สวัสดีค่ะ
นี่เป็นกระทูแรกที่ตั้งแบบจริงจัง
ปกติจะเข้ามาส่องของกิน ที่กิน เด็ดๆ มากกว่า จนเมื่อวานอาหารจานนี้......

รูปลักษณ์ การจัดจาน อาจไม่สวยงามนะคะ จานเก่าไปนิสส แต่รสชาตินี่ เหลือร้ายมากค่ะเพราะยายเป็นคนทำให้กิน
เรื่องราวของเรากับอาหารจานนี้มันเริ่มจากว่า
เราเป็น นศ.มหาวิทยาลัย ที่เรียนใกล้จบแล้ว พื้นเพเป็นเด็ก ตจว. อยู่เพชรบุรีค่ะ ที่บ้านขายข้าวแกง
เลยชินกับข้าวแกง น้ำพริก ปลาทู แล้วก็อาหารบ้านๆ มาตั้งแต่เกิด
ใช้ชีวิตเหมือนเด็ก ตจว. ธรรมดาทั่วไป พอเรียนจบ ปวช.ก็ตัดสินใจบอกที่บ้านว่า
“หนูจะไปเรียนกรุงเทพนะ จะไปอยู่กับแม่” บอกก่อนว่าบ้านที่เพชรเรามี น้าสาว ยาย น้องสาว น้องชาย
แต่ด้วยความที่ที่บ้านค่อนข้างเข้มงวดโดยเฉพาะยายจะดุมาก ออกไปไหนเย็นมากก็ไม่ได้
ทุ่มนึงก็เรียกเข้าบ้านแล้ว ตอนนั้นเราจะชอบบ่นว่า บ้านไม่หนีไปไหนหรอก แต่บ่นในใจนะ ไม่ได้พูดออกไป 55
เสาร์อาทิตย์นี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกับใครเค้าหรอก
เพราะต้องช่วยที่บ้านทำงาน ไม่เคยได้ตื่นสายๆ เหมือนเพื่อนเพราะที่บ้านขายตั้งแต่เช้า
ต้องลุกมาช่วยงาน ความรู้สึกตอนนั้น อยากเป็นอิสระ อยากใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป
เลยบอกว่าจะมาเรียนกรุงเทพ จนในที่สุดก็ได้มาเรียนสมใจ.....
แต่พอได้มาเรียนที่กรุงเทพแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันไว้ค่ะ
จริงอยู่ว่าได้ตื่นสายเพราะแม่ไม่เข้มงวดกับเราเลย เลี้ยงแบบปล่อยๆ 55
ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนมากขึ้น ไปนู้นไปนี่มากขึ้น จนเวลาผ่านไปสักพัก
วันหนึ่งเดินกลับมาจากม. ด้วยความหิวมาก
(เราพักกับแม่และที่พักก็ใกล้มหาลัยมากเลยแค่ ป้ายรถเมล์เดียวเอง)
เพราะเลิกเย็นก็เดินๆๆๆ กลับมาถึงห้อง แม่ยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน เปิดห้องเข้ามา
เงียบ.... ไม่มีอะไรกิน อยู่คนเดียว...
แถวๆที่พักก็แทบไม่มีอะไรให้ซื้อกินเลย อารมณ์หิวและเหงา
เลยคิดถึงที่บ้าน ว่าถ้าอยู่บ้านคงมีกับข้าวเยอะแยะ
กลับมาถึงบ้านคงเจอ ยาย น้า น้อง คนข้างบ้าน ได้ออกไปคุยเล่นกับพี่ๆแถวบ้าน
จุดนั้นร้องไห้เลยค่ะ ไม่รู้ทำไมแต่มันตื้อๆ เลยร้องออกมาพลางเดินไปต้มมาม่ากิน
มานั่งนึกว่า เมื่อก่อนตอนอยู่บ้าน ตื่นเช้ามาก็มีกับข้าวกินอร่อยๆ น้ำพริก ผัก หมูทอด แกงนู้น แกงนี้ เต็มไปหมด
ตอนนี้กับข้าวที่เคยกินกลับต้องห่อมาจากเพชรกว่าจะมาถึงที่เราอยู่ก็หมดอร่อย มันรู้สึกหดหู่ในใจ คิดถึงบ้าน....
นั่นแหละค่ะ ก็อยู่มาจนวันนี้ พอดีเมื่อวาน ยายมาหาหมอที่กรุงเทพ
ปกติยายจะมาแค่คืนเดียวแล้วกลับไม่เคยอยู่นานเพราะแกเบื่อกรุงเทพ
แต่คราวนี้มาอยู่อาทิตย์นึงเพราะต้องหาหมอ 3 ครั้ง
ตอนที่เรานั่งพิมพ์ๆๆๆ งานอยู่หน้าจอคอม ยายก็เรียกเราบอกว่า เลิกเล่นก่อนมากินข้าว
เราก็ลุกไป อาหารที่ยายทำให้ก็คือ น้ำพริก ปลาทูทอด 2 ตัว แล้วก็ไข่เจียว
ตอนเห็นว่ายายทำให้แล้วเอามาวางให้เรากิน ความรู้สึกมันดีมากอ่ะ
จำไม่ได้แล้วว่าได้กินกับข้าวฝีมือยายแบบร้อนๆ สดๆ ครั้งสุดท้ายตอนไหน
พอเห็นกับข้าวก็หันไปมองยาย ยายแก่ลงมากจากตอนนั้น
ด้วยความที่เป็นโรคหัวใจ ยายบ่นน้อยลง เพราะไม่แข็งแรงเหมือนเก่า
และอารมณ์อ่อนไหวก็เข้าครอบงำ กินไปน้ำตาก็ไหล....
ตอนนี้เราไม่มีใครมาดุด่า ว่าอย่าเข้าบ้านดึก ไม่มีใครมาคอยเตือน คอยเรียกให้กินข้าว อาบน้ำ
เพราะแม่เราทำงานกลับมาก็ 3-4ทุ่ม ออกก็เช้า เราเลยอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่
ตอนนั้นคิดเลยว่า อยากเรียนจบไวๆ จะได้กลับไปอยู่บ้าน อยากกลับไปกินกับข้าวที่บ้าน
กับข้าวบ้านๆ ที่รสชาติธรรมดาแต่กินได้ไม่เคยเบื่อ
กลับไปยืนล้างจาน ช่วยที่บ้านทำงานบ้าง เพราะตอนนี้ที่บ้านทำกันอยู่ 2 คนยายกับน้าสาว
ถ้าน้องสาวเราว่างก็จะได้ช่วยบ้างเสาร์อาทิตย์
เรารู้สึกสงสารว่ายายเราอายุมากแล้วทำไมยังต้องตื่นเช้าๆ มาทำงาน
เราอยากเลี้ยงยายบ้างเหมือนที่ยายเลี้ยงเรามาตั้งแต่เกิด
กับข้าวจานนี้มันทำให้เราเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาแวบหนึ่ง
จนร้องไห้ออกมา จะบอกว่า อาหารเป็นสิ่งที่ให้มากกว่าความอิ่มท้อง
มันมีความรัก ความห่วงใยอยู่ในนั้นด้วย
เบื่อมั๊ยกับอาหารแช่แข็งที่รสชาติจะอร่อยก็ไม่อร่อย
เบื่อมั๊ยกับอาหารแพงๆ ที่รสชาติธรรมดาแต่แพงเพราะตรายี่ห้อ
อาหารเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงเราทั้งร่างกายและจิตใจเราว่านะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย
สุดท้ายจริงๆ อยากบอกว่า ครอบครัวเป็นอะไรที่ถ้าไม่มีใครบนโลกรักเราแล้ว
พวกเค้าจะเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่อยู่กับเราจริงๆค่ะ
ลองอ่านกระทู้นี้ แล้วคุณจะรู้ว่า นี่ไม่ใช่แค่น้ำพริก ปลาทู ไข่เจียวธรรมดาๆ ...
นี่เป็นกระทูแรกที่ตั้งแบบจริงจัง
ปกติจะเข้ามาส่องของกิน ที่กิน เด็ดๆ มากกว่า จนเมื่อวานอาหารจานนี้......
รูปลักษณ์ การจัดจาน อาจไม่สวยงามนะคะ จานเก่าไปนิสส แต่รสชาตินี่ เหลือร้ายมากค่ะเพราะยายเป็นคนทำให้กิน
เรื่องราวของเรากับอาหารจานนี้มันเริ่มจากว่า
เราเป็น นศ.มหาวิทยาลัย ที่เรียนใกล้จบแล้ว พื้นเพเป็นเด็ก ตจว. อยู่เพชรบุรีค่ะ ที่บ้านขายข้าวแกง
เลยชินกับข้าวแกง น้ำพริก ปลาทู แล้วก็อาหารบ้านๆ มาตั้งแต่เกิด
ใช้ชีวิตเหมือนเด็ก ตจว. ธรรมดาทั่วไป พอเรียนจบ ปวช.ก็ตัดสินใจบอกที่บ้านว่า
“หนูจะไปเรียนกรุงเทพนะ จะไปอยู่กับแม่” บอกก่อนว่าบ้านที่เพชรเรามี น้าสาว ยาย น้องสาว น้องชาย
แต่ด้วยความที่ที่บ้านค่อนข้างเข้มงวดโดยเฉพาะยายจะดุมาก ออกไปไหนเย็นมากก็ไม่ได้
ทุ่มนึงก็เรียกเข้าบ้านแล้ว ตอนนั้นเราจะชอบบ่นว่า บ้านไม่หนีไปไหนหรอก แต่บ่นในใจนะ ไม่ได้พูดออกไป 55
เสาร์อาทิตย์นี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกับใครเค้าหรอก
เพราะต้องช่วยที่บ้านทำงาน ไม่เคยได้ตื่นสายๆ เหมือนเพื่อนเพราะที่บ้านขายตั้งแต่เช้า
ต้องลุกมาช่วยงาน ความรู้สึกตอนนั้น อยากเป็นอิสระ อยากใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป
เลยบอกว่าจะมาเรียนกรุงเทพ จนในที่สุดก็ได้มาเรียนสมใจ.....
แต่พอได้มาเรียนที่กรุงเทพแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันไว้ค่ะ
จริงอยู่ว่าได้ตื่นสายเพราะแม่ไม่เข้มงวดกับเราเลย เลี้ยงแบบปล่อยๆ 55
ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนมากขึ้น ไปนู้นไปนี่มากขึ้น จนเวลาผ่านไปสักพัก
วันหนึ่งเดินกลับมาจากม. ด้วยความหิวมาก
(เราพักกับแม่และที่พักก็ใกล้มหาลัยมากเลยแค่ ป้ายรถเมล์เดียวเอง)
เพราะเลิกเย็นก็เดินๆๆๆ กลับมาถึงห้อง แม่ยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน เปิดห้องเข้ามา
เงียบ.... ไม่มีอะไรกิน อยู่คนเดียว...
แถวๆที่พักก็แทบไม่มีอะไรให้ซื้อกินเลย อารมณ์หิวและเหงา
เลยคิดถึงที่บ้าน ว่าถ้าอยู่บ้านคงมีกับข้าวเยอะแยะ
กลับมาถึงบ้านคงเจอ ยาย น้า น้อง คนข้างบ้าน ได้ออกไปคุยเล่นกับพี่ๆแถวบ้าน
จุดนั้นร้องไห้เลยค่ะ ไม่รู้ทำไมแต่มันตื้อๆ เลยร้องออกมาพลางเดินไปต้มมาม่ากิน
มานั่งนึกว่า เมื่อก่อนตอนอยู่บ้าน ตื่นเช้ามาก็มีกับข้าวกินอร่อยๆ น้ำพริก ผัก หมูทอด แกงนู้น แกงนี้ เต็มไปหมด
ตอนนี้กับข้าวที่เคยกินกลับต้องห่อมาจากเพชรกว่าจะมาถึงที่เราอยู่ก็หมดอร่อย มันรู้สึกหดหู่ในใจ คิดถึงบ้าน....
นั่นแหละค่ะ ก็อยู่มาจนวันนี้ พอดีเมื่อวาน ยายมาหาหมอที่กรุงเทพ
ปกติยายจะมาแค่คืนเดียวแล้วกลับไม่เคยอยู่นานเพราะแกเบื่อกรุงเทพ
แต่คราวนี้มาอยู่อาทิตย์นึงเพราะต้องหาหมอ 3 ครั้ง
ตอนที่เรานั่งพิมพ์ๆๆๆ งานอยู่หน้าจอคอม ยายก็เรียกเราบอกว่า เลิกเล่นก่อนมากินข้าว
เราก็ลุกไป อาหารที่ยายทำให้ก็คือ น้ำพริก ปลาทูทอด 2 ตัว แล้วก็ไข่เจียว
ตอนเห็นว่ายายทำให้แล้วเอามาวางให้เรากิน ความรู้สึกมันดีมากอ่ะ
จำไม่ได้แล้วว่าได้กินกับข้าวฝีมือยายแบบร้อนๆ สดๆ ครั้งสุดท้ายตอนไหน
พอเห็นกับข้าวก็หันไปมองยาย ยายแก่ลงมากจากตอนนั้น
ด้วยความที่เป็นโรคหัวใจ ยายบ่นน้อยลง เพราะไม่แข็งแรงเหมือนเก่า
และอารมณ์อ่อนไหวก็เข้าครอบงำ กินไปน้ำตาก็ไหล....
ตอนนี้เราไม่มีใครมาดุด่า ว่าอย่าเข้าบ้านดึก ไม่มีใครมาคอยเตือน คอยเรียกให้กินข้าว อาบน้ำ
เพราะแม่เราทำงานกลับมาก็ 3-4ทุ่ม ออกก็เช้า เราเลยอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่
ตอนนั้นคิดเลยว่า อยากเรียนจบไวๆ จะได้กลับไปอยู่บ้าน อยากกลับไปกินกับข้าวที่บ้าน
กับข้าวบ้านๆ ที่รสชาติธรรมดาแต่กินได้ไม่เคยเบื่อ
กลับไปยืนล้างจาน ช่วยที่บ้านทำงานบ้าง เพราะตอนนี้ที่บ้านทำกันอยู่ 2 คนยายกับน้าสาว
ถ้าน้องสาวเราว่างก็จะได้ช่วยบ้างเสาร์อาทิตย์
เรารู้สึกสงสารว่ายายเราอายุมากแล้วทำไมยังต้องตื่นเช้าๆ มาทำงาน
เราอยากเลี้ยงยายบ้างเหมือนที่ยายเลี้ยงเรามาตั้งแต่เกิด
กับข้าวจานนี้มันทำให้เราเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาแวบหนึ่ง
จนร้องไห้ออกมา จะบอกว่า อาหารเป็นสิ่งที่ให้มากกว่าความอิ่มท้อง
มันมีความรัก ความห่วงใยอยู่ในนั้นด้วย
เบื่อมั๊ยกับอาหารแช่แข็งที่รสชาติจะอร่อยก็ไม่อร่อย
เบื่อมั๊ยกับอาหารแพงๆ ที่รสชาติธรรมดาแต่แพงเพราะตรายี่ห้อ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย
สุดท้ายจริงๆ อยากบอกว่า ครอบครัวเป็นอะไรที่ถ้าไม่มีใครบนโลกรักเราแล้ว
พวกเค้าจะเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่อยู่กับเราจริงๆค่ะ