เป็นข้อมูลบางส่วนที่รวบรวมมาได้ เกี่ยวกับอาวุธสงครามประเภทนี้ครับ
หากสมาชิกท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ลงไว้ได้ครับ หรือหากเห็นว่าข้อมูลจุดใดที่ไม่ถูกต้อง ก็ลงไว้ได้ครับ ผมจะแก้ไขให้ครับ
ขอบคุณครับ
M-79 m203 M32milkor
เป็นเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม. สามารถยิงกระสุนได้หลายแบบ ทั้งหัวระเบิด แกสน้ำตา กระสุนควันสี กระสุนส่องแสง กระสุนพลุ กระสุนลูกปราย กระสุนยางสำหรับปราบจลาจล
หลักการทำงานของกระสุน คือ เมื่อยิงพ้นจากลำกล้องไป กระสุนจะหมุนรอบตัวตามเกลียวลำกล้อง เมื่อกระสุนหมุนรอบตัวเองครบจำนวนเกลียวที่อยู่ภายใน (ระยะปลดชนวนประมาณ 15-20 เมตร แล้วแต่ความยาวลำกล้อง) ก็จะปลดชนวนความปลอดภัยออก ทำให้เมื่อกระทบเป้าหมายแล้ว เกิดการระเบิด
บางครั้งหากยิงเข้าสุ่เป้าหมายใกล้เกินไป ก็อาจจะทำให้กระสุนไม่ทำงาน เช่นในคดีที่มีการรุมยิงถล่มรถ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็มีการใช้ M79 ยิงด้วย แต่ไม่เกิดระเบิด กระสุนพุ่งเข้าปะทะตัวถังของรถโดยสารประจำทางไปอยูบนรถ โดยไม่เกิดการระเบิด เนื่องจากกระสุนไม่ครบวงรอบปลดชนวน
หรือหากกระทบเป้าหมายที่มีความอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นมากเกินไปเช่น โคลน เลน ผ้าใบ ใบไม้ ก็อาจจะไม่ระเบิด
การหน่วงเวลาปลดชนวนมีไว้เพื่อความปลอดภัยในการเคลื่อนย้าย หรือการยิงโดยไม่ตั้งใจซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อผู้ยิงเอง
เครื่องยิงลูกระเบิดในประเภทนี้ ที่นิยมใช้จะแบ่งออกได้ ประมาณ 3 รุ่น คือ
M79 - บรรจุได้ครั้งละ 1 นัด ใช้เวลายิงประมาณ 5วินาที ต่อ 1 นัด หรือ ราวๆ 6 นัด ต่อนาที
M203 - เครื่องยิงแบบติดตั้งบนปืนไรเฟิลอัตโนมัติ บรรจุได้ครั้งละ 1 นัด ใช้เวลายิงประมาณ 5 วินาทีต่อนัด หรือ ราว 6 นัดต่อนาที ความแม่นยำต่ำกว่า M79 เล็กน้อย
M32 milkor - เครื่องยิงกระสุนแบบต่อเนื่อง บรรจุ 6 นัดแบบลูกโม่ ใช้เวลายิงประมาณ 2 วินาทีต่อ 1 นัด ติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้มากมาย
จากการที่มีการยิงถล่ม ศรส. และอีกนัดยิงไปที่ tpbs จากแหล่งข่าวบางแห่งรายงานว่า มีการตรวจสอบจากกระสุนนัดที่ไม่ระเบิด (ศรส) พบว่าเป็นการยิงจากเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดยิงต่อเนื่อง ซึ่งในกรณีนี้ ก็จะมี M32 milkor เท่านั้น ที่เป็นเครื่องยิงแบบต่อเนื่อง
ตามรายงานที่ได้อ่าน พบว่า เป็นการตรวจสอบจากร่องรอยของ ร่องเกลียวลำกล้อง ที่พบบนตัวกระสุน พบว่า เป็นรอยที่เกิดจากการยิงของ M32
ตรงนี้ มีคำถามที่น่าสนใจคือ ตามหลักทั่วไปแล้ว ปืนทั้ง 3 ชนิดนี้ ใช้กระสุนแบบเดียวกัน กระสุนทำงานหน่วงเวลาด้วยวิธีเดียวกัน ดังนั้นเพื่อให้ผลการยิงอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากใช้กระสุนร่วมกัน เกลียวของลำกล้องซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องนี้ จึงควรที่จะ
- หมุนเวียนไปทางเดียวกัน
- วงรอบเกลียวมีขนาดใกล้เคียงกัน
จากการตรวจสอบพบว่า
M79 มี 6 ร่องเกลียว เวียนขวา ความยาวครบรอบเกีลยว 48 นิ้ว ร่องเกลียวลึก 0.02 นิ้ว
M203 มี 6 ร่องเกลียว เวียนขวา ความยาวครบรอบเกีลยว 48 นิ้ว ร่องเกลียวลึก 0.01 นิ้ว
M32 มี 6 น่องเกลียว เวียนขวา ความยาวครบรอบเกลียวที่ 1200 มม. (47.2นิ้ว) ความลึกของร่องเกียว ไม่ระบุ
จะเห็นได้ว่ามีขนาดร่องเกลียวที่ใกล้เคียงกันมาก จนไม่อาจระบุได้ด้วยตาเปล่า หากต้องการผลพิสูจน์ที่แน่นอนชัดเจน ต้องตรวจสอบด้วยเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงจริงๆ จึงจะสามารถระบุได้ชัดเจนว่ายิงมาจากเครื่องยิงประเภทใด
*** จุดนี้ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐาน ทำอย่างไรบ้าง จึงได้ผลสรุปออกมาว่า ยิงจาก M32 ????
ดังนั้น ผมก็ไม่ฟันธงเหมือนกันนะครับ ว่า ยิงมาจากเครื่องยิงรุ่นไหนกันแน่ ***
ถ้าหากสามารถระบุได้ชัดเจนแน่นอนแล้วว่า ถูกยิงมาจาก M32 จริง
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในประเทศไทยมีเพียงกองทัพเรือเท่านั้น ที่มี M32 เข้าประจำการใช้งาน
ดังนั้นกองทัพเรือควรที่จะรีบเช็ครายงานการเบิกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ว่ายังอยู่ครบ หรือมีกำลังพลหน่วยใดเบิกไปใช้งานบ้าง
เพื่อความโปร่งใส ของกองทัพเรือเองครับ
เรื่อง M79 M32 ที่ยิงเข้าไปที่ ศรส ครับ
หากสมาชิกท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ลงไว้ได้ครับ หรือหากเห็นว่าข้อมูลจุดใดที่ไม่ถูกต้อง ก็ลงไว้ได้ครับ ผมจะแก้ไขให้ครับ
ขอบคุณครับ
M-79 m203 M32milkor
เป็นเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม. สามารถยิงกระสุนได้หลายแบบ ทั้งหัวระเบิด แกสน้ำตา กระสุนควันสี กระสุนส่องแสง กระสุนพลุ กระสุนลูกปราย กระสุนยางสำหรับปราบจลาจล
หลักการทำงานของกระสุน คือ เมื่อยิงพ้นจากลำกล้องไป กระสุนจะหมุนรอบตัวตามเกลียวลำกล้อง เมื่อกระสุนหมุนรอบตัวเองครบจำนวนเกลียวที่อยู่ภายใน (ระยะปลดชนวนประมาณ 15-20 เมตร แล้วแต่ความยาวลำกล้อง) ก็จะปลดชนวนความปลอดภัยออก ทำให้เมื่อกระทบเป้าหมายแล้ว เกิดการระเบิด
บางครั้งหากยิงเข้าสุ่เป้าหมายใกล้เกินไป ก็อาจจะทำให้กระสุนไม่ทำงาน เช่นในคดีที่มีการรุมยิงถล่มรถ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็มีการใช้ M79 ยิงด้วย แต่ไม่เกิดระเบิด กระสุนพุ่งเข้าปะทะตัวถังของรถโดยสารประจำทางไปอยูบนรถ โดยไม่เกิดการระเบิด เนื่องจากกระสุนไม่ครบวงรอบปลดชนวน
หรือหากกระทบเป้าหมายที่มีความอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นมากเกินไปเช่น โคลน เลน ผ้าใบ ใบไม้ ก็อาจจะไม่ระเบิด
การหน่วงเวลาปลดชนวนมีไว้เพื่อความปลอดภัยในการเคลื่อนย้าย หรือการยิงโดยไม่ตั้งใจซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อผู้ยิงเอง
เครื่องยิงลูกระเบิดในประเภทนี้ ที่นิยมใช้จะแบ่งออกได้ ประมาณ 3 รุ่น คือ
M79 - บรรจุได้ครั้งละ 1 นัด ใช้เวลายิงประมาณ 5วินาที ต่อ 1 นัด หรือ ราวๆ 6 นัด ต่อนาที
M203 - เครื่องยิงแบบติดตั้งบนปืนไรเฟิลอัตโนมัติ บรรจุได้ครั้งละ 1 นัด ใช้เวลายิงประมาณ 5 วินาทีต่อนัด หรือ ราว 6 นัดต่อนาที ความแม่นยำต่ำกว่า M79 เล็กน้อย
M32 milkor - เครื่องยิงกระสุนแบบต่อเนื่อง บรรจุ 6 นัดแบบลูกโม่ ใช้เวลายิงประมาณ 2 วินาทีต่อ 1 นัด ติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้มากมาย
จากการที่มีการยิงถล่ม ศรส. และอีกนัดยิงไปที่ tpbs จากแหล่งข่าวบางแห่งรายงานว่า มีการตรวจสอบจากกระสุนนัดที่ไม่ระเบิด (ศรส) พบว่าเป็นการยิงจากเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดยิงต่อเนื่อง ซึ่งในกรณีนี้ ก็จะมี M32 milkor เท่านั้น ที่เป็นเครื่องยิงแบบต่อเนื่อง
ตามรายงานที่ได้อ่าน พบว่า เป็นการตรวจสอบจากร่องรอยของ ร่องเกลียวลำกล้อง ที่พบบนตัวกระสุน พบว่า เป็นรอยที่เกิดจากการยิงของ M32
ตรงนี้ มีคำถามที่น่าสนใจคือ ตามหลักทั่วไปแล้ว ปืนทั้ง 3 ชนิดนี้ ใช้กระสุนแบบเดียวกัน กระสุนทำงานหน่วงเวลาด้วยวิธีเดียวกัน ดังนั้นเพื่อให้ผลการยิงอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากใช้กระสุนร่วมกัน เกลียวของลำกล้องซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องนี้ จึงควรที่จะ
- หมุนเวียนไปทางเดียวกัน
- วงรอบเกลียวมีขนาดใกล้เคียงกัน
จากการตรวจสอบพบว่า
M79 มี 6 ร่องเกลียว เวียนขวา ความยาวครบรอบเกีลยว 48 นิ้ว ร่องเกลียวลึก 0.02 นิ้ว
M203 มี 6 ร่องเกลียว เวียนขวา ความยาวครบรอบเกีลยว 48 นิ้ว ร่องเกลียวลึก 0.01 นิ้ว
M32 มี 6 น่องเกลียว เวียนขวา ความยาวครบรอบเกลียวที่ 1200 มม. (47.2นิ้ว) ความลึกของร่องเกียว ไม่ระบุ
จะเห็นได้ว่ามีขนาดร่องเกลียวที่ใกล้เคียงกันมาก จนไม่อาจระบุได้ด้วยตาเปล่า หากต้องการผลพิสูจน์ที่แน่นอนชัดเจน ต้องตรวจสอบด้วยเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงจริงๆ จึงจะสามารถระบุได้ชัดเจนว่ายิงมาจากเครื่องยิงประเภทใด
*** จุดนี้ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐาน ทำอย่างไรบ้าง จึงได้ผลสรุปออกมาว่า ยิงจาก M32 ????
ดังนั้น ผมก็ไม่ฟันธงเหมือนกันนะครับ ว่า ยิงมาจากเครื่องยิงรุ่นไหนกันแน่ ***
ถ้าหากสามารถระบุได้ชัดเจนแน่นอนแล้วว่า ถูกยิงมาจาก M32 จริง
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ในประเทศไทยมีเพียงกองทัพเรือเท่านั้น ที่มี M32 เข้าประจำการใช้งาน
ดังนั้นกองทัพเรือควรที่จะรีบเช็ครายงานการเบิกจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ว่ายังอยู่ครบ หรือมีกำลังพลหน่วยใดเบิกไปใช้งานบ้าง
เพื่อความโปร่งใส ของกองทัพเรือเองครับ