ผมเกาะติดสถานการณ์ของยูเครนมาหลายเดือน เพราะการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่นั่น เคียงคู่มากับของประเทศไทย
แต่วันนี้ดูเหมือนว่าจะเกิด “ภาวะสงคราม” เพราะรัสเซียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ด้านตะวันออก เตรียมส่งทหารเข้ามา เพราะว่า วิคเตอร์ ยานูโควิช ที่เคยเป็นคนของเขาถูกขับออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
เป็นการเผชิญหน้าครั้งร้ายแรงที่สุดระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก ตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลง
เป็นภาวะวิกฤติการเมืองระหว่างประเทศ ที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดสงครามมากที่สุด ตั้งแต่สหภาพโซเวียตส่งทหารเข้ายึดเชโกสโลวะเกีย เมื่อปี ค.ศ. 1968
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ยกหูโทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย พูดคุยกันยาวนานถึง 90 นาที แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง
ปูติน ขอให้รัฐสภาอนุมัติให้รัฐบาลส่งทหารเข้าไปยูเครน โดยอ้างว่าความวุ่นวายกำลังคุกคามชีวิตของคนรัสเซียที่นั่น
ไม่ต่างกับข้ออ้างที่รัสเซียใช้เพื่อจะส่งทหารเข้าจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ. 2008 เพื่อยึดสองแคว้นที่แยกเป็นอิสระจากตน
โอบามา บอกปูติน ว่า การที่รัสเซียส่งทหารเข้าไปยูเครนเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ จึงขอให้รัสเซียถอนทหารกลับไปสู่ฐานทัพเรือของตนในไครเมีย ซึ่งอยู่ทางใต้ของยูเครน
ไครเมีย เป็นสาธารณรัฐปกครองตนเองของยูเครน ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งไครเมีย แต่ก็อยู่ใต้ยูเครน เมืองหลวงชื่อ Simferopol (ซิมเฟอโรโพล) ตั้งอยู่กลางช่องแคบไครเมีย มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน ขณะที่ประเทศยูเครนมีทั้งหมด 46 ล้านคน
ที่นี่ รัสเซียมีฐานทัพใหญ่ที่เรียกว่า Black Sea Fleet ในทะเลดำ ซึ่งเป็นการเช่าจากรัฐบาลยูเครน
พอเกิดเรื่องวุ่นวายทางการเมือง ประธานาธิบดียานูโควิช ถูกรัฐสภาขับออก มีการตั้งรัฐบาลชั่วคราวที่เมืองหลวงเคียฟ ทหารรัสเซียก็เข้าไปยึดสถานที่ราชการ และท่าเรือหลายแห่งที่ไครเมีย ร้อนถึงรัฐบาลกลางที่เคียฟต้องประกาศว่านี่เป็นการ “รุกราน” ของทหารรัสเซียต่อยูเครน
นายกฯ รักษาการ ของยูเครน คือ อาร์เซนนี ยัทเซนิวอิค ประกาศว่า การส่งทหารรัสเซียเข้าไครเมียเช่นนี้ ถือว่าเป็น “การเริ่มต้นของสงครามและการสิ้นสุดของความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียแล้ว”
รัฐบาลรักษาการของยูเครน หันไปหาสหรัฐและยุโรป ขอให้ NATO ช่วยหาทางปกป้องอธิปไตยของยูเครน ไม่ให้รัสเซียเข้ามายึดครอง
โอบามา บอก ปูติน ว่า ถ้ารัสเซียเป็นห่วงกังวลสวัสดิภาพของคนเชื้อสายรัสเซียในยูเครน ก็ควรจะดำเนินการอย่างสันติ ไม่ควรส่งทหารเข้าไปยึดครองสถานที่อย่างนั้น
ปูติน ไม่ฟังเสียงผู้นำตะวันตกในเรื่องนี้เลย เพราะว่าก่อนจะพูดจากันทางโทรศัพท์หนึ่งวัน ผู้นำสหรัฐก็ออกทีวีเตือนปูติน ว่า ถ้ามอสโกทำอะไรที่ตีความว่าเป็นการเข้าไปรุกรานยูเครน ก็จะ “มีราคาที่จะต้องจ่าย”
แต่ ปูติน ไม่สน ยืนยันกับโอบามา ว่า รัสเซียสงวนสิทธิ์ที่จะ “ปกป้องผลประโยชน์ของรัสเซียและประชาชนที่มีเชื้อสายรัสเซียในยูเครน”
เท่ากับเป็นการท้าทายให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น อีกหลายดีกรีทีเดียว
ภาพจากข่าวทีวีที่ผมเห็นจากไครเมีย มีการปะทะกันระหว่างมวลชนที่อยู่ข้างรัสเซียกับฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลรักษาการที่เคียฟ (ที่ขับไล่ยานูโควิช ซึ่งเป็น “เด็กของปูติน” และวันนี้มีข่าวว่าหนีไปรัสเซียแล้ว) และมีการชักธงรัสเซียขึ้นตามตึกราชการหลายเมืองแล้ว
รัฐบาลยูเครนจึงประกาศระดมกำลังทหารเต็มอัตราศึก เพื่อตั้งรับกับการเข้ายึดของรัสเซีย
เป็นข้อพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า เมื่อบ้านเมืองขัดแย้งแตกแยก เพราะการเมืองภายในโดยไม่หาทางออกร่วมกัน ย่อมจะทำให้ประเทศอ่อนแอไม่ต่างกับคนป่วยไข้อาการหนัก เข้าห้องไอซียู และตกเป็นเหยื่อของการรุกรานของเพื่อนบ้านได้อย่างง่ายดายอย่างที่เห็นกัน
ยูเครน เป็นตัวอย่าง “รัฐล้มเหลว” ที่...ชักศึกเข้าบ้าน อย่างที่คนไทยควรจะเรียนรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงทุกย่างก้าว...ทีเดียว
Tags : ยูเครนตัวอย่างรัฐล้มเหลว • วลาดิเมียร์ ปูติน • บารัก โอบามา
http://bit.ly/1hWYlCP
ยูเครน : กลิ่นอายสงครามโชยมาแล้ว
แต่วันนี้ดูเหมือนว่าจะเกิด “ภาวะสงคราม” เพราะรัสเซียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ด้านตะวันออก เตรียมส่งทหารเข้ามา เพราะว่า วิคเตอร์ ยานูโควิช ที่เคยเป็นคนของเขาถูกขับออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
เป็นการเผชิญหน้าครั้งร้ายแรงที่สุดระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก ตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลง
เป็นภาวะวิกฤติการเมืองระหว่างประเทศ ที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดสงครามมากที่สุด ตั้งแต่สหภาพโซเวียตส่งทหารเข้ายึดเชโกสโลวะเกีย เมื่อปี ค.ศ. 1968
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ยกหูโทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย พูดคุยกันยาวนานถึง 90 นาที แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง
ปูติน ขอให้รัฐสภาอนุมัติให้รัฐบาลส่งทหารเข้าไปยูเครน โดยอ้างว่าความวุ่นวายกำลังคุกคามชีวิตของคนรัสเซียที่นั่น
ไม่ต่างกับข้ออ้างที่รัสเซียใช้เพื่อจะส่งทหารเข้าจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ. 2008 เพื่อยึดสองแคว้นที่แยกเป็นอิสระจากตน
โอบามา บอกปูติน ว่า การที่รัสเซียส่งทหารเข้าไปยูเครนเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ จึงขอให้รัสเซียถอนทหารกลับไปสู่ฐานทัพเรือของตนในไครเมีย ซึ่งอยู่ทางใต้ของยูเครน
ไครเมีย เป็นสาธารณรัฐปกครองตนเองของยูเครน ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งไครเมีย แต่ก็อยู่ใต้ยูเครน เมืองหลวงชื่อ Simferopol (ซิมเฟอโรโพล) ตั้งอยู่กลางช่องแคบไครเมีย มีประชากรประมาณ 2 ล้านคน ขณะที่ประเทศยูเครนมีทั้งหมด 46 ล้านคน
ที่นี่ รัสเซียมีฐานทัพใหญ่ที่เรียกว่า Black Sea Fleet ในทะเลดำ ซึ่งเป็นการเช่าจากรัฐบาลยูเครน
พอเกิดเรื่องวุ่นวายทางการเมือง ประธานาธิบดียานูโควิช ถูกรัฐสภาขับออก มีการตั้งรัฐบาลชั่วคราวที่เมืองหลวงเคียฟ ทหารรัสเซียก็เข้าไปยึดสถานที่ราชการ และท่าเรือหลายแห่งที่ไครเมีย ร้อนถึงรัฐบาลกลางที่เคียฟต้องประกาศว่านี่เป็นการ “รุกราน” ของทหารรัสเซียต่อยูเครน
นายกฯ รักษาการ ของยูเครน คือ อาร์เซนนี ยัทเซนิวอิค ประกาศว่า การส่งทหารรัสเซียเข้าไครเมียเช่นนี้ ถือว่าเป็น “การเริ่มต้นของสงครามและการสิ้นสุดของความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียแล้ว”
รัฐบาลรักษาการของยูเครน หันไปหาสหรัฐและยุโรป ขอให้ NATO ช่วยหาทางปกป้องอธิปไตยของยูเครน ไม่ให้รัสเซียเข้ามายึดครอง
โอบามา บอก ปูติน ว่า ถ้ารัสเซียเป็นห่วงกังวลสวัสดิภาพของคนเชื้อสายรัสเซียในยูเครน ก็ควรจะดำเนินการอย่างสันติ ไม่ควรส่งทหารเข้าไปยึดครองสถานที่อย่างนั้น
ปูติน ไม่ฟังเสียงผู้นำตะวันตกในเรื่องนี้เลย เพราะว่าก่อนจะพูดจากันทางโทรศัพท์หนึ่งวัน ผู้นำสหรัฐก็ออกทีวีเตือนปูติน ว่า ถ้ามอสโกทำอะไรที่ตีความว่าเป็นการเข้าไปรุกรานยูเครน ก็จะ “มีราคาที่จะต้องจ่าย”
แต่ ปูติน ไม่สน ยืนยันกับโอบามา ว่า รัสเซียสงวนสิทธิ์ที่จะ “ปกป้องผลประโยชน์ของรัสเซียและประชาชนที่มีเชื้อสายรัสเซียในยูเครน”
เท่ากับเป็นการท้าทายให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น อีกหลายดีกรีทีเดียว
ภาพจากข่าวทีวีที่ผมเห็นจากไครเมีย มีการปะทะกันระหว่างมวลชนที่อยู่ข้างรัสเซียกับฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลรักษาการที่เคียฟ (ที่ขับไล่ยานูโควิช ซึ่งเป็น “เด็กของปูติน” และวันนี้มีข่าวว่าหนีไปรัสเซียแล้ว) และมีการชักธงรัสเซียขึ้นตามตึกราชการหลายเมืองแล้ว
รัฐบาลยูเครนจึงประกาศระดมกำลังทหารเต็มอัตราศึก เพื่อตั้งรับกับการเข้ายึดของรัสเซีย
เป็นข้อพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า เมื่อบ้านเมืองขัดแย้งแตกแยก เพราะการเมืองภายในโดยไม่หาทางออกร่วมกัน ย่อมจะทำให้ประเทศอ่อนแอไม่ต่างกับคนป่วยไข้อาการหนัก เข้าห้องไอซียู และตกเป็นเหยื่อของการรุกรานของเพื่อนบ้านได้อย่างง่ายดายอย่างที่เห็นกัน
ยูเครน เป็นตัวอย่าง “รัฐล้มเหลว” ที่...ชักศึกเข้าบ้าน อย่างที่คนไทยควรจะเรียนรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงทุกย่างก้าว...ทีเดียว
Tags : ยูเครนตัวอย่างรัฐล้มเหลว • วลาดิเมียร์ ปูติน • บารัก โอบามา
http://bit.ly/1hWYlCP