สวัสดีค่ะ ^______^ เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เจอถึงความน่ารักของเด็กๆ ว่าการทำงานกับเด็กๆถึงแม้จะเยอะวุ่นวาย
แต่ก็ทำให้เราอมยิ้มถึงความน่ารักของพวกเค้าได้อยู่เสมอ
เราเป็นนักศึกษาปี4แล้ว เทอมนี้ได้ไปฝึกสอนวิชาดนตรีแห่งหนึ่ง อยากจะบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลย
ทำให้เราได้เห็นโลกกว้างใหญ่ที่เราไม่มีโอกาสได้เจอ ได้ประสบการณ์ต่างๆมากมาย
ทำให้เป็นอย่างยิ่งขึ้น ทำให้ได้มองเห็นอนาคตของตัวเอง
ชัดขึ้นว่าหลังจากเรียนจบแล้วเราจะก้าวต่อไปทางไหนดี
ซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่กำลังเรียนจบก็คงอยากจะได้คำตอบว่าจะไปทำอะไรดี เรียนต่อ ทำงาน
หรือเปลี่ยนสายวิชาชีพที่ได้เรียนมา ว่าชอบหรือไม่ชอบที่จะทำสายนี้
ต้องขอบคุณโอกาสที่ได้มาฝึกงานถึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เกือบ4เดือน แต่
ก็ทำให้เราเห็นหนทางของเราชัดขึ้น เพราะเราอาจจะเจอทั้งเรื่องที่หนักในการทำงาน
ในการที่จะรับมือกับคนรอบข้าง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในเรื่องที่
ไม่ค่อยจะมีความสุขนั้นก็ทำจะมีเหตุการณ์ที่สามารถทำให้เรายิ้มได้เสมอ (จะเข้าเรื่องละคะ

)
เด็กนักเรียนที่เราได้สอนก็มีตั้งแต่ ป.1-3 และก็ ม.1-6 ได้เจอเด็กเกือบทุกระดับชั้นเลบแต่ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขในการมาฝึกสอนครั้งนี้ก็คงจะเป็น
เด็กน้อยแสนน่ารักนี่เองงงงง~~~~*

เราสอนเปียโนเด็กประถมต้นทุกตอนเย็น แต่เปียโนที่ใช้ก็เปียโนไฟฟ้านี่แหละค่ะ เราก็เดินข้ามตึกไปจากตึกมัธยมไปประถมเป็นประจำทุกวัน ตอนที่เดินไปถึงตึกเด็กประถม เหมือนรู้สึกว่าตัวเองได้ไปอยู่ในเมืองคนแคระ 555555 เด็กๆตัวเล็กกันมากกก มีเด็กอ้วนๆน่ารักเต็มไปหมด พอเราไปถึงห้องเปียโนกลุ่มก็เจอนั่งเรียนนั่งประจำที่และก็มีคุณครูประจำวิชายืนอยู่แล้ว เด็กๆก็ไม่ได้เล่นเปียโนเพราะครูยืนเช็คชื่ออยู่หน้าห้อง พอคุณครูเช็คชื่อเสร็จบอกว่า "อ้าวว!! ซ้อมได้~~" เท่านั้นแหละ เสียงเปียโนที่เด็กๆปรับเสียงดังสุดทุกเครื่อง มีประมาณเกือบ 10เครื่อง เด็กๆเล่นพร้อมกันทั้งหมดเลย เป็นเสียงตีกันแบบว่า ฉันขอตายได้ไหม???5555 มันดังมาก เลเวล100เลยยย ตอนเด็กๆยกมือเรียกให้ไปตรวจเพลงทีเรียน เราเดินทีละเครื่องคล้ายๆกับการเรียนเดี่ยวแต่อยู่ในห้องเปียโนกลุ่ม คงนึกภาพกันออกใช่ไหมคะ

) เวลาจะคุยแต่ละครั้งตะโกนจนคอแทบแตก เพราะเราก็ไม่ได้ยินเสียงเปียโนที่เด็กเล่นเหมือนกัน 555 คือมันกระหึ่มสุดๆ นี่เป็นเหตุการณ์วันแรกที่เราได้พบ ก็งงๆน่ารักดี 555 ก็สอนอย่างงี้ทุกๆวันไปเรื่อยๆ เริ่มชินและปรับตัวได้ กับการตะโกนแข่งกับเสียงเปียโน และ ดูเด็กแต่ละคนที่มีการกระทำที่น่ารัก เช่นแอบกินไก่เงี๊ยย แล้วกลิ่นนี่หึ่งมาก ไก่ทอด แล้วมันเต็มมือเลย แต่เด็กก็ทำเนียนเล่นเปียโน

ใช่ค่ะ เด็กเอามือมันจับเปียโน เรานี่แบบ ก็แกล้งถาม"กินไก่รึเปล่าา"
เด็กผู้ชายคนนึงอยู่ป.1 ก็บอก "ป่าวว ไม่ได้กิน"
เรา : "แล้วทำไมได้กลิ่นอ่ะ??"
ดช. หยิบเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบถุงออกมาเป็น nugget มันแพล็บ ทั้งถุงทั้งมือ 5555 เห็นภาพแล้วแบบว่าจะเป้นลม เราเลยบอกเด็กว่า
"เนี๊ย หนูกินจนมือมันหมดแล้ววนะ เอามือมาเล่นคีย์อยากงี้ อยากจะให้เปียโนกินด้วยหรอ"
ดช.ก็ส่ายหน้า เราเลยรีบพาไปล้างมือ เห้ออ เสร็จไปหนึ่งเคส.....
พอกลับมาที่ห้องเราก็ไปดูเด็กนั่งเรียนคนอื่นเล่นเปียโน ก็มี ดช. คนเดิมเดินมาหาเรา บอกเราว่า "สอนหน่อสิ๊..." ด้วยความที่ห้องเปียโนเสียงดังมากกก
เราได้ยินเป็น "ขอไปขี้!!!!" ตอนนั้นอยากบอกว่า โอ้ยย ช็อคแป๊บ เราเลยบอกว่าอะไรนะ อยู่หลายรอบ จนเด็กเริ่มตะโกนด้วยว่า "สอน..หน่อย..สิ๊.." เสียงดังฟังชัดมาก เราเลย "อ้อ จ๊ะๆๆ เดี๋ยวไปนะ

)" ...
สอนไปสักพักเด็กก็เริ่มคุ้นเคยกับเรา ก็มีเด็กคนนึงอยู่ ป. 1 มอมแมมมาก กินอะไรมาก็ไม่รู้ มือสกปรกสุดๆ 555 วิ่งเข้ามากอดเรา เราเห็นแบบนั้นก็เลยเอาแขนออก บอกว่าอย่ามาจับนะๆๆ เป็นอย่างงี้อยู่นานมาก จนเด็กชายคนนั้นก็เริ่มรู้ว่าเราไม่ชอบ ก็ทำอย่างนั้นกับเราอยู่นั้นแหละ ตรงกับคำที่ว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เป๊ะเลยยย หลังจากนั้นจากแค่แตะๆแขนเรา เริ่มวิ่งเข้าห้องมาปุ๊บ มากอดดดดเรา เราวิ่งหนีแทบไม่ทัน จนมีวันนึงน้องก็ถามเราว่า
ดช. :" จะวิ่งหนีไปไหน?? ทำไมอ่ะ เกลียดเค้าหรอ" (อุ๊ยตายย นี่เด็กป.1 ถามนะคะ...5555)
เรา: "ป๊าวววว ไม่ได้เกลียด" (จะเสียงสูงทำไมวะเรา)
ดช. : "อ่าว ถ้างั้นทำไมไม่ให้กอดอ่ะ "
เรา : "ก็ไม่ชอบอ่ะ ไม่ชอบให้ใครมาแตะตัว เป็นอย่างงี้กับทุกคนแหละ"
---เราละขำมากกกที่เด็กถามอยากจะบอกว่า เออ ไม่ชอบเว้ย 5555 ทำไมต้องกอด ไม่เข้าใจ แต่ก็ได้แต่ตอบในใจ---
พอถึงวันที่เราจะต้องไปแล้ว ถึงกำหนดของการฝึกสอนแล้ว วันที่ 13 กพ. ก่อนวันวาเลนไทน์พอดีเลย เด็กชายคนที่ชอบกอดเราก็เข้ามาถามว่า จะไปแล้วหรอ และเด็กหลายๆคนก็ถามเราเหมือนกัน รู้สึกผูกพันกับเด็กๆมาก แต่เราก็จำเป็นต้องไป เด็กๆก็ให้หัวใจที่พับกระดาษ ให้เราและก็ให้สติ๊กเกอร์หัวใจแปะเต็มเสื้อให้เรา รู้สึกมีความสุขมากวันนั้น
การเป็นคุณครูในความคิดของเรา เรารู้สึกว่าต้องทุ่มเทมากจริงๆ เป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยใจ ตอนเด็กเราก็ไม่รู้หรอกว่าครูเหนื่อยขนาดไหน
เรานึกว่าครูสบาย จนเราได้มาลองทำหน้าที่เป็นครูจริงๆ รู้สึกว่าเรายังอยู่อีกไกลจากการที่จะเป็นครูที่ต้องมาทำแบบนี้
เรายังอดทนไม่พอ ยังเป็นคนที่ไม่พร้อมในการต้องมาเผชิญกับอะไรแบบนี้
ดังนั้น การมาฝึกงานนี้ก็เป้นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้พัฒนาตนเอง ได้รู้ว่าตนเองนั้นยังต้องการอะไรเพิ่ม
ที่จะทำให้ชีวิตเป็นคนมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องราวเล็กน้อยที่ได้เจอมา ที่นำมาแบ่งปันความน่ารักของเด็กๆในวันนี้ หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะได้อมยิ้มกับความน่ารักของเด็กๆนะคะ ถ้าเขียนยืดยาวหรือวกไปวนมาก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ เพราะพึ่งได้ลองเขียนดู รู้สึกว่ามีเรื่องราวมากมายที่อยากเขียนเยอะเลย 555 แต่ยังไงก็จะปรับปรุงการเขียนเพื่อที่จะแบ่งปันให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้นต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ





เรื่องเล่าของคุณครูฝึกสอน
แต่ก็ทำให้เราอมยิ้มถึงความน่ารักของพวกเค้าได้อยู่เสมอ
เราเป็นนักศึกษาปี4แล้ว เทอมนี้ได้ไปฝึกสอนวิชาดนตรีแห่งหนึ่ง อยากจะบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลย
ทำให้เราได้เห็นโลกกว้างใหญ่ที่เราไม่มีโอกาสได้เจอ ได้ประสบการณ์ต่างๆมากมาย
ทำให้เป็นอย่างยิ่งขึ้น ทำให้ได้มองเห็นอนาคตของตัวเอง
ชัดขึ้นว่าหลังจากเรียนจบแล้วเราจะก้าวต่อไปทางไหนดี
ซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่กำลังเรียนจบก็คงอยากจะได้คำตอบว่าจะไปทำอะไรดี เรียนต่อ ทำงาน
หรือเปลี่ยนสายวิชาชีพที่ได้เรียนมา ว่าชอบหรือไม่ชอบที่จะทำสายนี้
ต้องขอบคุณโอกาสที่ได้มาฝึกงานถึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เกือบ4เดือน แต่
ก็ทำให้เราเห็นหนทางของเราชัดขึ้น เพราะเราอาจจะเจอทั้งเรื่องที่หนักในการทำงาน
ในการที่จะรับมือกับคนรอบข้าง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในเรื่องที่
ไม่ค่อยจะมีความสุขนั้นก็ทำจะมีเหตุการณ์ที่สามารถทำให้เรายิ้มได้เสมอ (จะเข้าเรื่องละคะ
เด็กนักเรียนที่เราได้สอนก็มีตั้งแต่ ป.1-3 และก็ ม.1-6 ได้เจอเด็กเกือบทุกระดับชั้นเลบแต่ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขในการมาฝึกสอนครั้งนี้ก็คงจะเป็น
เด็กน้อยแสนน่ารักนี่เองงงงง~~~~*
เราสอนเปียโนเด็กประถมต้นทุกตอนเย็น แต่เปียโนที่ใช้ก็เปียโนไฟฟ้านี่แหละค่ะ เราก็เดินข้ามตึกไปจากตึกมัธยมไปประถมเป็นประจำทุกวัน ตอนที่เดินไปถึงตึกเด็กประถม เหมือนรู้สึกว่าตัวเองได้ไปอยู่ในเมืองคนแคระ 555555 เด็กๆตัวเล็กกันมากกก มีเด็กอ้วนๆน่ารักเต็มไปหมด พอเราไปถึงห้องเปียโนกลุ่มก็เจอนั่งเรียนนั่งประจำที่และก็มีคุณครูประจำวิชายืนอยู่แล้ว เด็กๆก็ไม่ได้เล่นเปียโนเพราะครูยืนเช็คชื่ออยู่หน้าห้อง พอคุณครูเช็คชื่อเสร็จบอกว่า "อ้าวว!! ซ้อมได้~~" เท่านั้นแหละ เสียงเปียโนที่เด็กๆปรับเสียงดังสุดทุกเครื่อง มีประมาณเกือบ 10เครื่อง เด็กๆเล่นพร้อมกันทั้งหมดเลย เป็นเสียงตีกันแบบว่า ฉันขอตายได้ไหม???5555 มันดังมาก เลเวล100เลยยย ตอนเด็กๆยกมือเรียกให้ไปตรวจเพลงทีเรียน เราเดินทีละเครื่องคล้ายๆกับการเรียนเดี่ยวแต่อยู่ในห้องเปียโนกลุ่ม คงนึกภาพกันออกใช่ไหมคะ
เด็กผู้ชายคนนึงอยู่ป.1 ก็บอก "ป่าวว ไม่ได้กิน"
เรา : "แล้วทำไมได้กลิ่นอ่ะ??"
ดช. หยิบเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบถุงออกมาเป็น nugget มันแพล็บ ทั้งถุงทั้งมือ 5555 เห็นภาพแล้วแบบว่าจะเป้นลม เราเลยบอกเด็กว่า
"เนี๊ย หนูกินจนมือมันหมดแล้ววนะ เอามือมาเล่นคีย์อยากงี้ อยากจะให้เปียโนกินด้วยหรอ"
ดช.ก็ส่ายหน้า เราเลยรีบพาไปล้างมือ เห้ออ เสร็จไปหนึ่งเคส.....
พอกลับมาที่ห้องเราก็ไปดูเด็กนั่งเรียนคนอื่นเล่นเปียโน ก็มี ดช. คนเดิมเดินมาหาเรา บอกเราว่า "สอนหน่อสิ๊..." ด้วยความที่ห้องเปียโนเสียงดังมากกก
เราได้ยินเป็น "ขอไปขี้!!!!" ตอนนั้นอยากบอกว่า โอ้ยย ช็อคแป๊บ เราเลยบอกว่าอะไรนะ อยู่หลายรอบ จนเด็กเริ่มตะโกนด้วยว่า "สอน..หน่อย..สิ๊.." เสียงดังฟังชัดมาก เราเลย "อ้อ จ๊ะๆๆ เดี๋ยวไปนะ
สอนไปสักพักเด็กก็เริ่มคุ้นเคยกับเรา ก็มีเด็กคนนึงอยู่ ป. 1 มอมแมมมาก กินอะไรมาก็ไม่รู้ มือสกปรกสุดๆ 555 วิ่งเข้ามากอดเรา เราเห็นแบบนั้นก็เลยเอาแขนออก บอกว่าอย่ามาจับนะๆๆ เป็นอย่างงี้อยู่นานมาก จนเด็กชายคนนั้นก็เริ่มรู้ว่าเราไม่ชอบ ก็ทำอย่างนั้นกับเราอยู่นั้นแหละ ตรงกับคำที่ว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เป๊ะเลยยย หลังจากนั้นจากแค่แตะๆแขนเรา เริ่มวิ่งเข้าห้องมาปุ๊บ มากอดดดดเรา เราวิ่งหนีแทบไม่ทัน จนมีวันนึงน้องก็ถามเราว่า
ดช. :" จะวิ่งหนีไปไหน?? ทำไมอ่ะ เกลียดเค้าหรอ" (อุ๊ยตายย นี่เด็กป.1 ถามนะคะ...5555)
เรา: "ป๊าวววว ไม่ได้เกลียด" (จะเสียงสูงทำไมวะเรา)
ดช. : "อ่าว ถ้างั้นทำไมไม่ให้กอดอ่ะ "
เรา : "ก็ไม่ชอบอ่ะ ไม่ชอบให้ใครมาแตะตัว เป็นอย่างงี้กับทุกคนแหละ"
---เราละขำมากกกที่เด็กถามอยากจะบอกว่า เออ ไม่ชอบเว้ย 5555 ทำไมต้องกอด ไม่เข้าใจ แต่ก็ได้แต่ตอบในใจ---
พอถึงวันที่เราจะต้องไปแล้ว ถึงกำหนดของการฝึกสอนแล้ว วันที่ 13 กพ. ก่อนวันวาเลนไทน์พอดีเลย เด็กชายคนที่ชอบกอดเราก็เข้ามาถามว่า จะไปแล้วหรอ และเด็กหลายๆคนก็ถามเราเหมือนกัน รู้สึกผูกพันกับเด็กๆมาก แต่เราก็จำเป็นต้องไป เด็กๆก็ให้หัวใจที่พับกระดาษ ให้เราและก็ให้สติ๊กเกอร์หัวใจแปะเต็มเสื้อให้เรา รู้สึกมีความสุขมากวันนั้น
การเป็นคุณครูในความคิดของเรา เรารู้สึกว่าต้องทุ่มเทมากจริงๆ เป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยใจ ตอนเด็กเราก็ไม่รู้หรอกว่าครูเหนื่อยขนาดไหน
เรานึกว่าครูสบาย จนเราได้มาลองทำหน้าที่เป็นครูจริงๆ รู้สึกว่าเรายังอยู่อีกไกลจากการที่จะเป็นครูที่ต้องมาทำแบบนี้
เรายังอดทนไม่พอ ยังเป็นคนที่ไม่พร้อมในการต้องมาเผชิญกับอะไรแบบนี้
ดังนั้น การมาฝึกงานนี้ก็เป้นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้พัฒนาตนเอง ได้รู้ว่าตนเองนั้นยังต้องการอะไรเพิ่ม
ที่จะทำให้ชีวิตเป็นคนมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องราวเล็กน้อยที่ได้เจอมา ที่นำมาแบ่งปันความน่ารักของเด็กๆในวันนี้ หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะได้อมยิ้มกับความน่ารักของเด็กๆนะคะ ถ้าเขียนยืดยาวหรือวกไปวนมาก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ เพราะพึ่งได้ลองเขียนดู รู้สึกว่ามีเรื่องราวมากมายที่อยากเขียนเยอะเลย 555 แต่ยังไงก็จะปรับปรุงการเขียนเพื่อที่จะแบ่งปันให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้นต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ