ประสบการณ์เกือบตายที่ไม่มีวันลืม กับ *โรงแรมอ่าวนางบุรีรีสอร์ท กระบี่* เหมือนตายแล้วได้เกิดใหม่จริงๆ

*****สืบเนื่องจากระทู้โน้นค่ะ http://pantip.com/topic/31706407  แต่เจ้าของกระทู้มาคิดว่า ไม่ลบแล้วค่ะ กระทู้นี้ก็เอาไว้เตือนใจและเป็นอุทธาหรณ์กับหลายๆคนที่จะซื้อแพกเกจทัวร์ไปเที่ยวที่อื่นๆ** และต่อไปถ้าได้รับการช่วยเหลืออะไรจากโรงแรมจขกท.ก็จะมาลงเรื่องการช่วยเหลือจากโรงแรมในกระทู้นี้ แม้จะช้าไปบ้างแต่อย่างน้อยคุณก็ได้รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คนอื่นจะได้ชื่นชมและกลับมามีความมั่นใจที่จะไปพักโรงแรมคุณอีกครั้งค่ะ แต่ทั้งนี้จขกท.ไม่ได้ห้ามหรือยุยงว่าอย่าไปพักโรงแรมนี้นะคะ อยากให้เป็นจารณญานส่วนบุคคลดีกว่าค่ะ***

------------------------***อัปเดต วันศุกร์ที่28 ก.พ. 57***---------------------------


วันนี้พ่อกับแม่เดินทางไปสถานีตำรวจกระบี่ค่ะ เพื่อนัดเจรจราตกลงกันทั้งสามฝ่าย ผ่านไปประมาณสามชม.ถึงตกลงกันได้ค่ะ

    ได้ความว่า ตำรวจชี้ประมาทร่วมกันค่ะทั้งฝ่ายโรงแรมและฟอร์จูนเนอร์ เพราะฟอร์จูนเนอร์ก็ขับรถเร็วมากกก และประมาท
เพราะฉะนั้นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจึงต้องชดใช้ร่วมกันคนละครึ่งสำหรับ"โรงแรมอ่าวนางบุรีรีสอร์ท" เขาเพิ่งคิดได้ว่าควรจะมีมนุษยธรรม
เขายอมจ่ายเงินส่วนตัวในส่วนของเค้าก่อน ไม่ต้องรอประกัน เดี่ยวโรงแรมจะไปคุยกับประกันเองซึ่งประกันของสินมั่นคงก็ไม่น่ามีปัญหา
ประกันพูดจาดีและพร้อมจ่ายเต็มที่ ส่วนฟอร์จูนเนอร์เป็น "เจ้าของจีรวิทย์ขนส่ง ที่บางบัวทองนนทบุรี"
มีสาขาอยู่ที่กระบี่ แต่แรกไม่ยอมมาเพราะกลัวพ่อจขกท.ต่อย แต่สุดท้ายก็ต้องมาและก็ยอมเซ็นรับผิด เค้าไม่คัดค้านอะไร แต่ก็ไม่ได้ควักเงินส่วนตัวจ่ายให้ก่อน เขาให้ประกันของวิริยะประกันภัย ซึ่งรถฟอร์จูนเป็นประกันชั้นหนึ่ง จัดการซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ไม่รู้ว่า ประกันจะจ่ายให้ตามที่เรียกไปไหมเพราอบอกว่าประกันทำท่าฟึดฟัดและท่าจะหัวหมอน่าดู ซึ่งเขาบอกว่าจะจ่ายให้ภาย15วัน ตรงนี้จขกท.ก็ไม่รู้ว่าวิริยะประกันภัยจะชดใช้ให้สักเท่าไหร่จะเป็นธรรมกับเราหรือเปล่า ฝั่งจีรวิทย์ขนส่งจะจ่ายส่วนต่างจากประกันให้หรือไม่ เพราะจขกทก็คิดว่าเรียกค่าเสียหายไปเท่าที่เหมาะสม ยังไงก็คงต้องมารอดูอีก 15 วันค่ะ

    จขกท.ก็ขอขอบคุณทุกๆคนที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้ โดยความตั้งใจของจขกท.ก็คืออยากจะแชร์เรื่องจริงที่มันเคยเกิดขึ้นกับจขกท.ให้ฟังไว้เป็นอุทธาหรณ์กับคนในสังคมออนไลน์แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันมีมากกว่านั้นมากๆค่ะ พอมีเรื่องเกิดขึ้นจขกท.ได้รับการพูดคุยและเจรจารวมไปถึงการชดใช้ที่น่าจะเร็วขึ้นกว่าการรอการดำเนินการปกติทางกฎหมายนอกจากนี้จขกท.ยังได้รับคำแนะนำและกำลังใจจ
ากทุกคนไนพันทิป ได้เห็นว่าคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมีทั้งให้กำลังใจและก็คำแนะนำ รวมถึงที่นำไปเผยแพร่ต่อ เจ้าของกระทู้ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ขอบคุณจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีค่ะ


------[[เนื้อหาเดิม]]------
    จขกท.ตัดสินใจอยู่นานว่าจะตั้งกระทู้บอกเล่าเรื่องราวที่จขกท.เจอดีไหม จนเวลาผ่านไปเกือบปีแล้วกับเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้น วันนี้จขกท.และแม่ทนไม่ไหวแล้วเลยตัดสินใจทำบางอย่างและมาตั้งกระทู้เพื่อเตือนว่าโรงแรม เค้าไม่รับผิดชอบชีวิตหรือความเสียหายกับชีวิตลูกทัวร์เลย
    
     ขอเริ่มเลยก็แล้วกันนะค่ะ เมื่องานไทยเที่ยวไทยปีที่แล้ว ปี2556 ประมาณช่วงเดือนกุมภา จขกท.ได้ตัดสินใจซื้อทัวร์ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งในแพ็กเกจทัวร์คือ แพกเก็จสามวันสองคืน 1,999 บาทต่อท่าน รถตู้ไปรับไปส่งจากสถานีขนส่ง มีอาหารเช้า1มื้อ ตลอดจนมีโปรแกรมการดำนำเที่ยวเกาะต่างๆเรียบร้อย จขกท.เห็นว่ามันคุ้มและมีแพลนว่าจะลงใต้อยู่แล้วเพราะวันที่30เมษาวันเกิดแม่จะกลับไปเซอร์ไพรส์แม่ที่บ้านจังหวัดตรังด้วย เลยซื้อทัวร์ไป จนกระทั่งวันเดินทางในวันที่26 เมษา 2556 จขกท.และเพื่อนไปถึงสถานีขนส่งกระบี่ตั้งแต่หกโมงเช้า รถตู้โรงแรมก็มารับเรียบร้อย เพราะในใบแพคเก็จเขียนว่ามีรถตู้มารับส่งที่สนามบินหรือ บขส. จขกท.ก็เดินทางไปกับรถตู้โรงแรม

      จนกระทั่ง  ประมาณ15นาทีผ่านไป นั่งมาถึงสี่แยกคลองจิหลาดซึ่งยังอยู่ในตัวเมือง  รถถตู้ที่จขกท.นั่งมเกิดการชนกันกับรถฟอร์จูนเนอร์อย่างรุนแรงกลางสี่แยกพอดี ซึ่งตอนนั้นจขกท.จำอะไรไม่ได้เลย เพราะสลบไปแต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าฟอร์จูนเนอร์ชนฝั่งประตูรถตู้แล้วรถตู้ก็พลิกคว่ำหลายรอบไปคาอยู่กะเสาไฟแล้วฟอร์จูนเนอร์ก็เสียหลักมาชนซ้ำอีกรอบ เพื่อนจขกท.และคนขับโชคดีมากที่ไม่มีใครเป็นอะไรเลย เพื่อนปากแตกกะคอเคล็ดอย่างเดียว

      แต่ความซวยทั้งหมดมันมาตกที่เรา ตอนนั่งบนรถตู้เรานั่งคนละแถวกะเพื่อน เรานั่งตรงแถวที่นั่งสองคน แต่รถชนฝั่งประตู เพราะงั้นเวลารถพลิก เราจึงโดนก่อนใคร กะโหลกศีรษะจขกท.แตก เลือดคั่งในสมอง และสลบไปเลยสองวัน ตั้งแต่รถโดนชน จขกท.มาจำความได้อีกทีตอนอยู่ห้องพิเศษแล้วซึ่งตอนฟื้นใหม่ก็จำอะไรไม่ได้เลยรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะหมอผ่าตัดสมองจขกท. เพื่อเอาเลือดที่คั่งออก พ่อเล่าให้ฟังว่าหมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าน้องเสียถ้าผ่าก็ไม่รู้จะกลับมา100% คงไม่ต้องคิดว่าพ่อแม่ได้ยินประโยคนี้กับหมอแล้วพ่อกับแม่จะร้องไห้หนักขนาดไหน

      พอผ่าตัดเสร็จทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีแต่ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ ออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องพิเศษตอนแรกจขกท.จำเหตุการณ์ไม่ได้เลยจำได้แค่ว่าอยู่บนรถตู้แค่นั้น ผ่านไปประมาณ7วันหลังจากจขกท.ฟื้นตำรวจก็มาสอบปาก จขกท.ก็ให้ปากคำไปว่าตอนนั้นคงจะหลับ เพราะตอนนั้นจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลยจริงๆ และจขกท.ก็มีอาการอาฟเตอร์ช็อคตามมาเมื่อพบว่าสายตาของตัวเองเองนั้นเกิดอาการมองเเป็นเป็นภาพซ้อนกันอย่างรุนแรงจะมองอะไรให้ชัดคือต้องปิดตาข้างนึงไว้ตลอด ซึ่งหมอก็บอกว่าเกิดจากกล้ามเนื้อตาถูกกดทับ ช่วงนั้นจขกท.เลยต้องใช้สำลีหรือทิชชู่แปะตาข้างนึงไว้ตลอด จขกท.อยู่พักในรพ.แค่2อาทิตย์ซึ่งถือว่าไวมากที่ร่างกายของจขกท.ฟื้นตัวได้เร็วแต่อาจจะมีหลงๆลืมๆไปบ้าง

      ในตอนนั้น จขกท.ได้เจอกับคนขับรถตู้และเจ้าของโรงแรมครั้งเดียว ซึ่งตอนนั้นเค้าก็พูดจาดีบอกว่าจะช่วยเหลือเต็มที่ เพราะเค้าก็มีเส้นสายมากอยู่ แต่ฝั่งรถฟอร์จูนเนอร์มันไม่ยอมรับผิดเลย เจ้าของโรงแรมเขาว่าอย่างงั้น ซึ่งตอนนั้นเจ้าของกระทู้ก็จำเหตุการณ์ไม่ได้ว่าตกลงรถใครผิดใครฝ่าไฟแดง เพื่อนจขกท.ก็จำไม่ได้เพราะเพื่อนบอกตอนชนมันนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่  ซวยไปกว่านั้นกล้องวงจรปิดตรงสี่แยกนั้นเสียพอดี ดวงคนเราอะไรมันจะซวยขนาดนั้น ทีนี้คนขับทั้งสองฝ่ายเลยไม่มีใครยอมรับผิดเลยเกี่ยงกันไปมา  ความซวยทั้งหมดจึงมาตกที่จขกท.ซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่ได้รับความเสียหายและไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่มีใครยอมรับผิดชอบแม้กระทั่งโรงแรมเองที่จขกท.ซื้อทัวร์มา แม่บอกว่าเค้าให้เงินมาแค่10,000 ตอนเจ้าของกระทู้อยู่ห้องไอซียู เค้าบอกให้รับไว้ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของจขกท.ที่ใช้พรบ.รถตู้ได้แค่50,000 แต่ค่ารักษาพยาบาลจริงมันเกิน50,000 เลยต้องใช้พรบ.ส่วนของจขกท.เองด้วย  

      หลังจากวันที่จขกท.ออกจากรพ.มาอยู่บ้าน จนกระทั่งไปรักษาตัวต่อเนื่องเรื่องตามองเป็นภาพซ้อนต่อที่กรุงเทพ จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่มีฝ่ายใดยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือเลย โดยเฉพาะโรงแรมที่ตอนหลังจขกท.จำความได้ว่ารถตู้ฝ่าไฟแดงซึ่งจขกท.ก็ได้ไปให้ปากคำกะตำรวจใหม่ว่าจขกท.เห็นว่ารถตู้ฝ่าไฟแดง ด้วยพยานหลักฐานตำรวจจึงนัดคนขับรถตู้มาสอบเพิ่มเติม จนคนขับรถตู้จะยอมรับความผิดอยู่แล้ว

      แต่เจ้าของโรงแรมพร้อมกับพรรคพวกเดินเข้ามาหาตำรวจ ขู่จนคนขับรถตู้กลัวและไม่กล้ายอมรับผิด  หลังจากนั้นเจ้าของโรงแรมก็ไปหาผู้กำกับบอกว่าขอเปลี่ยนตำรวจที่ทำคดีนี้ใหม่ เพราะตำรวจคนนี้มีความลำเอียง (เค้าว่าอย่างนั้น) แล้วมาหาว่าทำไมตอนแรกจขกท.บอกหลับแล้วอยู่ดีดีมาจำได้ เอ้าก็คนเพิ่งผ่าสมองมานะ ย้ำอีกครั้งว่าผ่าสมองนะ เพิ่งฟื้นด้วยใครจะไปจำได้ทั้งหมด

   ตามหลักแล้วคุณควรจะรับผิดชอบลูกทัวร์ก่อนแม้ว่าคุณจะผิดหรือไม่ผิดก็ตามเพราะเรามากับทัวร์ของคุณจ่ายตังค์มานะไม่ได้ขอคุณมาฟรีๆ ถ้าสุดท้ายศาลตัดสินว่าโรงแรมคุณไม่ผิดค่อยไปไล่บี้เอากับประกันฝ่ายตรงข้ามเอา(จะไม่ผิดได้ยังไงก็เจ้าของกระทู้เห็นว่ารถตู้ฝ่าไฟแดง = =)
เจ้าของโรงแรมเคยโทรคุยกับจขกท.นะว่าตกลงว่าเห็นรถตู้ฝ่าไฟแดงจริงไหม จขกท.จะโกหกใส่ฝ่ายรถตู้ทำไมในเมื่อไม่ว่าฝ่ายใดผิด จขกท.เป็นบุคคลที่สามที่เสียหายยังไงก็ต้องมีคนรับผิดชอบอยู่ดี ถูกมะ (รถตู้มีประกันชั้น3 ฟอร์จูนประกันชั้น1 )

     แต่นี่อะไรเจ้าของโรงแรมบอกให้เจ้าของกระทู้รอจนกว่าศาลจะมีคำตัดสินแล้วค่อยเอาคำตัดสินมาให้ประกันจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดให้  แต่นี่จะผ่านไปปีนึงละตอนนี้เรื่องยังไม่ถูกส่งฟ้องไปถึงศาลเลย ทั้งโรงแรมและฟอร์จูนเนอร์ก็ลีลาตำรวจนัดมาคุยสามฝ่ายก็ไม่มีใครยอมมา มีแต่พ่อของเจ้าของกระทู้ที่ไปนั่งรอ

      หลังจากออกจากรพ.โรงแรมก็ไม่ได้มาดูดำดูดีกะผู้เสียหายเลย ทั้งเรื่องของค่ามารักษาพยาบาลต่อที่กรุงเทพ  เรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างที่จขกท.อยู่รพ. และก็ค่าเสียหายเสียเวลา ซึ่งรวมๆกันแล้วก็หลายตังค์อยู่  บ้านครอบครัวของเจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหนและตัว เจ้าของกระทู้เองก็ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมาตลอด เพราะไม่อยากรบกวนพ่อแม่  แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจขกท.ก็ไปทำงานไม่ได้ เรียนก็ไม่ได้เต็ม100เหมือนเดิมเพราะเพื่อนหลายๆคนทักว่าสมองมันช้าลงตั้งแต่โดนรถชน สายตาก็ยังไม่หายเป็นปกติดียังมองเป็นภาพซ้อนเหมือนเดิมแต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้สำลีแปะข้างนึงเวลาทำอะไรแล้ว ไม่รู้อาการมันดีขึ้นหรือเพราะตัวจขกท.ชินแล้ว ก็ไม่รู้

     จากวันนั้นจนกระทั่งเมื่อวานวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 23 กุมภา 57 มันมีงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกที่ศูนย์ประชุมแห่ชาติ สิริกิตติ์ แม่กับพ่อของเจ้าของกระทู้ก็อดทนไม่ไหวแล้ว  แม่ยอมอายคนไปถือป้ายข้อความที่หน้าบูทของโรงแรมอ่าวแห่งหนึาง  ข้อความบนป้ายพ่อเจ้าของกระทู้เขียนว่า "โปรดพิจารณา เมื่อวันที่26เมษายน 2556 โรงแรมอ่าวนางบุรีรีสอร์ท จังหวัดกระบี่ แห่งนี้ได้พาลูกทัวร์ซึ่งเป็นนักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัสที่จ.กระบี่ จนปัจจุบบันนี้ ยังไม่ได้ดูแลรับผิดชอบลูกทัวร์คนดังกล่าวเลย ระวังรายต่อไปอาจเป็นคุณ" ซึ่งข้อความทั้งหมดบนป้ายนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดขึนจริง และเจ้าของกระทู้ก็เกือบตายจริงๆ ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดก็คงได้ไปสบายแล้วล่ะ

      เมื่อวานเจ้าของโรงแรมก็ถ่ายรูปและเข้ามาพูดกับแม่ตอนแม่ถือป้ายว่าว่าจะไปฟ้องร้องแม่ แต่แม่เจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำแค่ยืนถือป้ายไปเฉยๆ ที่เหลือก็ให้คนอ่านเค้าพิจารณากันเอาเอง เจ้าของโรงแรมดูท่าจะเส้นใหญ่จริงๆเลยนะ เขามาบอกพ่อเจ้าของกระทู้ต่ออีกว่า เขาขายทัวร์บนอินเตอร์เน็ตได้เยอแยะแล้วแค่นี้ไม่มีผลอะไรกับเขาหรอก พ่อเจ้าของกระทู้เลยบอกไปว่า ผมก็ไม่ได้ต้องการอะไรแค่มีคนอ่านป้ายนี้สักสามคนผมก็พอใจแล้ว  พ่อนี่สุดยอดเลย  

      พอเกิดเรื่องแบบนี้โรงแรมบอกให้นัดมาคุยกันเลยว่าจะเอายังไง นี่ถ้ายอมมากันดีดีแต่แรกก็จบแล้วคราวนี้โรงแรมคงต้องรีบคุยละเพราะพ่อเจ้าของกระทู้บอกว่าถ้ายังไม่เรียบร้อยงานไทยเที่ยวไทย วันที่27กุมภา-2มีนา ผมก็จะมาอีก
    
      ที่มาเล่าให้ฟังวันนี้เพราะเมื่อวานโดนประโยคจากเจ้าของโรงแรมที่ว่า ผมขายทัวร์บนอินเตอร์เน็ตได้เยอะแล้ว เจ้าของกระทู้จะคอยดูว่าถ้ายังไม่รับผิดชอบชีวิตลูกทัวร์แบบนี้ทีนี้จะขายทัวร์บนเน็ตได้เยอะเหมือนเดิมอีกรึเปล่า  ถือว่าเป็นประสบการ์ณที่ไม่น่าจดจำและเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตในเจ้าของกระทู้ที่เอามาเล่าสู่กันฟัง สำหรับใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวโรงแรม..ตอนซัมเมอร์นี้ก็ระวังให้ดีก็แล้วกันค่ะ เพราะไม่แน่ว่ารายต่อไปอาจเป็นคุณ เรื่องคืบหน้ายังไงเด๋วจะมาเล่าให้ฟังต่อนะค่ะ ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านนะคะ




แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่