คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 71
จขกท ทำสัญญาให้คู่กรณีเช่าที่ดินไปแล้ว ???
ให้เขาเช่าไปทำอะไรคะ
ถ้าเอาไปทำนา
ระยะเวลาการเช่าที่ดินเพื่อทำนา
ต้องเป็นไปตาม พรบ เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
คือให้เช่าคราวละ 6 ปี
ถ้ากำหนดระยะเวลาไว้ต่ำกว่านั้น ก็ให้ถือว่ามีกำหนด 6 ปี
และเมื่อสิ้นระยะเวลาการเช่านา
ผู้ให้เช่าต้องบอกเลิกการเช่านาเป็นหนังสือ
ให้ผู้เช่านา ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนครบกำหนด 6 ปี
เพราะถ้าไม่บอกเลิกเป็นหนังสือล่วงหน้า
เมื่อสิ้นระยะเวลาเช่านา และผู้เช่านายังทำนาอยู่
ให้ถือว่าเป็นการเช่านาต่อไปอีก 6 ปี
ปกติถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป ที่มีกำหนดเวลาเกินกว่า 3 ปี
เขามีแบบที่กฎหมายกำหนด ให้ทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
ถ้าไม่ทำ ถือเป็นการหลีกเลี่ยงการจดทะเบียน
จะมีผลทำให้ บังคับกันได้เพียง 3 ปี
แต่มีอีกวิธีนึง ที่ไม่ต้องจดทะเบียนโดยทำถูกกฎหมาย
คือในสัญญา ให้มีข้อสัญญาที่เป็นคำมั่นจะให้เช่าต่อ
เช่น..
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลา 3 ปี
สัญญาเช่าข้อที่ 1 ....
ข้อที่ 2 ....
ข้อที่ 3 เมื่อครบกำหนดเวลาเช่า ถ้าผู้เช่าประสงค์จะเช่าที่ดินต่อไปอีก ผู้ให้เช่ายินดีให้ผู้เช่า เช่าที่ดินต่อไปอีก 3 ปี
เช่นนี้ .. คุณก็จะได้สัญญาเช่าที่มีกำหนด 3 ปี ถ้าทำเป็นหนังสือแล้ว ก็ฟ้องร้องกันได้
ส่วนอีก 3 ปี เป็นเพียงคำมั่น ถ้าผู้เช่าประสงค์จะเช่าต่อ ผู้ให้เช่าก็ต้องทำตามที่ได้ให้คำมั่นไว้
(คือประสงค์จะให้เช่า 6 ปีนั่นแหล่ะ แต่ถ้ากำหนดให้เช่า 6 ปีไปเลย ก็ต้องไปจดทะเบียน เพื่อเสียค่า ฤชาธรรมเนียมด้วย ส่วนมากจะทำแบบนี้กัน เพราะไม่อยากเสียค่าฤชาธรรมเนียม แบบถูกต้อง และบังคับกันได้
แต่มีข้อเสีย (สำหรับฝ่ายผู้เช่าคือ) ถ้าจขกท โอนที่ดินให้บุคคลอื่น คำมั่น ตามข้อ 3 จะไม่โอนไปยังผู้รับโอนด้วย
แต่ระยะเวลาเช่าที่เหลือและหน้าที่ตามสัญญา ผู้รับโอนต้องรับไปด้วย ถ้าเช่าครบ 3 ปีแล้ว
ผู้เช่าอยากเช่าต่อ ถ้าผู้รับโอนไม่อนุญาตให้อยู่ ผู้เช่าก็ต้องออกไปจากที่ดิน
ไม่สามารถให้ผู้รับโอน ปฏิบัติตามคำมั่นได้
เพราะคำมั่น บังคับได้ระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น
ที่สำคัญ สัญญาเช่า เป็นสัญญาต่างตอบแทน
โดยผู้เช่าจะให้ค่าเช่าเป็นการตอบแทน
การได้ใช้ หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์นั้นๆ
ถ้าเจตนาจะให้อยู่ฟรี หรือให้ใช้ ประโยชน์ ฟรีๆ จะไม่ใช่สัญญาเช่า อาจเป็นสัญญายืม, ให้สิทธิอาศัย , ให้สิทธิเก็บกิน เป็นต้น
ต้องดูเจตจำนงค์ ว่าจขกท ต้องการแบบไหน
1. ต้องการให้เขาเอาไปทำนา ก็ให้เป็นไปตาม พรบ การเช่านาเพื่อเกษตรกรรม
2. ต้องการค่าเช่า ก็ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์
(ถ้าเช่าเกิน 3 ปี ก็ต้องทำตามแบบที่กม.กำหนดด้วย)
ข้อนี้ ผู้ให้เช่า (จขกท) มีหน้าที่ต้องดูแล ทรัพย์สินที่ตนเองให้เช่าด้วย พวกค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อมแซมใหญ่ๆ
3. ต้องการใช้เขาใช้ประโชยน์ฟรีๆ ก็ ทำสัญญาสิทธิเก็บกิน โดยไม่มีค่าตอบแทน กำหนดเวลา 5 ปี ก็ได้
ข้อนี้ เจ้าของออกเงินเพื่อรักษาบำรุงทรัพย์สินอยู่ 2 ประการ คือ
1. เพื่อทำการซ่อมแซมใหญ่
2. เพื่อค่าใช้จ่ายอันเป็นการจร
ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดการทรัพย์สินกับค่าภาษีอากร ผู้ทรงสิทธิ เป็นผู้ออก
ดูตามรูปการณ์แล้ว คู่กรณี น่าจะต้องการ สิทธิเก็บกินมากกว่า
ให้เขาเช่าไปทำอะไรคะ
ถ้าเอาไปทำนา
ระยะเวลาการเช่าที่ดินเพื่อทำนา
ต้องเป็นไปตาม พรบ เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
คือให้เช่าคราวละ 6 ปี
ถ้ากำหนดระยะเวลาไว้ต่ำกว่านั้น ก็ให้ถือว่ามีกำหนด 6 ปี
และเมื่อสิ้นระยะเวลาการเช่านา
ผู้ให้เช่าต้องบอกเลิกการเช่านาเป็นหนังสือ
ให้ผู้เช่านา ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนครบกำหนด 6 ปี
เพราะถ้าไม่บอกเลิกเป็นหนังสือล่วงหน้า
เมื่อสิ้นระยะเวลาเช่านา และผู้เช่านายังทำนาอยู่
ให้ถือว่าเป็นการเช่านาต่อไปอีก 6 ปี
ปกติถ้าเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป ที่มีกำหนดเวลาเกินกว่า 3 ปี
เขามีแบบที่กฎหมายกำหนด ให้ทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
ถ้าไม่ทำ ถือเป็นการหลีกเลี่ยงการจดทะเบียน
จะมีผลทำให้ บังคับกันได้เพียง 3 ปี
แต่มีอีกวิธีนึง ที่ไม่ต้องจดทะเบียนโดยทำถูกกฎหมาย
คือในสัญญา ให้มีข้อสัญญาที่เป็นคำมั่นจะให้เช่าต่อ
เช่น..
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลา 3 ปี
สัญญาเช่าข้อที่ 1 ....
ข้อที่ 2 ....
ข้อที่ 3 เมื่อครบกำหนดเวลาเช่า ถ้าผู้เช่าประสงค์จะเช่าที่ดินต่อไปอีก ผู้ให้เช่ายินดีให้ผู้เช่า เช่าที่ดินต่อไปอีก 3 ปี
เช่นนี้ .. คุณก็จะได้สัญญาเช่าที่มีกำหนด 3 ปี ถ้าทำเป็นหนังสือแล้ว ก็ฟ้องร้องกันได้
ส่วนอีก 3 ปี เป็นเพียงคำมั่น ถ้าผู้เช่าประสงค์จะเช่าต่อ ผู้ให้เช่าก็ต้องทำตามที่ได้ให้คำมั่นไว้
(คือประสงค์จะให้เช่า 6 ปีนั่นแหล่ะ แต่ถ้ากำหนดให้เช่า 6 ปีไปเลย ก็ต้องไปจดทะเบียน เพื่อเสียค่า ฤชาธรรมเนียมด้วย ส่วนมากจะทำแบบนี้กัน เพราะไม่อยากเสียค่าฤชาธรรมเนียม แบบถูกต้อง และบังคับกันได้
แต่มีข้อเสีย (สำหรับฝ่ายผู้เช่าคือ) ถ้าจขกท โอนที่ดินให้บุคคลอื่น คำมั่น ตามข้อ 3 จะไม่โอนไปยังผู้รับโอนด้วย
แต่ระยะเวลาเช่าที่เหลือและหน้าที่ตามสัญญา ผู้รับโอนต้องรับไปด้วย ถ้าเช่าครบ 3 ปีแล้ว
ผู้เช่าอยากเช่าต่อ ถ้าผู้รับโอนไม่อนุญาตให้อยู่ ผู้เช่าก็ต้องออกไปจากที่ดิน
ไม่สามารถให้ผู้รับโอน ปฏิบัติตามคำมั่นได้
เพราะคำมั่น บังคับได้ระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น
ที่สำคัญ สัญญาเช่า เป็นสัญญาต่างตอบแทน
โดยผู้เช่าจะให้ค่าเช่าเป็นการตอบแทน
การได้ใช้ หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์นั้นๆ
ถ้าเจตนาจะให้อยู่ฟรี หรือให้ใช้ ประโยชน์ ฟรีๆ จะไม่ใช่สัญญาเช่า อาจเป็นสัญญายืม, ให้สิทธิอาศัย , ให้สิทธิเก็บกิน เป็นต้น
ต้องดูเจตจำนงค์ ว่าจขกท ต้องการแบบไหน
1. ต้องการให้เขาเอาไปทำนา ก็ให้เป็นไปตาม พรบ การเช่านาเพื่อเกษตรกรรม
2. ต้องการค่าเช่า ก็ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์
(ถ้าเช่าเกิน 3 ปี ก็ต้องทำตามแบบที่กม.กำหนดด้วย)
ข้อนี้ ผู้ให้เช่า (จขกท) มีหน้าที่ต้องดูแล ทรัพย์สินที่ตนเองให้เช่าด้วย พวกค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อมแซมใหญ่ๆ
3. ต้องการใช้เขาใช้ประโชยน์ฟรีๆ ก็ ทำสัญญาสิทธิเก็บกิน โดยไม่มีค่าตอบแทน กำหนดเวลา 5 ปี ก็ได้
ข้อนี้ เจ้าของออกเงินเพื่อรักษาบำรุงทรัพย์สินอยู่ 2 ประการ คือ
1. เพื่อทำการซ่อมแซมใหญ่
2. เพื่อค่าใช้จ่ายอันเป็นการจร
ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดการทรัพย์สินกับค่าภาษีอากร ผู้ทรงสิทธิ เป็นผู้ออก
ดูตามรูปการณ์แล้ว คู่กรณี น่าจะต้องการ สิทธิเก็บกินมากกว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
เราคิดว่าเรื่องนี้อาจจะช่วยคุณ จขกท. ได้นะคะ ลองอ่านดูค่ะ
เราเคยดูรายการรายการนึงค่ะ มีเรื่องยืมเงินแบบไม่มีสัญญา แล้วลูกหนี้ไม่ยอมคืน ท้าให้ไปฟ้องเอาเลย เพราะไม่มีสัญญา
เจ้าหนี้ก็เลยต่อยลูกหนี้ยับเยินเลย ลูกหนี้ไปแจ้งความทำร้ายร่างกายค่ะ เจ้าหนี้ก็ไปด้วย รับทราบข้อกล่าวหา
แล้วให้การกับตำรวจว่าต่อยลูกหนี้เพราะโกรธที่ลูกหนี้ยืมเงินไปเป็นเงินเท่านี้ๆๆๆ บาท เป็นเวลาเท่านี้วัน
สัญญาเอาไว้ว่าจะคืนวันไหน แล้วไม่ยอมคืน ล่วงเลยมาเป็นเวลากี่วัน ติดตามทวงแล้วก็เพิกเฉย แบบละเอียดเลยนะคะ
ตำรวจก็ลงบันทึกประจำวันให้ทั้งสองฝ่ายเซ็นรับทราบ เปรียบเทียบปรับ เจ้าหนี้ก็ขอถ่ายสำเนาคดีนี้ เอาไปฟ้องศาลค่ะ
ทนายก็ใช้เอกสารจากตำรวจชิ้นนี้เป็นหลักฐานกับศาลค่ะ ว่าทางลูกหนี้เค้ายอมรับในบันทึกประจำวันนั้นแล้วว่าเป็นหนี้เจ้าหนี้จริง
แล้วปรากฏว่าศาลก็ตัดสินให้ลูกหนี้แพ้คดีและต้องจ่ายหนี้คืนเจ้าหนี้ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย 15% ด้วยค่ะ
ลองดูนะคะ อิอิ
เราเคยดูรายการรายการนึงค่ะ มีเรื่องยืมเงินแบบไม่มีสัญญา แล้วลูกหนี้ไม่ยอมคืน ท้าให้ไปฟ้องเอาเลย เพราะไม่มีสัญญา
เจ้าหนี้ก็เลยต่อยลูกหนี้ยับเยินเลย ลูกหนี้ไปแจ้งความทำร้ายร่างกายค่ะ เจ้าหนี้ก็ไปด้วย รับทราบข้อกล่าวหา
แล้วให้การกับตำรวจว่าต่อยลูกหนี้เพราะโกรธที่ลูกหนี้ยืมเงินไปเป็นเงินเท่านี้ๆๆๆ บาท เป็นเวลาเท่านี้วัน
สัญญาเอาไว้ว่าจะคืนวันไหน แล้วไม่ยอมคืน ล่วงเลยมาเป็นเวลากี่วัน ติดตามทวงแล้วก็เพิกเฉย แบบละเอียดเลยนะคะ
ตำรวจก็ลงบันทึกประจำวันให้ทั้งสองฝ่ายเซ็นรับทราบ เปรียบเทียบปรับ เจ้าหนี้ก็ขอถ่ายสำเนาคดีนี้ เอาไปฟ้องศาลค่ะ
ทนายก็ใช้เอกสารจากตำรวจชิ้นนี้เป็นหลักฐานกับศาลค่ะ ว่าทางลูกหนี้เค้ายอมรับในบันทึกประจำวันนั้นแล้วว่าเป็นหนี้เจ้าหนี้จริง
แล้วปรากฏว่าศาลก็ตัดสินให้ลูกหนี้แพ้คดีและต้องจ่ายหนี้คืนเจ้าหนี้ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย 15% ด้วยค่ะ
ลองดูนะคะ อิอิ
ความคิดเห็นที่ 5
รู้สึกว่าคุณพลาดตรงที่ไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้นี่แหละค่ะ 
หลักฐานที่คุณมีอาจใช้ประกอบการฟ้องได้ แต่ตอนนี้รีบทำจดหมายทวงหนี้ พยายามให้เค้าเซ็นรับทราบให้ได้ว่าเค้าเป็นหนี้คุณจริงใ จากนั้นค่อยเอาหนังสือนี้ไปยื่นฟ้องต่อศาลแล้วเอาคลิปและใบเสร็จไปประกอบค่ะ หรือไม่บุกเอาสัญญาไปยื่นตรงหน้าเลย ลากทนายไปด้วยก้อดีค่ะ
เรื่องเงินเรื่องทอง แม้แต่เมียก้อไว้ใจไม่ได้นะคะ

หลักฐานที่คุณมีอาจใช้ประกอบการฟ้องได้ แต่ตอนนี้รีบทำจดหมายทวงหนี้ พยายามให้เค้าเซ็นรับทราบให้ได้ว่าเค้าเป็นหนี้คุณจริงใ จากนั้นค่อยเอาหนังสือนี้ไปยื่นฟ้องต่อศาลแล้วเอาคลิปและใบเสร็จไปประกอบค่ะ หรือไม่บุกเอาสัญญาไปยื่นตรงหน้าเลย ลากทนายไปด้วยก้อดีค่ะ
เรื่องเงินเรื่องทอง แม้แต่เมียก้อไว้ใจไม่ได้นะคะ

แสดงความคิดเห็น
กระทู้เตือนใจหลายๆคนครับ ญาติมายืมเงินไปแต่งงาน สองแสนบาท แล้วทำมึนไม่คืน
ขอบคุณสำหรับข้อ ชี้แน่ะต่างๆครับ ส่วนเรื่องที่ดินนั้นผมได้มาเรียบร้อยแล้วครับ เป็นใบโฉนดครับ
ไม่ติดจำนองอะไรทั้งสิ้นครับ ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ทำกินบนที่ดิน 5 ปีนั้น ผมขอขอบคุณสำหรับคำแน่ะนำ ของความเห็นที่ 52
มากครับที่บอกว่า "ให้นาย ก. เช่าที่ดินทำกินเป้นเวลา5ปี โดยไม่เสียค่าเช่า หากปีที่6เป็นต้นไปจะเสียค่าเช่า ต่อปีหรือต่อเดือนก็ว่าไป ถ้าให้ดีทำสัญญาปีต่อปีเลย คนเจ้าเหล่ นิสัยอย่างนี้อย่ายอมครับ"
ตอนนี้ผมทำสัญญาแบบนี้ให้เขาไปเลยครับ ให้เซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรไปเลย
(ถ่ายบัตรประชาชนพร้อมเซ็นต์ชื่อแนบใบสัญญา + ถ่ายรูป+วีดีโอตอนทำสัญญาทั้งหมดครับ กันเหนียวเผื่อมาเล่นเหลี่ยมกันทีหลังอีก)
จะได้ไม่ต้องมีปัญหาในภายภาคหน้าอีก (งานนี้ต้องขอบใจเพื่อนผมมากครับที่ไปรับส่งผมที่สนามบิน+ไม่กลัวโดนทีนที่ไปช่วยกับผม)
ตอนแรกก่ะว่าจะไปเดี่ยวๆ ก็ยังไงอยู่เลยโทรหาเพื่อนให้มาช่วยหน่อยครับเผื่อผมเป็นอะไรมาลำบากแน่ๆ
ปล.ขอขอบคุณมากๆ สำหรับความช่วยเหลือจากชาวพันทิปครับผม
ปล.2 การไปทวงหนี้หรือไปเซ็นสัญญาตามที่ลูกหนี้รับปาก ผมแน่ะนำให้ระวังตัวกันด้วยน่ะครับ เพราะว่าอาจจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้
ใจจริงผมก็กลัวโดนลวงไปฆ่าน่ะ 55 เพราะจำนวนเงินมันก็มากอยู่ ถ้าไปควรโทรบอกผู้หลักผู้ใหญ่ หรือหาเพื่อน พวก ไปด้วยครับ
ต่อให้พวกมันเป็นญาติก็เห่อะ เพราะตอนไปโอนที่นี้ บรรยากาศ มาคุ มากครับ ระวังหลังตลอด 555
อัพเดทครับ เมื่อสักครู่ คู่กรณีโทรมาแล้วครับ บอกว่าจะยอมโอนที่ดินให้แทนเงิน สองแสนที่ยืมไป
แต่มีข้อขอร้อง โดยเมื่อโอนแล้วขอทำกินบนที่ดินตรงนั้น (ทำสวน ทำนา) ซึ่งผมก็ตกลงเพราะว่า
อย่างน้อยก็ยังดีได้ที่ดิน มาแทนเงินสองแสน ดีกว่าเสียเงินฟรีๆ แต่ผมบอกไปว่าให้เวลาทำกินบนที่ดิน
ตรงนี้แค่5ปีครับ ถ้าอยากได้คืนให้เอาเงินสองแสนมาซื้อคืนไป ภายใน5ปีนี้
ถ้าครบ5ปีแล้ว ก็ขอให้เชิญไปทำกินที่อื่น ซึ่งทางคู่กรณีก็ยินดีทำตามข้อตกลงครับ แต่ก่อนอื่นผมคงต้องไป
เซ็นรับเรื่องการโอนที่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะได้ที่มาจริงๆ ตอนนี้ผมก็ได้แต่ลุ้นครับว่าพรุ่งนี้
มันคงจะเกิดการเล่นแง่ อะไรบ้างรึป่าว ผมก็ขอให้อย่าได้เกิดปัญหาต่างๆขึ้นมาเลยนะครับในวันพรุ่งนี้
นับจากวันนี้ผมจะเอาเรื่องนี้ มาเป็นเครื่องเตือนใจครับ ว่าต่อนี้ต่อไปผมจะไม่ให้ใครยืมเงินเด็ดขาด
ปล.ขอคุณสำหรับทุกความเห็น ความช่วยเหลือ และคำแน่ะนำดีๆต่างๆมากมาย จากชาวพันทิปครับ
16-5-56
เรื่องมีอยู่ว่า ได้มีโทรศัพท์สายนึงติดต่อมาหาผม เบอร์แปลกๆ รับสายกลายเป็นว่าญาติโทรมาหา(ลูกพี่ลูกน้อง)
เรื่องที่โทรมาก็คือมาขอยืมเงินไปแต่งงาน ตอนแรกผมนึกว่ามันล้อผมเล่น เพราะจำนวนเงินที่มันบอกมานั้นมากโข (สองแสนบาท)
ผมก็บอกว่าคิดดีแล้วเหรอ แต่งงานแล้วเริ่มต้นด้วยการยืมเงินคนอื่นแบบนี้(เป็นหนี้) ชีวิตมันจะมีความสุขรึ
ผมก็สาธยายไป บลาฯ.... และบอกว่าผมขอคิดดก่อนว่าจะให้หรือไม่ให้
เห่อะๆ เงินสองแสนคุณคิดว่ามันมากหรือน้อยหล่ะครับ มาเล่นขอกันง่ายๆอย่างงี้ ใครจะให้ง่ายๆฟ่ะ
กว่าจะเก็บได้ขนาดนี้เลือดตาแทบกระเด็น มนุษ์เงินเดือนอย่างเราๆคงเข้าใจกันดีนะครับ
19-5-56
คราวนี้แม่ของคนที่จะยืมเงินผม(ภรรยาของพี่ชายพ่อผม)โทรมาผมเลย
บอกว่าให้ผมเอาเงินให้ลูกเค้ายืมไปก่อนได้ไหมเพราะว่าจำเป็นจริงๆ (แล้วชีวิตตรูไม่จำเป็นไงฟ่ะ)
ต้องแต่งเพราะว่าลูกชายเค้าเอาผู้หญิงมานอนที่บ้านแล้วฝ่ายพ่อแม่หญิงมาตาม เลยไม่ยอมต้องแต่งงานกัน ไม่งั้นจะเอาเรื่อง
(ดราม่ากันเลยเชียว เห่อะๆ เรื่องของเรื่องก็ไม่น่าจะมายืมตังผมน่ะเพราะว่า ผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้เลย)
เจ้แกก็เล่าเรื่อง อดีตยกแม่น้ำทั้งหลายแหล่มาว่านล้อมให้ผมสำนึกในบุญคุณ.....เหยดดดดด ผมนึกในใจมายืมตังกรูแล้ว
มามีการให้กรูสำนึกในบุญคุณอีกให้ตายเห่อะ (ความจริงมีครั้งนึงผมเคยอาศัยบ้านแกอยู่ ประมาณ1เดือนตอนนั้น เตรียมเอ็นเข้า มช.)
ผมก็บอกไปว่าเงินผมอ่ะมันก็จำเป็นต้องใช้เหมือนกัน แกก็บอกว่าทางแกจำเป็นกว่า แน๊ะ
พูดไปได้เน้อ อันนี้มันตังค์กรูน่ะเนี้ย พูดยังก่ะเป็นเจ้าของเงิน เจ้แกก็บอกว่าจะให้ดอกด้วย ร้อยละ20
ผมก็บอกว่าขอไปปรึกษา พ่อกับแม่ก่อน และก็บอกไปว่า เงินนี้เป็นเงินเก็บไว้สำหรับแต่งงานผมน่ะ ซึ่งทาง
แม่ยายผมเค้าเรียกสูงมาก 5X สำหรับผม และเงินนี้ก็สำคัญสำหรับผมจริงๆ สำหรับการใช้สร้างอนาคต
22-5-56
โทรมาหาเหมือนรู้เวลา ถามความคืบหน้าในการยืมเงินว่าผมจะอนุมัติไหม...(โทรมายังก่ะกรูเป็นลูกนี้เน้อ)
มีการทวงบุญคุณภาคสอง 555 เล่าความหลัง บลาๆๆๆๆๆ เอาความที่เป็นญาติพี่น้องมาอ้าง เห๊อะกล้าจริงๆ
ญาติพี่น้องมันเกียวไรกับการยืมเงินอ่ะ ผมเลยบอกว่า ผมทำงาน ลงเรือ ออกไปตรวจแท่นขุด ยังไม่ว่าง บลาๆๆๆ
(ความจริงไม่ได้ไปเหรอกอยู่แถวฝั่งนี้หล่ะ แต่รำคาญ) พ่อก็บกว่าถ้าจะให้คิดให้ดีเพราะถ้าคนยืมเงินเป็นญาติกันเวลามีปัญหามันจะเป็นเรื่องใหญ่
จะมองหน้ากันไม่ติด ซึ่งความจริงแล้วผมก็ไม่ค่อยสนใจญาติๆพวกนี้อยู่แล้ว
อยู่ใครอยู่มันก็ดีอยู่แล้วเจอกันแต่ละทีโคตรวุ่นวายเลย เหน็บแนมกันต่างๆนาๆ และงานนี้พ่อผมก็ช่วยออกค่าอาหารไปส่วนนึง
เป็นหมู 1 ตัว พ่อบอกว่าไม่ต้องถือว่าเป็นญาติเหรอก จะให้ไม่ให้อยู่ที่เราเห็นสมควร
23-24-25-26-27 โทรมาทุกวัน สามเวลาผมไม่รับ รำคาญมาก งานก็วุ่นวายอยู่แล้วยังจะมาตามหลอนอีก
2-6-56
สุดท้ายผมโอนให้เค้าไปโดยตกลงว่าผมจะไม่เอาดอก ขอแค่สิ้นปี 20-12-56 เอาเงินมาคืนให้ด้วย สองแสนบาทถ้วน
แกก็ตกลงบอกว่า โบนัสปลายปีของลูกชายแกคงออก + เงินทำนาขายข้าวคงได้พอดี
ที่สำัคัญวันคืนตังคือ 20-12-56 ผมก็บอกแกไปน่ะว่าคือวันนี้ ห้ามเปี้ยว ห้ามเลื่อน (ในใจผมคิดว่ามันต้องเลื่อนแน่ๆ)
เพราะจากประสบการณ์ ส่วนใหญ่คนยืมเงินกันไม่เคยตืนตรงวันที่นัดหมายเสียที ต้องอ้างนั้น นู้น นี้ ตลอดอ่ะ
12-6-56
จัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โตเชิญแขกมากมาย พูดง่ายๆหน้าใหญ่ไว้ก่อนประมาณนั้น ซึ่งงานนี้ผมไม่ได้ไปเพราะ
ไม่อยากไปเห็นความจอมปลอมของคน เพราะถึงผมไปก็คงไม่สู้หน้าเ้จ้าหนี้เหรอก 55 ที่สำคัญหน้าที่การงานผมวุ่นวายมาก
จึงเลยไม่ได้ไป
วันเวลาผ่านมาล่วงเลยจากวันที่แต่งงานก็ไม่เคยมี แม่-ลูก ที่ยืมเงินโทรมาหาผมเลย 555
20-12-56 ครบกำหนดเส้นตายชำระหนี้
เป็นไปตามที่คาดหมาย บอกว่าโบนัสปีนี้ออกน้อย ขายข้าวไม่ค่อยได้ราคา เอาข้าวไปจำนำ เงินยังไม่ได้ บลาๆๆๆ
ซึ่งที่จริงก็ควรโทรมาบอกก่อนใช่ไหมถ้ายังไม่พร้อม นี้พอมาถึงวันผมโทรไปบอกไม่มี ให้ตายเห่อะ......บัดซบจริงๆ
แกบอก ขอเลื่อนเป็น 2-2-57 จะหามาให้ได้ (ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าต้องมีการ ชิ่งชักดาบแน่ๆ)
ขอบอกว่าตอนนี้เครียดมากครับ เงินสองแสนว่าจะได้คืนหรือป่าว
ผมบอกว่า 2-2-57 ผมจะไปหาถึงบ้าน (ตอนนี้ผมเดือดแล้ว ก่ะว่าถ้าไม่ได้ ก็แหลกกันไปข้างนึง)
2-2-57
ผมนั้งเครื่องไปเชียงใหม่ ไปหาถึงที่บ้าน อยู่กันพร้อมหน้าครับ ทำตีหน้ามึนเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นกันทั้งบ้าน
เข้าเรื่องเลยว่าจะเอาตังคืนแล้ว(บรรยากาศในบ้านทำตัวปกติ ทำมึน ลูกเล่นเกมไป เมียเล่นกับแมว แม่นั่งตีหวย)
เพราะครบกำหนด + เลื่อนให้อีกเดือนกว่าๆ คำตอบที่ได้เหรอครับ เห่อะๆๆ ไม่มี......(เวลานี้ได้เวลาองค์ลงครับ)
ผมไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรมห์ กันแล้วครับ ด่าแหลก ไม่สนใจว่าเมิ_จะเป็น ญาติติโกโหติกา ห่_เหว อะไรกันแล้วครับ
เวลาที่ผ่านมา 7เดือนกว่าๆ ไม่มีตังมาคืนผมสักบาท งานการก็มีทำมันเอาตังค์ไปทำอะไรกันหมด แต่งงานออกหน้าใหญ่โต
พอเวลาทวงหนี้ทำหน้าจ๋อย ผมประกาศลั้นบ้าน ถ้าไม่มีเงินมาคืนผม จะฟ้องศาลครับ เพราะผมมีหลักฐานคือ เสียงตอนโทรมาขอยืมเงิน
อัดไว้ทุกครั่งครับที่โทรมา + สลิปใบเสร็จเงินที่โอนเข้าบัญชี พยาน ตอนไปโอนเงินผมพาพ่อแม่ไปด้วย
และมีญาติหลายๆคนที่รู้เรื่องเงินก้อนนี้
ถ้าฟ้องไม่ได้ ผมก็บอกว่าจะบอกคนทั้งหมู่บ้านครับ (ประจาน) ว่า ยืมเงินผมมาจัดงานแต่งานให้ลูก อย่างใหญ่โต
แล้วไม่มีปัญญาหาคืนให้(สามีคุณเธอว์เป็น สธ. สท.(เขียนถูกป่าวหว่า)ไม่ใช่เสนาธิการ นะครับ) ก๊ะว่าให้อายทั้งตำบลเลย
เขาก็ขอร้องต่างๆนาๆ ซื้อตอนนี้ผมไม่นับเป็นญาติแล้วครับ ตัดขาดความสัมพันธ์ (ใครจะว่าโหดก็เชิญแต่ตังค์ผมอ่ะ
ทำงานมากว่าจะเก็บได้)...ผมเลยยื่นข้อเสนอให้ เอาที่นา สองไร่มาโอนให้ผมเลยเรื่องจะได้จบๆ
ผมให้ไร่ละ หนึ่งแสนบาทถ้วน สองไรสองแสน แต่ราคาจริงมันแสนหน่อยๆ แน่นอนครับแกไม่ยอม
ฮันแน่ไม่มีทางเลือกเล้วยังเล่นตัว ผมบอกว่านี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่งั้นถ้าฟ้องศาลเสียเย่อะว่านี้น่ะ
ไหนจะค่าทนาย บลาๆๆ จิปาถะ อื่นๆ อีกมากมาย ผมยืนคำขาดให้ว่า วันที่ 3-3-57 (ซึ่งก็คือวันนี้ที่ตั้งกระทู้)
ถ้าไม่โอนที่หรือหาเงินมาคืนให้ ได้เจอชุดใหญ่แน่(เจอที่ศาล)
สุดท้ายนี้ ผมอยากทราบว่าเรื่องนี้ผมสามารถฟ้องศาลได้ไหมครับ และหลักฐานที่กล่าวมาจะมีน้ำหนักไหมครับในการยื่นฟ้อง
สุดท้าย 2 เตือนใจหลายๆคนด้วยครับเรื่องการยืมเงินถึงขนาดของผม ที่ว่าญาติมันยังทำกับผมได้ แล้วนับอะไร กับคนที่ไม่รู้จักครับว่ามันจะคืนเงินเราหรือป่าว
ถ้ายังไงมีอัพเดทผมจะมาเขียนต่อครับ ขอบคุณที่ตามอ่านครับ
TAG ครบครัวเพราะ เกี่ยวกับการแต่งงานเพราะไปกู้เงินมาแต่งงานผมมองว่าอย่าเลยมันเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยหนี้แล้ว
TAG สีลม เพราะว่ามุนษย์เงินเดือนอย่างเราๆ กว่าจะเก็บเงินได้มามันยากนักแล
TAG สยามสแควร์ เพราะว่า วัยรุ่นทั้งหลายคิดให้ดีก่อนน่ะครับว่าทำอะไรลงไปแล้วต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นจะกลายเป็นหนี้