[SR] 10 ประเ็ด็นเพื่อดู the monuments men ให้สนุก (ไม่งั้นจะน่าเบื่อที่สุด...อย่างบอกไม่ถูกจริงๆ)

REVIEW & ANALYZE : the monuments men
หนังท้าทาย จะดูยังไงให้สนุก (ไม่งั้นจะน่าเบื่ออย่างสุดสุด)

เรื่องนี้...จะว่าหนังดี มันก็ดีนะ แต่มีประเด็นต่างๆที่อยากจะแนะนำก่อนไปดู
จะได้พอคาดหวังว่า จะได้สาระอะไรจากเรื่องนี้บ้าง
จะได้ไม่หวังมากเกิน และสัมผัสกับเนื้อหนังได้ตรงประเด็นมากขึ้น

===========================
1) ก่อนอื่น ต้องไม่คาดหวังว่า "จะดูหนังให้รู้เรื่อง"
เพราะการเล่าเรื่องของหนัง เป็นเหมือนคลิปประกอบหนังสือ
คือ จำลองฉากเป็นชิ้นๆ / เอามาต่อๆกัน / แต่ช่วงเวลา จะ skip ข้ามเป็นช่วงๆ
--> ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ว่าดูอยู่ดีๆ เอ๊ะ ทำไมคนนี้ถูกจับ,
เอ๊ะ ทำไมฮิตเลอร์แพ้ไปแล้ว, ทำไม ทำไม และทำไม

สรุป ดูเพลินๆ ดูเป็นคลิปๆ แต่อย่าคิดว่าจะดูแบบเข้าใจลึกซึ้งอะไร จะเครียดไปเปล่าๆ
(คิดว่าสาเหตที่หนังเล่าเรื่องแบบนี้ คงเป็นความติสต์แตกของผู้กำกับซะมากกว่าทำหนังไม่เป็นนะ
เพราะหนังบางเรื่อง พยายามเล่าเรื่องแค่ไหน มันก็วนอยู่ในอ่าง
แต่เรื่องนี้...ไม่พยายามเล่าเรื่องเท่าไหร่
แต่เหมือนคลิปประกอบหนังสืออิงประวัติศาสตร์เสียมากกว่า
เหมือนจำลองภาพถ่ายประวัติศาสตร์ ...ให้เคลื่อนไหวได้)

2) จอร์จ ครูนีย์ กับ แมทท์ เดม่อน หล่อมาก..ก โดยเฉพาะ แมทท์ เดม่อน ใส่ชุดอะไรก็หล่อ
เล่นเด่น เนี๊ยบ เล่นฉากไหนก็ยอมรับว่า เด่นมากๆ
บอกเลยแฟนคลับ กรี๊ดแน่นอน (ส่วนจอร์จ ครูนีย์ เรื่องนี้บทน้อย และแก่ไปนิด)

3) ตัวละครอื่นๆมีเยอะแยะ แต่บอกตรงๆ อย่าพยายามจำเลยว่ามีใครบ้าง
--> ดูเพลินๆ ว่าใครทำอะไรที่ไหนก็พอ
(เสียดายบางตัวละคร แม้จะพยายามใส่ให้เป็นเจ้าของเรื่องในช่วงนั้นๆ
แต่ก็สั้นมากๆจนจดจำไม่ได้ว่ามีประโยชน์ต่องานอย่างไร)


4) เพลงประกอบ แนวดุริยางค์ออร์เครสตร้า เพราะดีจัง
เวลาฟังในโรงหนัง เพราะมากๆ เสียงกังวาลสดใจทรงพลังให้อารมณ์สุดๆ
(แบบหนังกำลังเริ่มน่าเบื่อ พอฟังเพลงแล้วค่อยสดใสขึ้นอีกนิด)

5) งานด้านภาพ ถ่ายทำได้ดีมากเลยนะครับ
กำกับศิลป์ก็ work จะว่าเกือบเทียบเท่าหนังโฆษณาเลยก็ได้
เวลาหนังเริ่มน่าเบื่อ ดูภาพสวยๆเพลินๆก็ดีนะ
สังเกตไปเรื่อย จะได้ไม่หลับจ้า...

6) อย่าคาดหวังว่า จะได้อิ่มเอิบกับงานศิลปะจากเรื่องนี้นะครับ
แม้ว่าเนื้อหาหลักจะเป็นการกอบกู้งานศิลปะจากการขโมยไปทำลาย
แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่า งานศิลป์...มันดียังไง ควรค่าแก่การแลกด้วยชีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ?
หนังพยายามบอกเล่าด้วยคำพูด แต่ไม่ได้เล่าด้วยอารมณ์เท่าไหร่

7) ดูเรื่องนี้ คิดซะว่า... เหมือนไปเที่ยวรัชเซีย ปารีส ฯลฯ ในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
แน่นอนว่ามันคงจะไม่ได้สวยสดงดงามอะไร เพราะเป็นยุคสงคราม
แต่ก็ให้บรรยากาศแบบย้อนยุคได้เต็มอิ่มดีจัง
พล็อบ ฉาก ของประกอบฉากต่างๆ แบบว่าสมจริงกับสมัยนั้นมากๆ ดูเพลินดี

8) ฉากตลก จริงๆก็มีอยู่เยอะนะ แต่จะมาช่วงหลังจาก 1 ชั่วโมงแรกอันแสนจะ...พล่ามอะไรนักหนา
โดยเฉพาะสำเนียงอังกฤษแปลกๆสารพัดเชื้อชาติ ฟังยากดีจัง
ที่สำคัญ พูดเยอะแยะ แต่จับประเด็นประวัติศาสตร์ไม่รู้เรื่อง
(ตอนแรกนึกว่าเราเป็นคนเดียว พอหนังจบ ถามคนอื่น เขาก็เป็นเหมือนกัน)  

ดังนั้น แนะนำว่า 1 ชั่วโมงแรก กินลมชมวิว ดูบรรยากาศ ฟังเพลงไปเรื่อยๆดีกว่า
อย่าไปซีเรียสกับเนื้อหาหนังให้มากนักถ้าเริ่มเบื่อ
--> สรุป ตลกจริง มีน้อยไปหน่อย และฮาแบบมุขฝรั่งนะ

9) ฉากดราม่า จริงๆก็มีนะ แต่น่าเสียดาย ฉากที่ควรจะดราม่า เช่น ฉากตอนโดนยิง ฉากฟังแผ่นเสียง
ผู้กำกับ กลับเลือกที่จะไม่ขยี้ แต่ตัดซะเหี้ยน เหลือซูมอารมณ์แค่ประมาณไม่ถึง 30 วินาที
(แต่ก็เข้าใจ บางฉากถ้าขยี้มากกว่านี้ ก็จะเรียกว่าเป็นจุด peak ของหนังไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็คงดีกว่าการใช้นักแสดงระดับรางวัลออสการ์แบบเสียของขนาดนี้
--> สรุป ดราม่า ไม่ถึงกึ๋น เสียดายวัตถุดิบชะมัด

10) ฉากแอ็คชั่น ตอนแรกนึกว่าจะแอ็คชั่นเยอะแยะ
แต่เอาเข้าจริงๆ เป็นแอ็คชั่น แบบมือใหม่หัดขับ ทหารใหม่หัดรบเสียเยอะ
ดูเฟอะฟะ และไปทางตลกเสียมากกว่า (แต่ก็ฮาใช้ได้นะ)
ฉากโจรกรรมแบบ ocean eleven อะไร ไม่มีนะครับ
แม้ว่าพล็อตหนังเหมือนจะไปทางนั้น แต่ไม่มีโดยสิ้นเชิง
ฉากฉลาดๆใช้ไหวพริบก็ไม่มีเท่าไหร่
ส่วนใหญ่บทจะคิด จะทำอะไร ก็บอกเล่า แล้วก็ตัดฉับ เดินทางไปสถานที่นั้นแล้ว
--> สรุป แทบไม่มีฉากแอ็คชั่นเลยครับ

สรุปทั้งเรื่อง ดูเอาตลกครับ (แปลกไหม คำแนะนำของผม)
ดูเอาวิวสวยๆ ภาพสวยๆ เพลงเพราะๆ
ส่วนดราม่า ขยี้ไม่ถึงขั้นครับ และอย่าคาดหวังกับแอ็คชั่นแม้แต่น้อย

*************************************************
ช่วงสรรสาระ (หาสาระจากหนัง...ซะบ้าง)
.
.
.
จากเนื้อหา เป็นกลุ่มนักวิชาการที่เห็นว่า งานศิลปะกำลังจะสูญหายไปอยู่กับฮิตเลอร์ทั้งหมด
จึงระดมทีม ขอทุนจากรัฐบาล แต่รัฐบาลก็แบบ อยากกอบกู้ ก็ไปรบเอาเองสิ ก็เลยต้องรวมทีมส่งไป...
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลก็ไม่ได้สนับสนุนอะไร แม้แต่ทหารป้องกันก็ยังแทบไม่มี
อยากทำอะไร ก็ไปกันเองตามสะดวก แต่อย่างเกะกะเวลารบแล้วกัน...

พอทำไปเรื่อยๆ ก็ค้นหาที่ซ่อนงานศิลป์ของฮิตเลอร์เจอ
แต่แจ็คพ็อต ไปเจอถ้ำสมบัติของฮิตเลอร์เข้า..รัฐบาลก็ยิ้มร่า ยินดีกับผลงาน  
โปรโมทเสียยกใหญ่ว่าทลายขุมทรัพย์ฮิตเลอร์ได้
แต่ทีมกอบกู้งานศิลป์ ก็ยังไม่ได้รับการใส่ใจเท่าไหร่อยู่ดี

ผมก็เลยคิดครับ ว่าสาเหตุคืออะไร...
คิดว่า สงสัยอาจจะเป็นเพราะทีมนักวิชาการ ไม่ใช่ทีมนักการตลาดหละมั้ง
เลยไม่สามารถคุยเรื่องต่อรองผลประโยชน์กับรัฐบาลได้เท่าที่ควร
เลยต้องทำงานแบบไม่มีงบประมาณเหมือนเดิม

สรุป แม้ว่าเราจะมีเป้าหมายที่ดีแค่ไหน มีประโยชน์แค่ไหนต่อสังคม
แต่ถ้าเรา present (นำเสนอ) ไม่เก่ง
ไม่สามารถชี้ประเด็นผลประโยชน์ที่อีกฝ่าย...อยากได้รับจริงๆ
(ซึ่งแน่นอน ว่าคงไม่ใช่ที่เราอยากได้รับหรอก)
ก็ยากที่จะได้รับการยอมรับและอนุมัติงบประมาณได้
(ตัวอย่างจากในเรื่อง ถ้าทีมนี้ มีใครสักคน
ชี้ให้รัฐบาลเห็นถึงขุมทรัพย์ฮิตเลอร์ตั้งแต่แรก มากกว่าประเด็นกอบกู้ประวัติศาสตร์
ก็คงจะทำงานได้ดีกว่านี้ คงไม่ต้องเสียทรัพยากรบุคคลไปกับงานผิดประเภทแบบนี้แน่)

++++++++++++++++++++
ว่างๆเชิญแวะไป add friend พูดคุยกันได้นะครับที่ fb ของผม
https://www.facebook.com/choord.k

ผมไปลงที่อีกเพจนึง อัพเดทข่าวเกี่ยวกับหนังไว้เพียบเลยครับ
https://www.facebook.com/McksMovie

ปล. ถ้าอ่านจบแล้ว รบกวนนิดนึงนะครับ-->ถ้าชอบก็กด "ถูกใจ" ไม่ชอบก็กด "สยอง" บ้างก็ได้
ผู้เขียนจะได้รู้ว่า มีคนอ่านเยอะมากน้อยแค่ไหน ชอบไม่ชอบยังไงก็เป็นกำลังใจได้ทั้งหมดครับ

(ขอบคุณสำหรับการกด "ถูกใจ" และอื่นๆ สำหรับรีวิวก่อนหน้าด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้ผมได้มากเลยครับ)
ชื่อสินค้า:   The Monuments Men (2014)
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่