มวลมหาประชาชน ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ อย่าเพิ่งดีใจกันไป

เห็นม๊อบฝ่อ โหรงเหรงมีคนไปร่วมน้อยจนต้องยุบเวทีไปรวกันอย่างที่เห็นนี่
ยังไม่ได้แปลว่ามวลมหาประชาชนที่เคยออกมากันเต็มถนนนั้นจะเปลี่ยนอกเปลี่ยนใจเลิกล้มความคิดต่อต้านทักษิณกันไปหรอกนะครับ
ที่เคยเกลียดก็คงยังเกลียดเหมือนเดิมนั่นแหละ เผลอๆมากกว่าเดิมซะด้วยเพราะเอาชนะมันไม่ได้ซะที
เลยพาลแค้นใจไปกว่าเก่า
กลุ่มคนที่เคยคิดโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์  กำจัดคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นคนในกองทัพ  ข้าราชการ  นักธุรกิจ
นักวิชาการ ดารา ฯลฯ
คนเหล่านี้ก็ยังมีความตั้งใจเหมือนเดิมนั่นแหละไม่ได้เปลี่ยนใจเปลี่ยนข้างกันได้ง่ายๆ
เกลียดยังไงก็ยังเกลียดเหมือนเดิม
แต่ที่ม๊อบเกิดหะหรอมห่ะแหรม ไปอย่างนี้มันก็มีสาเหตุหลักที่ผมวิแคะไปตามสติปัญญาของผมเองว่า

1.กลัวตาย  
ไม่ใช่ว่าจะมาเย้ยหยันค่อนขอดดูถูกกันหรอกนะครับ แต่นี่คือความจริง
ไม่ว่าจะสีไหนฝ่ายใด ใครก็กลัวตายทั้งนั้น
ยิ่งเป็นความตายแบบที่ไม่รู้จริงๆว่าใครทำ ตายไปเพื่ออะไรก็ไม่รู้ มันครุมเครือพวกเดียวกันก็พยายามจะให้เป็นวีรบุรุษ วีรสตรี
เพราะมันจะมีประเด็นมาให้ปลุกระดมเรียกความหึกเหิมกันต่อไป
แต่เลือกได้ไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ ต่อให้ได้พวงหรีดสวยหรูแค่ไหนก็ตาม
ยิ่งหากมีความสงสัยกับความเป็นไปได้ว่าจะตายเพราะฝีมือพวกเดียวกันเองมันยิ่งไม่ค่อยน่าตายซักเท่าไหร่
เพราะมันรู้สึกโง่ๆพิลึกนะครับ ไม่ว่าจะยกย่องเชิดชูกันแค่ไหน หากวันนึงความจริงปรากฏออกมาว่า
ที่ตายไปนั้นเพียงเพราะตกเป็นเครื่องมือให้พวกเดียวกันฆ่าเพื่อสร้างสถานะการณ์ไปต่อรองทางการเมือง
ก็จะกลายเป็ฯดวงวิญญาณโง่ๆที่เคยโดนหลอกใช้แค่นั้นเอง นำไปคุยอวดให้ลูกหลานฟังคงจะไม่ได้หรอกครับ
จากความรุนแรงที่เกิดขึ้น คนที่มีสติดีๆ ต่อให้เกลียดอีกฝ่ายยังไง ก็คงอดคิดระแวงไม่ได้หรอกว่า
อาจจะเป็นฝีมือของพวกเดียวกันก็ได้ เพราะมันมีความเป็นไปได้ หลักฐาณพยาน ความน่าจะเป็น
หลายอย่างมันก็ชี้ไปทางนั้นเช่นกัน
คือคนมีสติเนี่ยเค้าจะต้องคิดทบทวนเปรียบเทียบความเป็นไปได้ จากทั้งสองด้านนั่นแหละครับ
ถ้าเกลียดจนหน้ามืดตามัวไว้วางใจไม่คิดระแวงพวกเดียวกันอันนั้นก็คงไม่ถือได้ว่ามีสติหรอกจริงมั๊ย
เมื่อไม่แน่ใจก็ขอเชียร์อยู่ห่างๆก่อนดีกว่า
2.เหตุผลทางเศรษฐกิจ
ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า ไปร่วมม๊อบแต่ละครั้งมันมันต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมม๊อบระดับไหน
ก็ต้องจ่ายกันไปมากบ้างน้อยบ้างตามกำลัง ถึงไม่จ่ายอะไรเลย เดินทางมาก็ต้องเสียเงิน มานั่งเสียเวลาทำมาหากิน
มันก็เป็นตัวเงินเช่นกัน
อาทิตย์สองอาทิตย์ยังพอว่าแต่เยืดเยื้อป็นเดือนๆนี่มันก็ไม่ไหวหรอกครับ
ไหนจะผลกระทบที่เป็นลูกโซ่ตามมาจากการชุมนุม
จะโกหกตัวเองว่าการชุมนุมไม่ได้สร้างความเดือดร้อนไม่ได้มีผลกระทบอะไรก็ทำได้ได้แค่ชั่วครามเท่านั้นแหละ
เพราะยังไงก็หนีความจริงไม่พ้น
การชุมนุมที่ผ่านมานี่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว
ยังไงมันก็ต้องย้อนกลับมาที่ตัวผู้ร่วมชุมนุมด้วยนั่นแหละ
ช้าเร็วหนักเบากันไปตามสถานะของแต่ละคน
พ่อค้าแม่ค้าที่อินไปกับความเกลียดชังถึงกับประกาศไม่รับลูกค้าที่เห็นต่าง
ดาราที่อินไปกับอารมณ์เกลียดชังประกาศเลือกข้างสร้างศัตรู ที่เคยเป็นประชาชนที่สนับสนุนตน
พ่อค้านักธุรกิจ ข้าราชการที่ออกตัวเลือกข้างกันชัดเจน
ทุกคนล้วนจะต้องได้รับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งยังผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม ที่เกิดจากการชุมนุม มันจะต้องย้อนกลับมาสร้างความเดือดร้อนกับทุกคนอย่างทั่วหน้า
ทำกันต่อไปก็เห็นกันได้ไม่ยากหรอกว่าหายนะโดนถ้วนหน้าแน่ๆ ไม่มีทางว่าใครฝ่ายไหนจะหนีพ้นจากผลกระทบไปได้
3.นี่ก็คือสำนึกเรื่องความถูกต้อง
เป็นเหตุผลที่ผมภาวนาอยากให้เป็นเหตุผลที่มวลมหาประชาชนตัดสินใจไม่ไปร่วมม๊อบกันเหมือนตอนเฟื่องฟูที่สุด
ไม่ได้หมายความว่าสำนึกได้ว่าฝ่ายตนผิดแล้วหันมาสนับสนุนว่าฝ่ายนี้ถูกหรอกนะครับ
แต่แค่เพียงเห็นความไม่ถูกต้องของม๊อบฝ่ายตัวเองจึงตัดสินใจไม่เป็นส่วนร่วมมากกว่าความไม่ถูกต้องที่เห็นชัดเจนเช่น

-ความรุนแรง  
ผมว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลหลายท่านนั้นไม่โง่และไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดมองไม่เห็น ความรุนแรง ความโหดร้ายของฝ่ายตน ความมีจริงของการใช้อาวุธสงครามทำร้ายกัน
ความโหดร้ายป่าเถื่อนที่บรรดาการ์ดทำๆกันไป  ไม่ใช่ไม่รู้ไม่เห็นกันหรอกนะ ผมว่ารู้นะ
ลึกๆก็อาจจะมีสะใจกันบ้างที่ไปกระทำกับคนอื่น แต่จิตสำนึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็คงจะมีสะกิดให้คิดกันบ้างหรอกครับว่า
มันไม่ถูกต้อง  รับไม่ได้กับความป่าเถื่อนที่ทำๆกันไป ที่สำคัญความป่าเถื่อนเหล่านั้นมันมาลงกับประชาชนคนธรรมดา
ไม่ได้ไปลงกับคนที่ตนเกลียดเสียเมื่อไหร่
คนขับแท็กซี่เค้าก็แค่คนทำมาหากิน ตำรวจ เจ้าหน้าที่ เค้าก็แค่ทำตามหน้าที่ของเค้า
และอีกหลายต่อหลายคนที่เป็นเหยื่อความรุนแรงจากฝืมือของการ์ด ล้วนแล้วมาจากอารมณ์ความเกลียดชังไม่ได้เกิดจากอดมการณ์ทางการเมืองแม้แต่น้อย
อุดมการณ์ทางการเมืองนั้นต้องต่อสู้กันบนพื้นฐาณของความถูกต้อง
จะให้หลับหูหลับตาเชียร์ทำเป็นมองไม่เห็นความชั่วร้ายที่ฝ่ายตัวเองทำ
ผมว่าคนรักหวังดีต่อประเทศชาติเค้าไม่ทำกันหรอกครับ
เพราะความรุนแรงที่ทำไปมันก็ไม่ได้หายไปไหน ยังไงมันก็ต้องสะท้อนกลับมาเป็นความเกลียดชังที่ไม่ต่างกัน
มันเป็นสัจจะธรรม
กับความรู้สึกว่าตัวเองนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนใช้ความรุนแรงกับเพื่อนร่วมชาตินั้น
คนดีๆมีสติก็ย่อมรู้สึกอึดอัดกันเป็นธรรมดา
ยิ่งมีผู้บริสุทธิต้องมาสูญเสียกันไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนกระทำก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า
ฝ่ายตนนั้นก็มีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงนี้ขึ้นมาแน่ๆ
ยิ่งหลักฐาณความน่าจะเป็นต่างๆมันชี้มาที่ฝ่ายตัวเองว่าเป็นผู้ลงมือทำให้เด็กมาตาย คงไม่มีคนที่มีความเป็นมนุษย์คนไหนอยู่สนับสนุนได้หรอกครับ อย่างน้อยก็ต้องหยุดให้สนับสนุน รอให้ความจริงมันกระจ่างว่าใครทำก่อนชัดๆดีกว่า
จะได้ไม่ต้องมีความรู้สึกว่าเลือดเด็กมาเปื้อนมือตัวเองไปด้วย
-แนวคิดหลักการที่ไม่ถูกต้อง
แรกๆนั้นก็มีหลักการดีอยู่หรอกครับ ต่อต้านการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
แต่ไปๆมาๆกลายเป็นฝ่ายตนทำอะไรที่ไม่ถูกต้องเสียเองหลายๆครั้งก็ต้องทำให้ได้สติคิดทบทวนกันบ้างแหละครับ
ไล่นายกฯกันตามระบอบประชาธิปไตยทำไปทำมากลายเป็นกบฏล้มล้างประชาธิปไตยไปซะ
จะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างมันก็ทำให้เป็นเรื่องดีเรื่องถูกต้องกันไปไม่ได้แน่ๆ
ไปคุกคามเด็กก็ไม่ถูกต้อง
ไปใช้ถ้อยคำหยามเหยีดกันเกินความจริง ระบายอารมณ์ความเกลียดชัง มันก็ไม่ใช่หนทางการต่อสู้ทางการเมืองที่ถูก
มีแต่สร้างความเกลียดชังให้มีมากขึ้นจนมันกระจายไปทั่วแผ่นดินอย่างที่เห็น มันก็ไม่ใช่วิธีที่ถูก
การใส่ร้ายป้ายสีที่ปราศจากมูลความจริง ก็ไม่ถูกต้อง
การใช้ความรุนแรงก็ไม่ถูกต้อง
อยากมาไล่คนโกงคนทำผิดแต่ทำเป็นมองไม่เห็นความผิดของฝ่ายที่ตนเชียร์มันก็ไม่ถูกต้อง
การที่มีองค์กรณ์ที่มีอำนาจตัดสินเป็นพวก หากมีการใช้อำนาจอย่างไม่ยุติธรรมเท่าเทียม มันก็ไม่ถูกต้อง
อยากจะไล่รัฐบาลแต่มาทำร้ายสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น มันก็ไม่ถูกต้อง
รู้แก่ใจว่าต่อให้มากันเต็มถนนยังไงก็ยังเป็นแค่ประชาชนส่วนน้อย จะพยายามโวยวายอวดตัววางอำนาจยังไงมันก็จะยิ่งกลายเป็นความไม่ถูกต้อง
ผมว่าจิตสำนึกในเรื่องความถูกต้องนี่แหละที่น่าจะมีส่วนสำคัญทำให้หลายคนได้หยุดคิดทบทวนกับสิ่งที่ทำๆกันลงไปนะ
พื้นฐาณเรื่องความถูกต้องยุติธรรมมันเป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์นะ
ตั้งแต่ขี้ข้ายันเจ้านายที่อยู่เบื้องหลัง ยังไงสำนึกเรื่องนี้ก็คงยังต้องมีกันบ้างล่ะ
หลายสถาบันฯหลายองค์กรณ์ เคยมีศรัทธาเกื้อหนุนอยู่มาได้ ก็เพราะมีพื้นฐาณของความถูกต้องยุติธรรมเกื้อหนุนค้ำจุนให้เกิดศรัทธา
ศรัทธาที่มีมากันเป็นชั่วอายุคน สั่งสมมาอย่างยากลำบาก
หากจะมาสูญสลายไปเพียงเพราะการใช้อารมณ์ความเกลียดชังมุ่งทำลายโดยไม่ได้นึกถึงความถูกต้องยุติธรรม
มันก็เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก
เพราะมันไม่ใช่จะกอบกู้กลับคืนมาได้ง่ายๆนะ


           การยุบรวมเวทีนี่อาจจะมีมาจากเหตุผลอื่นๆ  แต่ที่คนมาชุมนุมกันน้อยลงผมก็วิแคะอย่างที่ว่านี่แหละ
พล่ามมาซะยาว(ตามนิสัยที่สั้นไม่เป็นซะที)ยินดีถกเถียงเสวนากับทุกท่านนะครับว่าจริงหรือไม่จริง เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
เรามาพูดคุยกันอย่างอารยะ บนความถูกต้องยุติธรรมว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
ก็คงจะดีกว่ามานั่งโพสก์ตอบโต้กันไปตามอารมณ์เกลียดชังสั้นๆ ที่ไม่ได้อิงกับข้อเท็จจริงอะไรว่ามั๊ยครับ
ประเภทสั้นๆหวังระบายอารมณ์เกลียดที่ยั่วยุเอามันศ์สะใจสะอารมณ์กันไปวันๆ ผมว่ามันไม่มีประโยชน์และไร้สาระ
ไร้สาระกันมาจนความเกลียดชังบานปลายใกล้จะต้องแยกกันอยู่นี่
น่าจะทำให้ได้สติหันมาหาทางหยุดกันได้แล้วนะครับว่ามั๊ย?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่