออย่างอื่นนี่ รับเงินแล้วหายแน๊บเลยค่ะ (ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ)
เปรียบเทียบกับตัวที่ใช้อยู่ก่อนหน้านั้น คือ Estee นะค่ะ
- กลิ่น เราชอบของชาแนลมากกว่าเพราะว่า เอสเต้จะฉุนแอลกอฮอลมาก แต่ชาแนลหอมน้ำหอมอะค่ะ ไม่ฉุน หอมดี
- เนื้อของรองพื้อนชาแนลก็เหลวดีค่ะ เกลี่ยง่ายมากกก ไม่แห้งเร็วเป็นคราบเหมือนเอสเต้ค่ะ
- เรื่องคุมมัน เอสเต้ชนะเลิศค่ะ และถึงแม้จะซับมันออกไปบ้างก็กลับมาผ่องเหมือนเดิมค่ะ แต่ชาแนลสีมันดรอปลงอะค่ะ
- การปกปิด เรากลับรู้สึกว่าเอสเต้เลิศกว่า เพราะชาแนลทาครั้งแรก ผิวใส ผ่องขึ้น แต่ยังคงเห็นรอยสิวอยู่เยอะเลยคะ ต้องทาทับลงไปอีกชั้นถึงจะเริ่มเห็นประสิทธิภาพของการปกปิด แต่เอสเต้ลงไปชั้นเดียวนี่รู้เรื่อง แน่นจริง แต่ผิวคุณจะขาดอากาศหายใจได้ถ้ามากเกินไป 555+ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไงก็ต้องมีคอนซิลเลอร์คอยช่วยพวกรอยดำชัดๆนะค่ะ ไม่งั้นเอาไม่อยู่
- เรื่องความคงทนนี่ เอสเต้สุดๆคะ มันตรงล่องจมูกกับตรงหัวคิ้ว แต่ว่าสีไม่มีเปลี่ยน ยังผ่องเหมือนเดิม ทาแต่แรกอย่างไรเป็นยังงั้นตลอดทั้งวันเลยค่ะ แค่ซัมมันออกนิดหน่อย อย่างที่หลายคนบอกคือแทบจะไม่ต้องเติมแป้งค่ะ
สรุปคร่าวๆนะค่ะ ระหว่าง Chanel กับ Estee
เราชอบชาแนลแค่เพราะมันทำให้เรารู้สึกหน้ามีอากาศหายใจ ไม่หนัก ดูผิวผ่องนวล แต่ปกปิดได้ไม่มาก ถึงแม้จะบิ้วให้มากขึ้นก็ตาม ซึ้งอาจจะเปลืองไปบ้างนะ แต่เราว่ามันดีกว่าเอสเต้ตรงที่มันทำให้หน้าเราดูไม่แข็งกระด้างอะค่ะ เอสเต้นี่ใครทาไม่เก่งนี่ หน้าแข็ง แตกลายงาได้เลยนะ แต่เหมาะมากกับคนที่ริ้วรอยเยอะ หน้ามันโคดดด แต่ต้องทาอย่างระวังนะ เพราะแห้งเร็วมาก แต่ชาแนลเหมาะกับคนที่ผิวดีอยู่แล้ว ทาแล้วจะดูดีนวลผ่อง หรือคนที่อยากจะใช้ในวันสบายๆอะค่ะ แต่ยังไงก็ต้องไปลองกับตัวเองก่อนนะคะ
ราคามันอยู่ที่ 2,200 บาท แต่แนะนำว่าพยายามเลือกBA ผู้หญิงค่ะ เพราะBAกะเทย เค้าค่อนข้างจะเหวี่ยงๆเวลาคุณไม่ซื้ออย่างอื่นเพิ่ม
เพราะเคยซื้อกับพี่ผู้หญิงดูเขาใจดี ใจเย็นกว่านี้อะค่ะ คนนี้พอรู้ว่าเราไม่ซื้ออย่างอื่นนี่ รับเงินแล้วหายแน๊บเลยค่ะ (ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ)
เปรียบเทียบกับตัวที่ใช้อยู่ก่อนหน้านั้น คือ Estee นะค่ะ
- กลิ่น เราชอบของชาแนลมากกว่าเพราะว่า เอสเต้จะฉุนแอลกอฮอลมาก แต่ชาแนลหอมน้ำหอมอะค่ะ ไม่ฉุน หอมดี
- เนื้อของรองพื้อนชาแนลก็เหลวดีค่ะ เกลี่ยง่ายมากกก ไม่แห้งเร็วเป็นคราบเหมือนเอสเต้ค่ะ
- เรื่องคุมมัน เอสเต้ชนะเลิศค่ะ และถึงแม้จะซับมันออกไปบ้างก็กลับมาผ่องเหมือนเดิมค่ะ แต่ชาแนลสีมันดรอปลงอะค่ะ
- การปกปิด เรากลับรู้สึกว่าเอสเต้เลิศกว่า เพราะชาแนลทาครั้งแรก ผิวใส ผ่องขึ้น แต่ยังคงเห็นรอยสิวอยู่เยอะเลยคะ ต้องทาทับลงไปอีกชั้นถึงจะเริ่มเห็นประสิทธิภาพของการปกปิด แต่เอสเต้ลงไปชั้นเดียวนี่รู้เรื่อง แน่นจริง แต่ผิวคุณจะขาดอากาศหายใจได้ถ้ามากเกินไป 555+ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไงก็ต้องมีคอนซิลเลอร์คอยช่วยพวกรอยดำชัดๆนะค่ะ ไม่งั้นเอาไม่อยู่
- เรื่องความคงทนนี่ เอสเต้สุดๆคะ มันตรงล่องจมูกกับตรงหัวคิ้ว แต่ว่าสีไม่มีเปลี่ยน ยังผ่องเหมือนเดิม ทาแต่แรกอย่างไรเป็นยังงั้นตลอดทั้งวันเลยค่ะ แค่ซัมมันออกนิดหน่อย อย่างที่หลายคนบอกคือแทบจะไม่ต้องเติมแป้งค่ะ
สรุปคร่าวๆนะค่ะ ระหว่าง Chanel กับ Estee
เราชอบชาแนลแค่เพราะมันทำให้เรารู้สึกหน้ามีอากาศหายใจ ไม่หนัก ดูผิวผ่องนวล แต่ปกปิดได้ไม่มาก ถึงแม้จะบิ้วให้มากขึ้นก็ตาม ซึ้งอาจจะเปลืองไปบ้างนะ แต่เราว่ามันดีกว่าเอสเต้ตรงที่มันทำให้หน้าเราดูไม่แข็งกระด้างอะค่ะ เอสเต้นี่ใครทาไม่เก่งนี่ หน้าแข็ง แตกลายงาได้เลยนะ แต่เหมาะมากกับคนที่ริ้วรอยเยอะ หน้ามันโคดดด แต่ต้องทาอย่างระวังนะ เพราะแห้งเร็วมาก แต่ชาแนลเหมาะกับคนที่ผิวดีอยู่แล้ว ทาแล้วจะดูดีนวลผ่อง หรือคนที่อยากจะใช้ในวันสบายๆอะค่ะ แต่ยังไงก็ต้องไปลองกับตัวเองก่อนนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ระหว่าง GIORGIO ARMANI Maestro กับ Chanel Perfection Lumiere
เดิมเราใช้ Estee Double Wear ขวดแก้ว นะคะ คือมันดีทุกอย่างเลย มีทุกอย่างที่ต้องการ แต่ว่าถ้าวันไหนมือไม่ดีนี่เป็นคราบคะ
เลยอยากจะหาตัวที่ดีกว่า Estee นะคะ เรามีร่องรอยจากสิว รูขุมขนกว้าง และหน้ามันด้วยคะ
อยากให้เพื่อนๆช่วยแนะนำหน่อยคะ เลือกไม่ได้เลยระหว่าง GIORGIO ARMANI Maestro กับ Chanel Perfection Lumiere
ขอบคุณมากๆค่ะ