เปียโนคงไม่ใช่ทางสำหรับเรา

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาระบายกับความในใจนิดหน่อยค่ะ
คือเรานะคะ เรียนเปียโนได้มาประมาณ 5 ปีได้แล้วล่ะค่ะ
เริ่มด้วยตอนนั้นยังประถม คุณพ่อก็อยากให้เราเรียนเปียโนค่ะ และเขาก็อยากให้เราเรียนมากๆ ขอเราหลายรอบเลย
ก็จำไม่ได้นะคะว่า ขอนานแค่ไหน แต่จำได้ว่า่ขอบ่อยมาก แต่เหมือนเราไม่อยากเรียน
ไม่อยากเรียนก็จำไม่ได้อีกว่าไม่ชอบเปียโน หรือ อยากอยู่บ้านกันแน่ 55555
แต่ผ่านไปสักพัก ก็เหมือนเออ เรียนก็เรียน แล้วคุณพ่อก็ดีใจค่ะ พาไปเรียนที่สถาบันชื่อดัง
คือจำได้เลยว่าแรกๆเราไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เขาจะสอนอ่านโน้ต สอนเล่น แต่เราเหมือนหูซ้ายทะลุหูขวา งงค่ะ
แต่เล่นได้ ใช้วิธีการจำนิ้วอย่างเดียว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโน้ตตัวนี้กดคีย์ตัวไหน แต่จำได้นิ้วการกดได้ งงมั้ยคะ 555 (คือเหมือนว่าจำเพลงแต่ล่ะเพลงเป็นการกดนิ้ว แทนที่จะจำโน้ต)
ทำให้เราไม่รู้ทฤษฎีดนตรีเลย
แล้วเป็นแบบนี้นานมากค่ะ น่าจะสักพักที่เริ่มรู้แล้ว ผ่านไป 2 ปีได้เลยค่ะ
แล้วครูคนเก่าที่สอนเรา ก็ได้เลิกสอนเราไป เขาย้ายไปอยู่สถาบันอื่นค่ะ
จนเราได้เรียนกับครูคนใหม่แทน เขาก็สอนเรา ครูคนนี้เนี่ยแหละ เขารู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร โดยที่ครูคนแรกเขาไม่รู้หรือไม่สังเกตเลย
ปัญหาของเราคืออ่านโน้ตไม่คล่อง แต่ตอนนั้นบอกเลยนะคะ เรียนเปียโนแบบไม่ซีเรียสเลยค่ะ เรียนเป็นเพลงไป
แล้วครูคคนใหม่ของเรา ก็ไปสร้างสตูดิโอเอง แล้วเขาก็ออกจากที่สถาบันเดิมที่อยู่ แต่เขาชวนเราไปค่ะ ว่าจะไปเรียนกับเขามั้ย
เราก็ตกลงไปค่ะ เพราะเราก็รักครูคนนี้ ผูกพันธ์ เราก็เลิกเรียนสถาบันเดิม แล้วไปอยู่กับเขาค่ะ
ก็เรียนเหมือนเดิมเลยค่ะ เรียนเป็นเพลงๆ แต่ด้วยสถาบันเดิมที่เราอยู่นะคะ มันมีหนังสือในแต่ล่ะเลเวลของเขาค่ะ
แต่พอเรามาอยู่กับครูคนใหม่ที่เปิดสถาบันของตัวเอง ทำให้ก็ไม่ได้มีหนังสือเรียน เลยไปเรียนของหลักสูตรของต่างประเทศที่เข้มข้นกว่าเดิมค่ะ
บอกเลยตอนนั้น เพลงยากๆมาเพียบ ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเก่งขึ้น ก็เรียนไปเป็นเพลงๆไปค่ะ จนมีการสอบเปียโน ABRSM
แล้วเป็นการสอบที่ไม่ธรรมดาค่ะ คือเป็นมหาลัยอันดับต้นๆของโลกเลยค่ะ TOP 10 มั้งคะ จำไม่ได้ มีหลายคนที่สอบที่นี้
แล้วครูคนนี้เขาก็ให้เราไปสอบค่ะ ปีแรกที่เรารู้ แล้วรู้ว่าสอบอะไรบ้าง คือตายค่ะ โหดมาก
มีการเล่นเพลง 3 เพลง สอบเทคนิคต่างๆ อ่านโน้ตแล้วเล่นเลย หรือเพลงนี้เป็นอย่างไร
คือปราบเซียนมาก ตอนแรกเราก็ปฎิเสธไปค่ะ ปีแรก
พอสอบครั้งนั้นผ่านไป เขาก็มีสอบใหม่ทุกๆปีค่ะ คราวนี้ครูเขาบังคับเราเลยค่ะ ว่าต้องไป ถ้าไปเกียรติบัตรนี้ดีมากนะ เป็นครูได้
เราก็เออ สอบก็ได้ แล้วต้องจ่ายค่าสอบด้วยค่ะ ซึ่งแพงมากกก (ยิ่งเกรดสูง ยิ่งแพง)
ซึ่งแปลว่า ถ้าไม่ผ่านนี้ชิบผายแน่นอน
พอจ่ายเงินเสร็จก็ติวที่เข้มขึ้น จนเราแบบโห ลึกมาก มันมีหลายอย่างที่เราไม่รู้จักมันเลย
บอกเลยว่าเครียดค่ะ กลัวว่าจะไม่ผ่าน ถ้าสอบฟรีๆนี้ีไม่เเครียดเลย
เราเป็นไม่มีความมั่นใจในตัวเองค่ะ เราไม่เคยออกแสดงที่ไหน ทั้งๆที่ครูมีเวทีหลายเวทีที่สามารถดันเราไปได้
แต่เราไม่กล้าค่ะบอกตรงๆ ครูเขาก็รู้จุดดนี้ เขาก็บอกถ้ามีทักษะแล้วไม่กล้าแสดง มันก็ไม่มีไรทำให้เราดีขึ้นได้
แล้วกลายเป็นว่า ช่วงใกล้สอบค่ะ ABRSM ใกล้เข้ามาทุกๆที ยังมีบางอย่างเรียนไม่ครบเลยค่ะ แล้วจำได้เลยว่าคืนวันสุดท้าย คือครูเขาเรียกมาติวเพิ่มเลย
กลายเป็นว่าเราสูญเสียความมั่นใจเลยค่ะ เพราะมันมีที่เรายังไม่ได้เรียน เรื่องในวันนั้น
เราแอบร้องไห้ค่ะ เรากลัวมาก กลัวไม่ผ่าน แต่เราก็ไม่กล้าร้องไห้ให้ใครเห็น
พอเลิกติวเข้มสุดท้ายวันนั้น พ่อเราก็มารับเรากลับบ้าน ถามว่าเป็นไงบ้าง ได้มั้ย
เราก็เงียบค่ะ ก้มหน้า พ่อเราถาม เป็นไรลูก
เราร้องไห้เลยค่ะ บอกกลัวไม่ผ่าน พ่อเราก็ปลอบว่า ไม่เป็นไรลูก ไม่ผ่านไม่เป็นไร ถือว่าทำสุดฝีมือแล้ว
แล้วพอวันถัดมา วันสอบ ก่อนมาเราก็ร้องไห้อีก คือกลัวจริงๆค่ะ เครียด
แล้วพอเข้าห้องสอบ เราก็คือว่าเล่นได้นะคะ แต่มีบางอย่างที่ทำไม่ได้คืออ่านแล้วเล่นทันที คือนั่งแตะเปียโนเลยค่ะ ทำไม่ได้อ่านไม่ทัน
กรรมการนี้เป็นฝรั่งนะคะ เขาก็ถาม เสร็จแล้วหรอ ? เราก็เยส .__.
เขาก็โอเคๆ พอออกจากห้องสอบครูก็ถามทำได้มั้ย เป็นห่วงเรามาก คือเราเป็นคนที่น่าจะอ่อนในสตูดิโอของครูเราเลยค่ะ
เพราะสตูดิโอของครูเราเนี่ย มีแต่พวกเด็กจีเนียสค่ะ เก่งมาก บางคนเด็กกว่าเรา เก่งกว่าเราอีก ซึ่งเชื่อเลยว่าเราเรียนมานานกว่าเขา แต่เด็กเก่งกว่า
เราก็จะร้องไห้ค่ะ แต่ก็แบบได้ค่ะๆ พยายามกลั้น ครูก็ดูรู้นะคะ ว่าไม่โอเค เขาก็แบบ โชคดีค่ะ ก็ร่ำลาไป เราก็กลับบ้านมา ใจห่อเหี่ยวมาก
ไม่ผ่านแน่ๆตรู
ตัดภาพมาวันประกาศผลสอบเรา
เราผ่านค่ะ ! เราดีใจ แต่เด็กๆหลายคนได้เกียรตินิยมค่ะ อันดับ 1-3 ไรแล้วแต่
คือคะแนน มันเต็ม 150 ค่ะ ผ่าน 100 ถ้า 140-150 น่าจะได้เกียรตินิยมอันดับ 1 มั้งคะ จำไม่ได้
เราดีใจค่ะ แต่เฟลนิดหน่อย คือทั้งสตูมีคนไม่ได้เกียรตินิยมคือเราคนเดียวค่ะ
ครูเขาก็ปลอบใจเราค่ะ ว่าไม่เป็นไรนะ สอบอันเนี่ย คนที่ไม่ผ่านเนี่ยเยอะ แต่สตูดิโอเราผ่านหมด ถือว่าเก่งแล้ว
เราก็เข็ดค่ะ ไม่อยากสอบเลย ผ่านจากประกาศสักพัก
ครูเราเตรียมเข้าเกรดใหม่เลย เราแบบ เห้ยย ไม่ให้หนูทำใจก่อนเลยหร๊ออออ
ก็ติวตั้งแต่ปีใหม่เลยค่ะ จนตอนนี้ มันยากขึ้นเยอะเลยค่ะ แล้วจะสอบในเดือนพฤศจิกายนค่ะ
ตอนนี้เราก็บอกเลย ว่าช่วงที่ติว ABRSM เนี่ย เรารู้สึกไม่อยากเรียนเลยค่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่รู้สึกเลย
เราอยากจะเรียนเพลงมากกว่าที่จะศึกษาทฤษฎี ความจริงเรารู้มันดีต่อตัวเราค่ะ กลายเป็นว่าสิ่งที่ชอบเป็น Favourite  ตอนแรกเป็นเปียโน
มันไม่ใช่เปียโนแล้ว เรารู้สึกว่า เรารักนะคะ เปียโน เราเป็นคนชอบในดนตรีมากค่ะๆ แต่เรารู้เรื่องว่า เราไม่ได้ชอบเปียโนขนาดนั้น
เราไม่พร้อมที่จะทุ่มเทกับมันเลย เราเคยคิดว่าถ้าเป็นครูเปียโนคงดีนะคะ ดูสบาย ได้เงินเดือนเยอะ กลายเป็นตอนนี้ไม่อยากเป็น มันไม่ใช่
เราอยากที่จะเรียนร้องเพลงหรือกีตาร์มากกว่าอีกค่ะ เราชอบร้องเพลง
เรารู้นะคะว่าถ้ารักเปียโน เราต้องพร้อมทุ่มเทกับมัน ซึ่งเราตอนนี้มันทำให้เรารู้สึกกระอักกระอวนใจ เวลาที่เห็นคนเล่นเปียโน มันรู้สึกว่า ทำไมเราไม่เก่งเลยทั้งๆที่เราเรียนมาตั้ง 5 ปี ซึ่งเราเห็นหลายคนที่เรียนสัก 5 ปีนี้ก็จีเนียสแล้วค่ะ
ตอนนี้เราเลยคิดว่า อยากเลิกเรียนเปียโน
แต่เราคิดถึงครูที่เรารักและเคารพ กับพ่อเราที่เขาชอบให้เราเล่นเปียโน อยากให้เก่งด้านนี้
แต่เราก็อยากจะเล่นเปียโนต่อไปค่ะ มันคือสิ่งที่มีความหมายกับเราค่ะ แต่เราเหมือนท้อกับตัวเอง ที่ไม่เก่งและไม่ทุ่มเทกับมันเท่าที่ควร
ครูเราบอกนะคะว่าเราเก่ง เราเล่นได้ดีเลย แต่ลองถามตัวเองดูนะ ว่าเราทุ่มเทให้มันมากพอหรือยัง

ค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้สอบแล้วยังตึงเลยค่ะ กลัวไม่ผ่านอีกแล้ว แต่เราคิดว่า เราจะอยากเรียนการเล่นเพลงต่างๆมากกว่าทฤษฎีดรตรี หรือ ในการสอบนี้
เราคงชอบเป็นงานอดิเรกมากกว่าจะเป็นอาชีพ

ขอบคุณที่มาฟังเราบ่นนะคะ เราก็คงจะคุยกับครูแหละค่ะว่าไม่อยากสอบแล้ว แต่ถ้าเราพร้อมเราจะสอบค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่