#ข่าวร้อนในญี่ปุ่น 🔥 ทำไมชาวญี่ปุ่นถึงเกลียดชาวต่างชาติอย่างฉับพลัน…เหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ใช่เพราะ “ความปลอดภัย"
⠀
🔴 แนวโน้มการเกลียดชาวต่างชาติในญี่ปุ่น
▪️ ในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์เกลียดชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากบนโลกออนไลน์และ SNS
▪️ มีอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ปล่อยข้อความรุนแรงต่อชาวต่างชาติ ทำให้เกิด “การผลิตความเกลียดชังซ้ำ”
▪️ การสำรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เดือนมี.ค. 2024 พบว่า 68.3% ของชาวญี่ปุ่นคิดว่ามีอคติหรือแบ่งแยกต่อชาวต่างชาติ
⠀
🔴 การเปลี่ยนแปลงจากอดีต
▪️ ในอดีตความเกลียดชังมักมุ่งไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีนหรือเกาหลี
▪️ ปัจจุบัน กระแสความเกลียดชังไม่ได้จำกัดชาติใดชาติหนึ่ง แต่กระจายไปยังหลายกลุ่ม เช่น
▪️ ชาวเคิรดในคาวากุจิ
▪️ มุสลิมที่มีการต่อต้านการสร้างมัสยิด
▪️ ชาวแอฟริกาที่เกี่ยวข้องกับประเด็น JICA “โฮมทาวน์”
▪️ คนส่วนใหญ่ที่เกลียดชาวต่างชาติ แทบไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์จริงกับชาวต่างชาติเหล่านั้น แต่เชื่อข้อมูลจาก SNS หรือ YouTube
⠀
🔴 ลักษณะเฉพาะของญี่ปุ่น
▪️ ปรากฏการณ์นี้เป็น “image-based hate” คือเกิดจากภาพลักษณ์หรือข้อมูลที่รับรู้ทางอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เกิดจากประสบการณ์ตรงหรือผลกระทบที่ชัดเจน
▪️ ต่างจากยุโรปหรืออเมริกา ที่ประชาชนอาจเกลียดชาวต่างชาติเพราะมีอาชญากรรมหรือแรงงานแย่งงานเป็นเหตุผลชัดเจน
▪️ ในญี่ปุ่นชาวต่างชาติคิดเป็นเพียง 3% ของประชากร และส่วนใหญ่ช่วยเติมเต็มแรงงานในอุตสาหกรรมที่ขาดคน เช่น ก่อสร้าง, โรงงานอาหาร, เกษตรกรรม, การดูแลผู้สูงอายุ
⠀
🔴 เศรษฐกิจและราคาสินค้าเป็นตัวเร่ง
▪️ การเกลียดชาวต่างชาติมักเกิดในช่วง ราคาสินค้าสูง (เงินเฟ้อ) หรือความลำบากทางเศรษฐกิจ
▪️ ประวัติศาสตร์แสดงว่าแนวคิดการขับไล่ชาวต่างชาติ มักเกิดซ้ำทุก ~80 ปี
▪️ ครั้งแรก: ปลายยุคเอโดะ (1860s) ราคาข้าวสูงขึ้น 8 เท่า หลังสนธิสัญญาการค้ากับสหรัฐ
▪️ ครั้งที่สอง: ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (1940s) ราคาสินค้าพุ่งสูง รัฐบาลควบคุมราคาและจัดสรรอาหาร แต่คุณภาพต่ำ ทำให้ชาวบ้านโกรธและโทษชาวต่างชาติ
▪️ ครั้งที่สาม: ปัจจุบัน (2020s) ราคาสินค้าเพิ่มสูงหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาพลังงานสูง
▪️ ในแต่ละรอบ ความโกรธของประชาชนมักไม่สามารถระบายไปยังรัฐบาลหรือผู้นำได้ จึงระบายออกไปยัง ชาวต่างชาติ
⠀
🔴 บทบาทของการเมืองและสื่อ
▪️ การเมืองบางส่วนใช้กระแสความเกลียดชาวต่างชาติเพื่อตอบสนองประชาชน
▪️ ตัวอย่างพรรค Sanseitō ใช้สโลแกน “คนญี่ปุ่นต้องมาก่อน” และกล่าวหาเรื่องชาวต่างชาติทำอาชญากรรมหรือซื้อที่ดินมากเกินไป
▪️ แม้ว่าสื่อและข้อมูลจริงชี้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ประชาชนในโลกออนไลน์เชื่อว่าผู้สมัครการเมืองพูดถูก
⠀
🟣 สรุป
▪️ ความเกลียดชาวต่างชาติในญี่ปุ่น ไม่ได้เกิดจากอาชญากรรมจริง
▪️ เกิดจาก ช่องทางปลดปล่อยความโกรธของประชาชนจากเศรษฐกิจย่ำแย่และราคาสินค้าสูง
▪️ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดซ้ำทางประวัติศาสตร์ทุก ~80 ปี เพราะคนรุ่นก่อนที่เคยเจอผลลัพธ์ของความเกลียดชังไม่ได้ถ่ายทอดบทเรียนต่อรุ่นใหม่
▪️ ปรากฏการณ์นี้สามารถเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต หากไม่เกิดการตระหนักรู้
⠀
🙏 ขอบคุณภาพและที่มาจาก
https://news.yahoo.co.jp/articles/a4f837de518f7cf69c1d551af032ab5f20b00203
CR
https://www.facebook.com/share/1BhVpBm5DS/?mibextid=wwXIfr
#ข่าวร้อนในญี่ปุ่น 🔥 ทำไมชาวญี่ปุ่นถึงเกลียดชาวต่างชาติอย่างฉับพลัน…เหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ใช่เพราะ “ความปลอดภัย"
⠀
🔴 แนวโน้มการเกลียดชาวต่างชาติในญี่ปุ่น
▪️ ในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์เกลียดชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากบนโลกออนไลน์และ SNS
▪️ มีอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ปล่อยข้อความรุนแรงต่อชาวต่างชาติ ทำให้เกิด “การผลิตความเกลียดชังซ้ำ”
▪️ การสำรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เดือนมี.ค. 2024 พบว่า 68.3% ของชาวญี่ปุ่นคิดว่ามีอคติหรือแบ่งแยกต่อชาวต่างชาติ
⠀
🔴 การเปลี่ยนแปลงจากอดีต
▪️ ในอดีตความเกลียดชังมักมุ่งไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีนหรือเกาหลี
▪️ ปัจจุบัน กระแสความเกลียดชังไม่ได้จำกัดชาติใดชาติหนึ่ง แต่กระจายไปยังหลายกลุ่ม เช่น
▪️ ชาวเคิรดในคาวากุจิ
▪️ มุสลิมที่มีการต่อต้านการสร้างมัสยิด
▪️ ชาวแอฟริกาที่เกี่ยวข้องกับประเด็น JICA “โฮมทาวน์”
▪️ คนส่วนใหญ่ที่เกลียดชาวต่างชาติ แทบไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์จริงกับชาวต่างชาติเหล่านั้น แต่เชื่อข้อมูลจาก SNS หรือ YouTube
⠀
🔴 ลักษณะเฉพาะของญี่ปุ่น
▪️ ปรากฏการณ์นี้เป็น “image-based hate” คือเกิดจากภาพลักษณ์หรือข้อมูลที่รับรู้ทางอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เกิดจากประสบการณ์ตรงหรือผลกระทบที่ชัดเจน
▪️ ต่างจากยุโรปหรืออเมริกา ที่ประชาชนอาจเกลียดชาวต่างชาติเพราะมีอาชญากรรมหรือแรงงานแย่งงานเป็นเหตุผลชัดเจน
▪️ ในญี่ปุ่นชาวต่างชาติคิดเป็นเพียง 3% ของประชากร และส่วนใหญ่ช่วยเติมเต็มแรงงานในอุตสาหกรรมที่ขาดคน เช่น ก่อสร้าง, โรงงานอาหาร, เกษตรกรรม, การดูแลผู้สูงอายุ
⠀
🔴 เศรษฐกิจและราคาสินค้าเป็นตัวเร่ง
▪️ การเกลียดชาวต่างชาติมักเกิดในช่วง ราคาสินค้าสูง (เงินเฟ้อ) หรือความลำบากทางเศรษฐกิจ
▪️ ประวัติศาสตร์แสดงว่าแนวคิดการขับไล่ชาวต่างชาติ มักเกิดซ้ำทุก ~80 ปี
▪️ ครั้งแรก: ปลายยุคเอโดะ (1860s) ราคาข้าวสูงขึ้น 8 เท่า หลังสนธิสัญญาการค้ากับสหรัฐ
▪️ ครั้งที่สอง: ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (1940s) ราคาสินค้าพุ่งสูง รัฐบาลควบคุมราคาและจัดสรรอาหาร แต่คุณภาพต่ำ ทำให้ชาวบ้านโกรธและโทษชาวต่างชาติ
▪️ ครั้งที่สาม: ปัจจุบัน (2020s) ราคาสินค้าเพิ่มสูงหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาพลังงานสูง
▪️ ในแต่ละรอบ ความโกรธของประชาชนมักไม่สามารถระบายไปยังรัฐบาลหรือผู้นำได้ จึงระบายออกไปยัง ชาวต่างชาติ
⠀
🔴 บทบาทของการเมืองและสื่อ
▪️ การเมืองบางส่วนใช้กระแสความเกลียดชาวต่างชาติเพื่อตอบสนองประชาชน
▪️ ตัวอย่างพรรค Sanseitō ใช้สโลแกน “คนญี่ปุ่นต้องมาก่อน” และกล่าวหาเรื่องชาวต่างชาติทำอาชญากรรมหรือซื้อที่ดินมากเกินไป
▪️ แม้ว่าสื่อและข้อมูลจริงชี้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ประชาชนในโลกออนไลน์เชื่อว่าผู้สมัครการเมืองพูดถูก
⠀
🟣 สรุป
▪️ ความเกลียดชาวต่างชาติในญี่ปุ่น ไม่ได้เกิดจากอาชญากรรมจริง
▪️ เกิดจาก ช่องทางปลดปล่อยความโกรธของประชาชนจากเศรษฐกิจย่ำแย่และราคาสินค้าสูง
▪️ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดซ้ำทางประวัติศาสตร์ทุก ~80 ปี เพราะคนรุ่นก่อนที่เคยเจอผลลัพธ์ของความเกลียดชังไม่ได้ถ่ายทอดบทเรียนต่อรุ่นใหม่
▪️ ปรากฏการณ์นี้สามารถเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต หากไม่เกิดการตระหนักรู้
⠀
🙏 ขอบคุณภาพและที่มาจาก https://news.yahoo.co.jp/articles/a4f837de518f7cf69c1d551af032ab5f20b00203
CR https://www.facebook.com/share/1BhVpBm5DS/?mibextid=wwXIfr