ดูจากหน้าหนังแล้ว มันน่าจะเป็นหนังแอคชั่นระดับกลางๆ ที่น่าจะพอสร้างความบันเทิงได้บ้าง ไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็น่าจะสนุกพอที่จะเข้าไปดูแก้เบื่อ สำหรับคนที่ไม่มีอะไรทำในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ถ้าคุณคิดจะไปดูหนังเรื่องนี้เพื่อแก้เบื่อ ผมกลัวว่ามันจะทำให้คุณเซ็งชีวิตหนักขึ้นไปอีก
และถ้าคุณ คิดจะชวนสาวหรือหนุ่ม ไปดูหนังเพื่อออกเดทล่ะก้อ การพาเขาหรือเธอไปดูหนังเรื่องนี้ อาจทำให้ความสัมพันธ์ของพวกคุณเข้าขั้นหายนะ มองหน้ากันไม่ติดอีกตลอดไปเลยก็ได้
เนื้อเรื่องเหมือนจะน่าสนใจ นักฆ่า CIA มือฉกาจ ที่ตรวจพบว่าตัวเองมีอาการป่วยร้ายแรงใกล้ตาย (ด้วยโรคอะไรก็ไม่รู้) จึงตัดสินใจที่จะรามือจากวงการเพื่อกลับไปใช้เวบาที่เหลืออยู่ในการสานความสัมพันธ์กับภรรยาและลูกสาววัยรุ่นที่เขาทอดทิ้งมานาน แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้รับมอบหมายภารกิจครั้งสุดท้ายให้ไปสังหารผู้ก่อการร้ายอะไรสักอย่าง มองจากพล็อทแล้วเหมือนจะพอสร้างเป็นหนังที่พอดูได้สักเรื่องหนึ่ง แล้วยังได้นักแสดงระดับ เควิน คอสเนอร์ มาแสดงนำด้วย น่าจะพอทำเงินได้บ้าง
ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ มันเป็นหนังแอคชั่นคอเมดี้ คือมีส่วนผสมของมุขตลกเข้ามาเยอะมาก และใครก็ตามที่เป็นคนคิดมุกตลก เหตุการณ์ตลกๆ ในหนังเรื่องนี้ ต้องขอบอกเลยว่า คุณมี sense มุกตลก ที่ฝืดมากๆ แต่เหมือนเขาจะไม่รู้ตัว เขามั่นใจมากว่า มุกตลกเขาขำสุดๆ โดนสุดๆ คนดูฮากลิ้งแน่ๆกับฉากนี้ ก็เลยประเคนมุกตลกมาแบบเต็มที่ แต่อยากจะบอกว่า มุกตลกแต่ละมุกในหนังเรื่องนี้ ทั้งฝืด ทั้งเพลียมากๆ
เรื่องเนื้อเรื่องก็ต้องบอกว่า เข้าขั้นเละเทะ คือถ้าทำให้เรื่องมันง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ มันก็อาจจะไม่ถึงขั้นน่าเบื่อจนทนไม่ไหว แต่ทีนี้ผู้สร้างเขากลัวหนังเละเทะไม่พอหรือไงไม่รู้ เขาเลยเพิ่มพล็อทรองๆ เพิ่มรายละเอียดพิลึกๆอะไรเข้ามาในหนังอีกตั้งมากมายทำไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาอาศัยในบ้านพระเอก อาการป่วยของพระเอกที่กำเริบเวลาตื่นเต้น หรือลูกสาวที่มีปัญหาวัยรุ่นแบบพิลึกๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มความนานให้กับหนัง ซึ่งความนานที่มากขึ้น เท่ากับความเบื่อที่เพิ่มขึ้น
ไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้ มีบทหนังหรือเปล่า เพราะบทพูด บทเจรจาอะไร มันดูมั่วๆ ไร้ทิศทางยังไงไม่รู้ ถ้ามีบทหนังแล้ว หนังออกมาเป็นแบบนี้ การไม่มีบทหนังอาจจะดีกว่าก็ได้
นอกจากนี้ การตัดต่อและลำดับภาพของหนังเรื่องนี้อยู่ในขั้นเลวร้ายมาก เรียกได้ว่าหนังแผ่นยังทำออกมาได้มีคุณภาพกว่า ตัดต่อไม่เนียน สะดุด หลายๆฉากเหมือนภาพยังมาไม่หมดเลย รีบตัดไปเป็นอีกภาพหนึ่งล่ะ จะรีบไปไหน
ฉากแอคชั่นที่มีอยู่น้อยนิด ก็ถ่ายทำกันแบบ เหมือนงบถ่ายหนังหมด แบบได้แค่ไหน ก็เอาแค่นั้น
ส่วน เควิน คอสเนอร์ ก็แสดงหนังเรื่องนี้ เหมือนคนโดนบังคับ หรือโดนหลอกให้มาแสดง
ว่ามาเยอะแล้ว ทีนี้มาลองหาข้อดีๆของหนังเรื่องนี้บ้าง ถ้าพอมีอยู่
ถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์ ของเมืองปารีส ออกมาสวยใช้ได้ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด ก็ดูสวยดึงดูดอยู่ เวลาเธอปรากฎบนจอ
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ถ้าคุณคิดว่า วันหยุดของคุณยังน่าเบื่อไม่พอ คุณก็อาจจะเลือกที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ก็ได้ คุณจะได้จดจำไว้เลย หรือจะได้ตั้ง status บน facebook ตัวเองได้ว่า วันหยุดที่ห่วยที่สุดในชีวิตของฉัน
หรือใครอยากเลิกกับแฟน แต่ยังหาเรื่องชวนทะเลาะกันไม่ได้ ก็พาไปดูหนังเรื่องนี้ซะ
ครึ่ง ดาว ยังรู้สึกว่าเยอะเกินไปสำหรับหนังเรื่องนี้ (จาก 5 ดาวเต็ม)
สารวัตรโรงหนังไปดูมาแล้ว "3 Days To Kill" รักใคร ชอบใคร อย่าชวนไปดูหนังเรื่องนี้
และถ้าคุณ คิดจะชวนสาวหรือหนุ่ม ไปดูหนังเพื่อออกเดทล่ะก้อ การพาเขาหรือเธอไปดูหนังเรื่องนี้ อาจทำให้ความสัมพันธ์ของพวกคุณเข้าขั้นหายนะ มองหน้ากันไม่ติดอีกตลอดไปเลยก็ได้
เนื้อเรื่องเหมือนจะน่าสนใจ นักฆ่า CIA มือฉกาจ ที่ตรวจพบว่าตัวเองมีอาการป่วยร้ายแรงใกล้ตาย (ด้วยโรคอะไรก็ไม่รู้) จึงตัดสินใจที่จะรามือจากวงการเพื่อกลับไปใช้เวบาที่เหลืออยู่ในการสานความสัมพันธ์กับภรรยาและลูกสาววัยรุ่นที่เขาทอดทิ้งมานาน แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้รับมอบหมายภารกิจครั้งสุดท้ายให้ไปสังหารผู้ก่อการร้ายอะไรสักอย่าง มองจากพล็อทแล้วเหมือนจะพอสร้างเป็นหนังที่พอดูได้สักเรื่องหนึ่ง แล้วยังได้นักแสดงระดับ เควิน คอสเนอร์ มาแสดงนำด้วย น่าจะพอทำเงินได้บ้าง
ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ มันเป็นหนังแอคชั่นคอเมดี้ คือมีส่วนผสมของมุขตลกเข้ามาเยอะมาก และใครก็ตามที่เป็นคนคิดมุกตลก เหตุการณ์ตลกๆ ในหนังเรื่องนี้ ต้องขอบอกเลยว่า คุณมี sense มุกตลก ที่ฝืดมากๆ แต่เหมือนเขาจะไม่รู้ตัว เขามั่นใจมากว่า มุกตลกเขาขำสุดๆ โดนสุดๆ คนดูฮากลิ้งแน่ๆกับฉากนี้ ก็เลยประเคนมุกตลกมาแบบเต็มที่ แต่อยากจะบอกว่า มุกตลกแต่ละมุกในหนังเรื่องนี้ ทั้งฝืด ทั้งเพลียมากๆ
เรื่องเนื้อเรื่องก็ต้องบอกว่า เข้าขั้นเละเทะ คือถ้าทำให้เรื่องมันง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ มันก็อาจจะไม่ถึงขั้นน่าเบื่อจนทนไม่ไหว แต่ทีนี้ผู้สร้างเขากลัวหนังเละเทะไม่พอหรือไงไม่รู้ เขาเลยเพิ่มพล็อทรองๆ เพิ่มรายละเอียดพิลึกๆอะไรเข้ามาในหนังอีกตั้งมากมายทำไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาอาศัยในบ้านพระเอก อาการป่วยของพระเอกที่กำเริบเวลาตื่นเต้น หรือลูกสาวที่มีปัญหาวัยรุ่นแบบพิลึกๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มความนานให้กับหนัง ซึ่งความนานที่มากขึ้น เท่ากับความเบื่อที่เพิ่มขึ้น
ไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้ มีบทหนังหรือเปล่า เพราะบทพูด บทเจรจาอะไร มันดูมั่วๆ ไร้ทิศทางยังไงไม่รู้ ถ้ามีบทหนังแล้ว หนังออกมาเป็นแบบนี้ การไม่มีบทหนังอาจจะดีกว่าก็ได้
นอกจากนี้ การตัดต่อและลำดับภาพของหนังเรื่องนี้อยู่ในขั้นเลวร้ายมาก เรียกได้ว่าหนังแผ่นยังทำออกมาได้มีคุณภาพกว่า ตัดต่อไม่เนียน สะดุด หลายๆฉากเหมือนภาพยังมาไม่หมดเลย รีบตัดไปเป็นอีกภาพหนึ่งล่ะ จะรีบไปไหน
ฉากแอคชั่นที่มีอยู่น้อยนิด ก็ถ่ายทำกันแบบ เหมือนงบถ่ายหนังหมด แบบได้แค่ไหน ก็เอาแค่นั้น
ส่วน เควิน คอสเนอร์ ก็แสดงหนังเรื่องนี้ เหมือนคนโดนบังคับ หรือโดนหลอกให้มาแสดง
ว่ามาเยอะแล้ว ทีนี้มาลองหาข้อดีๆของหนังเรื่องนี้บ้าง ถ้าพอมีอยู่
ถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์ ของเมืองปารีส ออกมาสวยใช้ได้ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด ก็ดูสวยดึงดูดอยู่ เวลาเธอปรากฎบนจอ
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ถ้าคุณคิดว่า วันหยุดของคุณยังน่าเบื่อไม่พอ คุณก็อาจจะเลือกที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ก็ได้ คุณจะได้จดจำไว้เลย หรือจะได้ตั้ง status บน facebook ตัวเองได้ว่า วันหยุดที่ห่วยที่สุดในชีวิตของฉัน
หรือใครอยากเลิกกับแฟน แต่ยังหาเรื่องชวนทะเลาะกันไม่ได้ ก็พาไปดูหนังเรื่องนี้ซะ
ครึ่ง ดาว ยังรู้สึกว่าเยอะเกินไปสำหรับหนังเรื่องนี้ (จาก 5 ดาวเต็ม)