อีกประมาณ 3 สัปดาห์ก็จะถึงวันอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงวิมลลักษณาและเจ้าชายปารีส
ช่วงนี้จะมีความเคลื่อนไหวหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งก็คือการที่ประชาชนบางส่วนของหนานนูเปีย
เดินทางมาช่วยจัดงานอภิเษกฯ กลุ่มนี้นำโดยป้าอิน ผู้สูงอายุที่เป็นที่เคารพนับถือ
ศรีจิตรากับจินตหรากำลังดูข่าวนี้อยู่พอดี
จินตหราสงสัยบางอย่าง "ทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ"
"ก็เพื่อที่จะชำระล้างจิตใจไง" ศรีจิตราตอบให้หายสงสัย
"ยังไงเหรอ"
"กลุ่มของป้าอินคงกำลังโศกเศร้าต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หนานนูเปีย
อาจเป็นได้ที่อยากทำดีบางอย่างเพื่อที่จะชำระล้างจิตใจให้ดีขึ้น
เรื่องแบบนี้ ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ"
"เคยมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอเหรอ"
ศรีจิตราหันไปมองหน้าจินตหรา
"ฉันเคยถูกข่มขืนตอนอายุ 13"
จินตหราพูดอะไรไม่ออก ศรีจิตราจึงเล่าต่อ
"ตอนนั้นฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น ฉันเคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยนะ
แต่มาคิดอีกที ฉันไม่ควรจะตกนรกซ้ำ ๆ ฉันต้องออกจากขุมนรกด้วยตัวของฉันเอง
ฉันต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ตั้งใจทำความดีทุกอย่างเพื่อออกจากขุมนรกนั้นให้ได้"
"แล้วเธอได้ไปแจ้งความรึเปล่า"
"มีคุณป้าคนหนึ่งพาไป แต่ไม่มีใครสนใจเด็กสลัมอย่างฉันหรอก"
"โลกมันโหดร้ายนะ"
"ฉันเคยคิดนะว่าอะไรกันแน่ที่โหดร้าย แต่ฉันคงไม่เสียเวลาไปหาคำตอบหรอก
ฉันรู้เพียงแต่ว่าถ้าอยากหลุดจากขุมนรกนั้น ฉันต้องสู้ชีวิตให้มากขึ้น
ฉันจะต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวฉันเอง แล้วทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น
ฉันจึงเข้าใจป้าอินว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่และท่านต้องการอะไร"
"แล้วกลุ่มป้าอินจะไม่ถูกนินทาว่าเป็นพวกคลั่งเชื้อพระวงศ์เหรอ"
"เธอลองนึกดูก็แล้วกันว่าตอนนี้มีคนหลายกลุ่มอยากมาช่วยงานของเจ้าหญิงวิมลลักษณา
ประชาชนจน ๆ จากทั่วโลกบริจาคเงินให้เธอ มีคนที่หงสาสัตยารับทำชุดเจ้าสาวให้
มีหลายคนตื่นเต้นอยากมาร่วมงาน แต่ทำไมความรู้สึกเหล่านี้จึงไม่เกิดกับเจ้าสาว
อย่างฉันที่จัดงานแต่งงานหรู ทุ่มไปเกือบ 100 ล้านที่โรงแรมโดโรธีล่ะ"
"อืม น่าคิดนะ"
"ก็เพราะไม่ว่าจะยังไง คนก็ยังมองวิลล่าพาเลซเป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมไง
เราหลุดจากภาพแบบนี้ไม่ได้หรอกถึงแม้ว่าเราตั้งใจจะทำคุณงามความดีมากแค่ไหน
ส่วนเจ้าหญิงวิมลลักษณา เธอเป็นสัญลักษณ์ของหลายสิ่งหลายอย่างมากมายเหลือเกิน
และทุกสัญลักษณ์ต่างมีความหมายต่อผู้คน หลายคนให้ความสนใจ ความเป็นปัจเจกชนของเธอ
ยังเป็นสัญลักษณ์ได้ แต่ความเป็นปัจเจกชนของศรีจิตราในตอนนี้ คนก็ยังมองว่าเป็นทุนนิยมอยู่ดี"
ศรีจิตรายังเล่าต่อ "กลับมาเรื่องป้าอิน ตอนนี้ที่หนานนูเปียหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
มันเริ่มตั้งแต่ทหารฆ่าเชื้อพระวงศ์ทุกคน ถึงจะเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้ง แต่ก็ดันได้ ส.ส. และ ส.ว.
ชั้นเลวเต็มสภา ทำให้ทหารมาปกครองแทน แต่รัฐบาลทหารก็แก้ปัญหาไม่ได้สักอย่าง
เยาวชนเบื่อหน่ายสิ้นหวัง พวกพ่อแม่เครียดเพราะปัญหาเศรษฐกิจ พอมีการยุแยงตะแคงรั่วเข้าหน่อย
ก็หันมาฆ่ากันเอง ตอนนี้ที่หนานนูเปียไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไม่เหลือสถาบันกษัตริย์ ไม่เหลือสถาบันศาสนา
สถาบันการเมืองก็พัง พอเป็นอย่างนั้นเศรษฐกิจก็พังพินาศ สถาบันครอบครัวก้พัง ทุกอย่างพังพินาศและ
ล้มครืนอย่างกับโดมิโน่ มันเป็นสถานที่ ๆ เหลือแต่ซากกับผู้สูงอายุบางส่วน มันต่างจากโชกุนโพมาก"
"ยังไงเหรอ"
"ที่นั่นยึดปรัชญาขงจื้อมาหลายร้อยปี สืบค้นยากว่ามีความเป็นมายังไง เรื่องคู่สัมพันธ์ทั้ง 5 นี้
ทุกคนจดจำจนขึ้นใจ น่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกนะที่ออกตัวแรงขนาดนี้ คู่สัมพันธ์ทั้ง 5 ก็จะมีพ่อแม่กับลูก สามีกับภรรยา
พี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน ผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง ทุกคู่สัมพันธ์ต้องมีเหรินและหลี่มาช่วยยึดเหนี่ยว
เหรินคือความเมตตา ส่วนหลี่คือจารีต แต่ทั้งเหรินและหลี่ ต้องมีอี้มากำกับ อี้ก็คล้าย ๆ การใช้เหตุผลอย่างมีคุณธรรม
บ้านเขาไม่มีกีฬาสีนะ มีแต่กีฬาเหรินหลี่อี้ ทุกโรงเรียนก็จะแบ่งเด็กเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มเหริน กลุ่มหลี่และกลุ่มอี้
อย่างแบงค์บ้านเขาแบงค์ 100 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์เหริน แบงค์ 500 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์หลี่
แบงค์ 1000 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์อี้ คือคนทั้งประเทศยึดอุดมการณ์เดียวกัน ทุกสถาบันก็มั่นคงและมีคุณภาพเท่าเทียมกันหมด
ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเมือง ครอบครัว ศาล กษัตริย์ ศาสนา สังคม และอีกหลายสถาบัน เขาจึงอยู่ร่วมกันได้อย่างมีเอกภาพ
ไม่เหมือนกับบางประเทศ พูดเหมือนยึดอุดมการณ์โน่น นี่ นั่น พูดแบบสวยหรูมาก แต่การกระทำนี่ไม่ยึดอะไรสักอย่าง
ยึดแต่อำนาจกับเงิน สุดท้ายก็ต้องไปไม่รอด พบชะตาเหมือนกับหนานนูเปียนี่แหละ ไม่ช้าก็เร็ว"
..............................................................
เวลาบ่าย 4 โมงเย็นของวันนี้ เจ้าหญิงวิมลลักษณาและเจ้าชายปารีส
เสด็จเยี่ยมชาวเมืองหนานนูเปียที่มาช่วยงานอภิเษกฯ
เจ้าหญิงทรงเจอป้าอินโดยบังเอิญ
"ลูกวิมลลักษณาของป้า"
ราชองครักษ์ตะโกนเสียงดัง "เรียกเจ้าหญิงอย่างนั้นไม่ได้นะ พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"
แต่เจ้าชายปารีสทรงปรามไว้ "ไม่เป็นไรน่า อย่าไปว่าเขาเลยนะ"
เจ้าหญิงวิมลลักษณาทรงนั่งคุกเข่าตรงหน้าป้าอิน
"ลูกวิมลลักษณาของป้า ประเทศชาติของป้าไม่เหลืออะไรแล้ว"
"คุณป้าเข้มแข็งไว้นะคะ"
ป้าอินสวมกอดเจ้าหญิงแล้วร้องไห้
"มันหมดสิ้นทุกอย่างแล้วลูก พังพินาศหมดแล้ว"
"ทำใจดี ๆ นะคะป้า ป้าต้องห่วงสุขภาพของป้าด้วยนะคะ"
"ป้าไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว ป้าไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร"
"ป้าคะ ป้ามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้หนูนะคะ ชุดน่าจะตัดทัน รับปากนะคะป้า"
"โถ ลูกวิมลลักษณาของป้า ลูกรักของป้า"
ยูทูปเบอร์คนหนึ่ง ถ่ายทอดสดเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไว้ตลอด
หลังจากนั้น เขาเดินออกมาไกลหน่อย แล้วพูดกับกล้องว่า
"ลูกและหลานของป้าอินฆ่ากันตายหมดในเหตุการณ์อันโศกสลดของหนานนูเปีย
ตอนนี้ป้าอินไม่เหลืออะไรแล้ว เหลือเพียงเจ้าหญิงวิมลลักษณาที่ป้าอินเรียกว่าลูก
ตอนนี้เจ้าหญิงทรงเป็นสัญลักษณ์ของความหวังทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ อย่างมากมาย
ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมใจของชาวโสฬสเทียบเท่ากับกษัตริย์หลุยส์และราชินีโซเฟีย
ทั้งสามพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นชาติและทำให้ชาวโสฬสมีความหวังในทุกเมื่อเชื่อวัน"
วิมานมายา โดย ศักดา ตอนที่ 53
ช่วงนี้จะมีความเคลื่อนไหวหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งก็คือการที่ประชาชนบางส่วนของหนานนูเปีย
เดินทางมาช่วยจัดงานอภิเษกฯ กลุ่มนี้นำโดยป้าอิน ผู้สูงอายุที่เป็นที่เคารพนับถือ
ศรีจิตรากับจินตหรากำลังดูข่าวนี้อยู่พอดี
จินตหราสงสัยบางอย่าง "ทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ"
"ก็เพื่อที่จะชำระล้างจิตใจไง" ศรีจิตราตอบให้หายสงสัย
"ยังไงเหรอ"
"กลุ่มของป้าอินคงกำลังโศกเศร้าต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หนานนูเปีย
อาจเป็นได้ที่อยากทำดีบางอย่างเพื่อที่จะชำระล้างจิตใจให้ดีขึ้น
เรื่องแบบนี้ ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ"
"เคยมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอเหรอ"
ศรีจิตราหันไปมองหน้าจินตหรา
"ฉันเคยถูกข่มขืนตอนอายุ 13"
จินตหราพูดอะไรไม่ออก ศรีจิตราจึงเล่าต่อ
"ตอนนั้นฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น ฉันเคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยนะ
แต่มาคิดอีกที ฉันไม่ควรจะตกนรกซ้ำ ๆ ฉันต้องออกจากขุมนรกด้วยตัวของฉันเอง
ฉันต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ตั้งใจทำความดีทุกอย่างเพื่อออกจากขุมนรกนั้นให้ได้"
"แล้วเธอได้ไปแจ้งความรึเปล่า"
"มีคุณป้าคนหนึ่งพาไป แต่ไม่มีใครสนใจเด็กสลัมอย่างฉันหรอก"
"โลกมันโหดร้ายนะ"
"ฉันเคยคิดนะว่าอะไรกันแน่ที่โหดร้าย แต่ฉันคงไม่เสียเวลาไปหาคำตอบหรอก
ฉันรู้เพียงแต่ว่าถ้าอยากหลุดจากขุมนรกนั้น ฉันต้องสู้ชีวิตให้มากขึ้น
ฉันจะต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวฉันเอง แล้วทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น
ฉันจึงเข้าใจป้าอินว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่และท่านต้องการอะไร"
"แล้วกลุ่มป้าอินจะไม่ถูกนินทาว่าเป็นพวกคลั่งเชื้อพระวงศ์เหรอ"
"เธอลองนึกดูก็แล้วกันว่าตอนนี้มีคนหลายกลุ่มอยากมาช่วยงานของเจ้าหญิงวิมลลักษณา
ประชาชนจน ๆ จากทั่วโลกบริจาคเงินให้เธอ มีคนที่หงสาสัตยารับทำชุดเจ้าสาวให้
มีหลายคนตื่นเต้นอยากมาร่วมงาน แต่ทำไมความรู้สึกเหล่านี้จึงไม่เกิดกับเจ้าสาว
อย่างฉันที่จัดงานแต่งงานหรู ทุ่มไปเกือบ 100 ล้านที่โรงแรมโดโรธีล่ะ"
"อืม น่าคิดนะ"
"ก็เพราะไม่ว่าจะยังไง คนก็ยังมองวิลล่าพาเลซเป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยมไง
เราหลุดจากภาพแบบนี้ไม่ได้หรอกถึงแม้ว่าเราตั้งใจจะทำคุณงามความดีมากแค่ไหน
ส่วนเจ้าหญิงวิมลลักษณา เธอเป็นสัญลักษณ์ของหลายสิ่งหลายอย่างมากมายเหลือเกิน
และทุกสัญลักษณ์ต่างมีความหมายต่อผู้คน หลายคนให้ความสนใจ ความเป็นปัจเจกชนของเธอ
ยังเป็นสัญลักษณ์ได้ แต่ความเป็นปัจเจกชนของศรีจิตราในตอนนี้ คนก็ยังมองว่าเป็นทุนนิยมอยู่ดี"
ศรีจิตรายังเล่าต่อ "กลับมาเรื่องป้าอิน ตอนนี้ที่หนานนูเปียหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
มันเริ่มตั้งแต่ทหารฆ่าเชื้อพระวงศ์ทุกคน ถึงจะเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้ง แต่ก็ดันได้ ส.ส. และ ส.ว.
ชั้นเลวเต็มสภา ทำให้ทหารมาปกครองแทน แต่รัฐบาลทหารก็แก้ปัญหาไม่ได้สักอย่าง
เยาวชนเบื่อหน่ายสิ้นหวัง พวกพ่อแม่เครียดเพราะปัญหาเศรษฐกิจ พอมีการยุแยงตะแคงรั่วเข้าหน่อย
ก็หันมาฆ่ากันเอง ตอนนี้ที่หนานนูเปียไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไม่เหลือสถาบันกษัตริย์ ไม่เหลือสถาบันศาสนา
สถาบันการเมืองก็พัง พอเป็นอย่างนั้นเศรษฐกิจก็พังพินาศ สถาบันครอบครัวก้พัง ทุกอย่างพังพินาศและ
ล้มครืนอย่างกับโดมิโน่ มันเป็นสถานที่ ๆ เหลือแต่ซากกับผู้สูงอายุบางส่วน มันต่างจากโชกุนโพมาก"
"ยังไงเหรอ"
"ที่นั่นยึดปรัชญาขงจื้อมาหลายร้อยปี สืบค้นยากว่ามีความเป็นมายังไง เรื่องคู่สัมพันธ์ทั้ง 5 นี้
ทุกคนจดจำจนขึ้นใจ น่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกนะที่ออกตัวแรงขนาดนี้ คู่สัมพันธ์ทั้ง 5 ก็จะมีพ่อแม่กับลูก สามีกับภรรยา
พี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน ผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง ทุกคู่สัมพันธ์ต้องมีเหรินและหลี่มาช่วยยึดเหนี่ยว
เหรินคือความเมตตา ส่วนหลี่คือจารีต แต่ทั้งเหรินและหลี่ ต้องมีอี้มากำกับ อี้ก็คล้าย ๆ การใช้เหตุผลอย่างมีคุณธรรม
บ้านเขาไม่มีกีฬาสีนะ มีแต่กีฬาเหรินหลี่อี้ ทุกโรงเรียนก็จะแบ่งเด็กเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มเหริน กลุ่มหลี่และกลุ่มอี้
อย่างแบงค์บ้านเขาแบงค์ 100 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์เหริน แบงค์ 500 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์หลี่
แบงค์ 1000 ก็เป็นรูปสัญลักษณ์อี้ คือคนทั้งประเทศยึดอุดมการณ์เดียวกัน ทุกสถาบันก็มั่นคงและมีคุณภาพเท่าเทียมกันหมด
ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเมือง ครอบครัว ศาล กษัตริย์ ศาสนา สังคม และอีกหลายสถาบัน เขาจึงอยู่ร่วมกันได้อย่างมีเอกภาพ
ไม่เหมือนกับบางประเทศ พูดเหมือนยึดอุดมการณ์โน่น นี่ นั่น พูดแบบสวยหรูมาก แต่การกระทำนี่ไม่ยึดอะไรสักอย่าง
ยึดแต่อำนาจกับเงิน สุดท้ายก็ต้องไปไม่รอด พบชะตาเหมือนกับหนานนูเปียนี่แหละ ไม่ช้าก็เร็ว"
..............................................................
เวลาบ่าย 4 โมงเย็นของวันนี้ เจ้าหญิงวิมลลักษณาและเจ้าชายปารีส
เสด็จเยี่ยมชาวเมืองหนานนูเปียที่มาช่วยงานอภิเษกฯ
เจ้าหญิงทรงเจอป้าอินโดยบังเอิญ
"ลูกวิมลลักษณาของป้า"
ราชองครักษ์ตะโกนเสียงดัง "เรียกเจ้าหญิงอย่างนั้นไม่ได้นะ พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"
แต่เจ้าชายปารีสทรงปรามไว้ "ไม่เป็นไรน่า อย่าไปว่าเขาเลยนะ"
เจ้าหญิงวิมลลักษณาทรงนั่งคุกเข่าตรงหน้าป้าอิน
"ลูกวิมลลักษณาของป้า ประเทศชาติของป้าไม่เหลืออะไรแล้ว"
"คุณป้าเข้มแข็งไว้นะคะ"
ป้าอินสวมกอดเจ้าหญิงแล้วร้องไห้
"มันหมดสิ้นทุกอย่างแล้วลูก พังพินาศหมดแล้ว"
"ทำใจดี ๆ นะคะป้า ป้าต้องห่วงสุขภาพของป้าด้วยนะคะ"
"ป้าไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว ป้าไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร"
"ป้าคะ ป้ามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้หนูนะคะ ชุดน่าจะตัดทัน รับปากนะคะป้า"
"โถ ลูกวิมลลักษณาของป้า ลูกรักของป้า"
ยูทูปเบอร์คนหนึ่ง ถ่ายทอดสดเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไว้ตลอด
หลังจากนั้น เขาเดินออกมาไกลหน่อย แล้วพูดกับกล้องว่า
"ลูกและหลานของป้าอินฆ่ากันตายหมดในเหตุการณ์อันโศกสลดของหนานนูเปีย
ตอนนี้ป้าอินไม่เหลืออะไรแล้ว เหลือเพียงเจ้าหญิงวิมลลักษณาที่ป้าอินเรียกว่าลูก
ตอนนี้เจ้าหญิงทรงเป็นสัญลักษณ์ของความหวังทั้งปวง พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ อย่างมากมาย
ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมใจของชาวโสฬสเทียบเท่ากับกษัตริย์หลุยส์และราชินีโซเฟีย
ทั้งสามพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นชาติและทำให้ชาวโสฬสมีความหวังในทุกเมื่อเชื่อวัน"