เกือบตาย เพราะความชุ่ยจากการวินิจฉัย และพยาบาล

ขอเกริ่นนำด้วยเนื้อหาสั้นๆก่อนนะครับ

วันที่ 31 ม.ค. 2557 ผมไปทำงานตามปกติ ร่างกายสดชื่น จนถึงเวลาประมาณ 10:00 น. ขณะที่กำลังอยู่ที่ Site งานลูกค้า ก็มีอาการตัวร้อนนิดๆ แต่ปวดเมื่อยตามตัวมากๆ (ทุกส่วน)
กัดฟันจนเสร็จงาน (กะว่าจะรีบกลับ แต่ลูกค้ายิ้มให้แก้ๆๆๆๆ เลยกลับซะเย็นเลย)
พอไปหหมอ ก็วินิจฉัยผิด จนบานปลาย ถึงขั้นเครื่องในพังหมดจนต้องเข้า ICU

เวรกรรมยังไม่หมด ขนาดเข้า ICU ก็ยังไม่ได้รับการดูแลจากพยาบาลอีก ปล่อยให้ Oxygen หมดถึง 2 ครั้ง

ขอใช้ชื่อย่อ รพ. ที่สร้างปัญหาให้กับตัวผมนะครับ ทางบ้านบอกไม่อยากเอาเรื่อง เดี๋ยวเวรกรรมก็สนองมันเองกับสิ่งที่มันทำไว้
** รพ. ที่กล่าวถึงนี้ ใช้ชื่อเรียกว่า NV 9 อยู่ย่านตลาดมีนบุรี

รายละเอียดมีดังนี้
ศ. 31/01        - 10:00 เริ่มปวดตัว เหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่
ส. 01/02         - หาหมอที่ NV 9 ได้ยาแก้ปวด + ยาลดไข้ (ชุดยา 10 วัน) พร้อมนัดดูอาการอีกที วัน อา. 18:00
อา. 02/02       - 18:00 ไปตามนัด ไข้หายแล้ว แต่ได้ยาเพิ่ม(ยาชุดเดิม แต่เป็น 5 วัน) + เกลือแร่
จ. 03/02         - อาการหนักขึ้นจนเดินไม่ได้ แต่วินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน
อ. 04/02         - วินิจฉัยว่า ถุงน้ำดีอักเสบ ต้องผ่าตัดด่วน
พ. 05/02        - นอนรอการผ่าตัด
พฤ. 06/02      - เข้าผ่า แต่พยาบาลเข้ามาห้ามไว้ เนื่องจากหมอแจ้งว่าเกล็ดเลือดต่ำ (เกล็ดเลือด กับน้ำเลือดไม่เหมือนกัน) จึงผ่าไม่ได้ (ต้องรอเกล็ดเลือด จากสภากาชาด) หากผ่า เลือดจะไหลไม่หยุด
                 - ระหว่างนั้น ก็ตรวจพบไข้เลือดออก
                 - ย้ายเข้า ICU
ศ. 07/02        - ICU วันที่สอง และย้ายจาก NV 9 ไปเวชธานี
                 - ใส่ท่อ Oxygen เนื่องจากหายใจเองไม่ไหว
                 - สอดท่ออาหาร (ให้อาหารทางสาย)
ส. 08/02         - สลบ 1 วัน
อา. 09/02       - อาการดีขึ้นเป็นลำดับ
จ. 10/02         - ถอดท่อ Oxygen เริ่มให้หายใจเอง
อ. 11/02         - ทดลองให้ทานอาหารเหลว
พ. 12/02        - ถอดสายอาหาร และทานอาหารเหลว
                     - 15:00 น. ออกจาก ICU
                     - 16:00 น. ฟอกไต
จ. 17/02         - ออกจาก รพ. มาพักฟื้นที่บ้าน

*** สิ่งที่ทำให้ต้องย้าย รพ. จาก NV 9 ไปยังเวชธานีคือ
1 - การวินิจฉัยของหมอที่มั่วมาก จนทำให้ต้องเกือบผ่าตัด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
2 - การดูแลของพยาบาลที่แย่มาก
     2.1 - ห้อง ICU แต่ไม่มีพยาบาลเฝ้า หรือเดินเวรเลย
     2.2 - ปุ่มกดฉุกเฉิน อยู่ห่างจากเตียงประมาณ 1.5 - 2 เมตร (ปุ่มกดอยู่สูงระดับสายตาคนยืน และห่างจากเตียงมาก)
     2.3 - เวลาตะโกนเรียก (เนื่องจากปุ่มกดไม่มี) ก็ไม่ค่อยจะเดินมาดูอาการ บางทีกว่าจะมาก็ใช้เวลา 10-15 นาที ทั้งๆที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่หน้าห้อง แต่ไม่คิดจะมาดูอาการ (ต้องตะโกนเรียกเป็นสิบนาที กว่าจะเดินมาดู คิดว่าคงเดินมาดูเพราะความรำคาญ)
     2.4 - ปล่อยให้ Oxygen หมดถึง 2 ครั้งติด (ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้) โดยไม่เดินมาดูความเรียบร้อย ต้องให้ตะโกนเรียก (เรียกก็ไม่ค่อยจะมาอีก)
3 - การผ่าตัดสกปรก ทำให้เลือดติดแบคทีเรียจากการผ่าตัด(สำหรับฟอกไต)
4 - ไม่ยอมให้ญาติเข้าเยี่ยม โดยแจ้งทางญาติว่า “กำลังฟอกไต ห้ามรบกวน”
     แต่แจ้งกับผู้ป่วยว่า “เห็นกำลังหลับอยู่ญาติเลยไม่กล้าปลุก”
5 - ไม่ยอมให้ย้าย รพ.
     ในครั้งแรก (เยี่ยมรอบ 10:00 น.) ทาง รพ. สินแพทย์โทรมาขอคำยืนยันว่าจะย้ายผู้ป่วย แต่พยาบาล NV 9 ได้คว้าโรศัพท์ไปบอกว่า "เดี๋ยวคุยเอง" แล้วทำการปฏิเสธไป โดยบอกกับทางสินแพทย์ว่า "คนไข้ไม่ไปแล้วค่ะ"
     รอบสอง (เยี่ยมรอบ 17:00 น.) จึงทำการติดต่อไปที่เวชธานีเองโดยตรงเพื่อให้ส่งรถพยาบาลมารับ

สำหรับอาการที่มีผลกระทบจากการวินิจฉัยโรคผิด และทานยาผิด ส่งผลให้กระตุ้นโรคไข้เลือดออกรุนแรงขึ้นคือ
-    ถุงน้ำดีอักเสบ
-    ตับอักเสบ
-    น้ำท่วมปอด
-    ไตวายเฉียบพลัน
-    ติดแบคทีเรียในกระแสเลือด (จากการผ่าตัดต่อท่อสำหรับฟอกไต)

จากการรักษาที่ รพ. NV 9 นั้น ได้ใช้บัตรประกันกลุ่ม AIA ของบริษัท เป็นค่ารักษาหลัก โดยไม่ได้ใช้ประกันสังคมในการรักษาเลย
ถ้าใช้ประกันสังคม ผมเองคงตายตั้งแต่ยังไม่เข้า ICU เลยมั้ง
แถมยังมีหน้ามาใช้คำพูดแรงๆจนแม่, แฟน และญาติๆน้ำตาตกจากคำพูดของปากหมอ "ถ้ารอดได้ ก็ปาฏิหารณ์"

ปล. เคสนี้เป็นเคสผมเอง ที่เกือบตายจากการรักษา การวินิจฉัย และการดูแลชุ่ยๆ
สาเหตุที่ผมเลือกเข้า รพ. NV 9 เพราะว่า
ก่อนปีใหม่ ผมประสบอุบัติเหตุ จนกระดูกข้อมือขวาหัก แล้วได้เข้ารักษาที่ NV 1 ก็เห็นว่ารักษาดี แต่ รพ.ดูเก่าไปหน่อย และช่วงที่พักฟื้น มองไปทางหน้าต่าง ก็เห็นว่า รพ. NV 9 นั้น อยู่ไม่ไกลกันมาก
ป่วยครั้งนี้เลยลองเข้าใช้บริการดู ก็เห็นว่า ตึกดูใหม่ สะอาด การต้อนรับดี บริการเร็ว ใหญ่ โอ่งโถง ไม่แออัดเหมือน NV 1 ก็เลยเข้ารักษาเป็นเรื่องเป็นราวไป

ปล.2 เคสแถวบ้าน มีผู้ใหญ่คนนึง อายุประมาณ 60 กว่าๆ ปวดหัวมากๆ เลยไปหาหมอ
หมอวินิจฉัยว่า เส้นเลือดในสมองตีบตัน ต้องผ่าตัดสมอง
เค้าเลยย้ายไปตรวจที่ รพ.รามคำแหง แล้วก็แจ้งหมอว่า เป็นเส้นเลือดในสมองตีบตัน
หมอเลยสวนกลับว่า "ถ้าเส้นเลือดตีบตัน คุณเดินมาแบบนี้ไม่ได้หรอก"
จากนั้นก็ไปตรวจอาการ สรุปว่า เป็นแค่ไมน์เกรน เลยได้ยารักษาไมน์เกรน เม็ดละ 3 พันมา 7 เม็ด ตอนนี้หายเรียบร้อย
ถ้าขืนเข้ารักษา NV 9 คงตายแน่นอน

สุดท้ายขอเตือนสมาชิกว่า จะเข้ารักษาดูกันที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ เหมือนจะดี แต่การรักษาแย่สุดๆ
เลยเอามาแบ่งปันความรู้สึกเกือบตายให้ระวังกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่