เรื่องเม้าส์ใสๆ ในร้านส้มตำ

กระทู้สนทนา
***เรื่องราวทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ที่ชอบสังเกตเห็นเพราะบ้านอยู่ใกล้ร้านส้มตำ ไปกินบ่อยและคุ้นเคยกับเจ้าของร้านนะ...***

1.
เจ้พิ้ง เซียนส้มตำ
       เธอกับสามี มีลูกด้วยกันเป็นชายแท้สามคน สองคนแรกโตแร้ว ซึ่งก็หน้าที่ช่วยขายส้มตำ ส่วนคนเล็กเรียนอยู่ ป.2 เด็กทั้งสามคนเชื่อเลยว่ามีพรสวรรค์อันมาจากความสนใจ ที่โดดเด่นไม่เป็นรองใคร คนโตชอบเล่นกีฬา เขารู้จักกับยี่ห้อรองเท้า กางเกงเป็นอย่างดี ส่วนคนรอง มีความสนใจแชะเก่งกาจเรื่องเทคโนโลยี กระแสของเพลงต่างๆ มีคนบอกว่าเขาซ่อมคอมเก่งด้วย อาจมาจากการที่คลุกคลีกับอะไรนานๆ ส่วนคนเล็กฉันคิดว่าเขายังเด็กอยู่ ซึ่งพ่อแม่โอ๋เขามากเกินไปนิดนึง ฉันหวังว่าทั้งสองจะมีโอกาสประกอบธุรกิจส่วนตัวของตน ในอนาคต แม้ครอบครัวนี้จะรักกันมากก็ตาม แต่ฉันเห็นช่องว่างเบาๆ ของผู้ปกครองกับลูกๆแต่ละคน สายตา คำพูด การกระทำ..... เอ บางที อาจเป็นเพราะฉันคิดมากไปก็ได้มั้ง แต่ละคนย่อมมีเหตุผลของตนเองเสมอ


2.
แมลงวัน เวอร์ชั่นใหม่.....ที่ร้านเจ้พิงค์
     เดี่ยวนี้แมลงวันคิดอะไรของมันนะ จะทำตัวให้เหมือนนกกินปลา หรือว่า ดูข่าวพวกระเบิดพลีชีพบ่อยหรอ ถึงกับต้องบินโฉบลงไปนิ่งอยู่ในจานอาหารแบบไม่คิดชีวิต เมือก่อนก็แค่ตอมนะ เฮ้อ ไม่ไหวจริงๆ ถ้าอยากกินมากเดี๋ยวแบ่งใส่อีกจานให้เลยละกัน เซร็ง...


3.
เรื่องของป้าอี้ม.....ไฮโซ
     เมื่อตอนเช้ามีโอกาสได้นั่งคุยกับคุณป้าที่คุ้นเคยท่านนึงที่ร้านส้มตำเจ้พิ้งค์ ทำหน้าที่เช็คและปล่อยคิวรถสองแถวอยู่ที่หน้าไปรษณีย์ เธอเป็นมิตร เป็นกันเองต่อผู้โดยสาร แต่จะทำงานนี้มานานเท่าไหร่แล้วไม่อาจทราบได้ หากลองสังเกตุจากรอยฝ้าแดดรอบใบหน้าแล้วก็เดาได้ว่าค่อนข้างนาน หลายสัปดาห์เธอหายไปพักใหญ่เนื่องจากไปผ่าตัดไส้ติ่ง หลังจากนั้นจึงเห็นเธอมาปฏิบัติหน้าที่เช่นเคย ที่จริงแล้วเธอมีอาชีพเป็นช่างเย็บปะชุนเสื้อผ้า มีป้ายโฆษณาเล็กๆที่เธอเขียนมาประชาสัมพันธ์ เธอบอกว่า เมื่อก่อนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรอยุธยาชามละ 5 บาท กับโดยมีที่มีฐานกับสามีและลูกสาวคนเก่งของเธอ สามีเป็นคนเก่งสอบได้ที่ทำงานใกล้บ้าน แต่ด้วยเป็นคนดีเกินไปจึงมีภรรยาเพิ่มมาอีกคน เรื่องนี้คุณป้าอี้มรับไม่ได้ จึงขอแยกทาง ชีวิตครอบครัวจึงพังทลาย ฝ่ายสามีนั้นด้วยความที่บ้านมีฐานะจึงไม่ยากที่จะเริ่มต้นชีวิตกับภรรยาใหม่และส่งเสียลูก ๆ ไปพร้อมกัน เหลือแต่คุณป้าอี้มที่ต้องกลับมาใช้ชีวิตนับหนึ่งอีกครั้ง แม้เธอเหนื่อยเท่าใด มีเพียงลูกเท่านั้นที่เป็นยาใจ ...ลูกสาวคุณป้านั้นเรียนเก่ง จบมหาลัยดังภายในสามปีครึ่ง ได้ทุนไปเรียนต่อเกาหลีแต่คุณย่าท่านห้ามไว้ เมื่อเดือนที่แล้วก็ไปเที่ยวฮ่องกงกับคุณป้ามา สนุกกันใหญ่ เพิ่งจบมาปีที่แล้ว ตอนนี้รับจ้างชิลๆเป็นเสมียนให้กับร้านขายข้าวสารทางฝ่ายพ่อ พอตกเย็นก็ท่องเที่ยวตามประสาเด็กจบใหม่กับญาติพี่สาวก็จบโทแล้ว บลาๆๆๆๆ..... บางทีชีวิตของนางเอกก็ยิ่งกว่านังแจ๋วก้นครัวอีกเนอะ ว่าปะ ป้าอี้ม


4.
คุณนิดหนึ่ง...
       เด็กชายตัวขาวหัวทองลูกค้าร้านส้มตำ  เขาเป็นคนรักศิลปะ ในพรสวรรค์ด้านการวาดการ์ตูนและงานปั้นชั้นเลิศพอที่จะมีชื่อเสียงนั้น กลับมีความโชคร้ายครอบงำอยู่ โชคชะตาเล่นตลกร้ายกับเขาได้อย่างชอบกล พ่อแม่ของนิดหนึ่งแยกทางกันคนละทิศ เขาเข้าเรียนในสถาบันด้านศิลปะที่เขารักแต่ก็เรียนไม่จบ เพราะไม่ผ่านกิจกรรม จึงยังไม่จบมีวุฒิ ม.6 เพื่อเรียนต่อ ตอนนี้เขาเรียนกศน.ใกล้บ้าน และทำงานที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ในขณะที่แม่มีกิจการร้านอาหาร พ่อเป็นอดีตเชพจากต่างประเทศ แต่ชีวิตเขาก็ยังเดินไปตามเส้นทางเส้นเดิม แม่กับพ่อชอบงานของเขาแต่ก็ไม่ได้พิเศษไปกว่าการชม บางครั้งก็อาจจะทำให้ความฝันของเขาสะดุดบ้าง เขาบอกว่าตอนประถมครูที่โรงเรียนใจร้ายดุ เขาจึงไม่ชอบและไม่ได้แสดงพรสวรร์ออกมา ... ถ้าเขาโชคดีกว่านี้หน่อย ศิลปะที่เขารักคงจะนำพาเขาไปถึงจุดหมายบ้าง บางครั้งคนเราก็มักมีเหตุผลของชะตาชีวิตบางๆกั้นอยู่อย่างเบาๆ เขาเป็นเด็กดีคนนึงนะ...นี่แหละชีวิต


5.
มิสไซ่...
          หรือเรียกกันว่า คุณแม่รุ่งนภา ไม่ชอบทานส้มตำแต่นั่งเป็นเพื่อนได้ สาวโสดชาวเวียดนาม เธอเข้ามาอยู่ที่ไทยตั้งแต่เกิด  เธอชอบทานอาหารพวกเส้นทั้งหลายและซดน้ำเธอไม่ทานอาหารอีสานเกือบทุกชนิด    แต่เธอชอบเบิ้ลก๋วยเตี๋ยวบ่อยครั้ง เธอค่อนข้างกินจุ๊บจิ๊บ ขนมเอย น้ำอัดลมเอย สารพัดแต่ ที่สำคัญเธอห้าวหาญ และมีความคิดสร้างสรรค์ หลายครั้งที่เธอมักจะพาฉัน เพื่อนร่วมทางแว้นมอไซค์ไปส่งที่ปลายทาง เธอห้าวมากกกกกถึงมากที่สุด อาจเป็นด้วยเธอเป็นเด็กแว้นครั้งเมื่ออยู่โฮจิมิน เมื่อวานนี้เธอลาพักร้อนไปมัลดีฟ 2 วัน กับแฟนหนุ่มชาวเบลเยี่ยม ซึ่งเธอบอกว่าขอให้เรื่องที่ฉันเพ้อเจ้อมาทั้งหมดนี้เป็นความจริง...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่