http://www.naewna.com/politic/90287
13 ก.พ.57 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่มีการขอให้ศาลแพ่งพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของรัฐบาล ว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะคงการใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว โดยเห็นได้จากมีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงตามเวทีต่างๆ เกือบทุกวัน และรัฐบาลมีเจตนาเตะถ่วงการพิจารณาของศาลแพ่ง ยื่นบัญชีพยานที่จะให้ถ้อยคำมากถึง 130 ปาก เพื่อให้ศาลต้องใช้เวลาพิจารณานานที่สุด ให้ตัวเองคงอำนาจในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งทีมงานพิเศษของรัฐบาล อาศัยกลไกอำนาจรัฐ ข่มขู่ คุกคาม บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือในการจับกุม เพื่อกดดัน ข่มขู่ คุกคาม ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแต่ใน กทม.แต่ลงลึกถึงชุมชนและในต่างจังหวัดด้วย เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวจนไม่กล้าสนับสนุน กปปส.อีกทั้งยังมีการกดดันชาวนาที่เรียกร้องค่าจำนำข้าวของตัวเอง โดยเฉพาะชาวนาที่แสดงสัญลักษณ์ธงชาติหรือนกหวีด จะมีกลไกอำนาจรัฐเข้าไปข่มขู่ ทั้งที่ไม่ได้เข้ามาร่วมชุมนุม
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ความพยายามของรัฐบาลเช่นนี้จะไม่ก่อให้เกิดผลดี แต่จะกระทบในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ มากกว่าการชุมนุมกว่า 3 เดือน ของ กปปส.และยังไม่สามารถกดดันให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวจนเลิกสนับสนุน กปปส.ได้ รวมทั้งไม่สามารถหยุดแกนนำ กปปส.ได้ แต่จะจุดเชื้อไฟให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจมากขึ้น จากการกดดันของอำนาจรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน ปล่อยให้มีการสร้างสถานการณ์รุนแรงกับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่รัฐบาลคิดผิด เพราะไม่มีทางทำให้การชุมนุมยุติลง มีแต่จะเติมเชื้อไฟเพิ่มขึ้น
"องอาจ" จ้วกรัฐเตะศาลเแพ่ง หวังคงอำนาจ ข่มขู่ กปปส.-ปชช.
13 ก.พ.57 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่มีการขอให้ศาลแพ่งพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของรัฐบาล ว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะคงการใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว โดยเห็นได้จากมีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงตามเวทีต่างๆ เกือบทุกวัน และรัฐบาลมีเจตนาเตะถ่วงการพิจารณาของศาลแพ่ง ยื่นบัญชีพยานที่จะให้ถ้อยคำมากถึง 130 ปาก เพื่อให้ศาลต้องใช้เวลาพิจารณานานที่สุด ให้ตัวเองคงอำนาจในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งทีมงานพิเศษของรัฐบาล อาศัยกลไกอำนาจรัฐ ข่มขู่ คุกคาม บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือในการจับกุม เพื่อกดดัน ข่มขู่ คุกคาม ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแต่ใน กทม.แต่ลงลึกถึงชุมชนและในต่างจังหวัดด้วย เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวจนไม่กล้าสนับสนุน กปปส.อีกทั้งยังมีการกดดันชาวนาที่เรียกร้องค่าจำนำข้าวของตัวเอง โดยเฉพาะชาวนาที่แสดงสัญลักษณ์ธงชาติหรือนกหวีด จะมีกลไกอำนาจรัฐเข้าไปข่มขู่ ทั้งที่ไม่ได้เข้ามาร่วมชุมนุม
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ความพยายามของรัฐบาลเช่นนี้จะไม่ก่อให้เกิดผลดี แต่จะกระทบในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ มากกว่าการชุมนุมกว่า 3 เดือน ของ กปปส.และยังไม่สามารถกดดันให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวจนเลิกสนับสนุน กปปส.ได้ รวมทั้งไม่สามารถหยุดแกนนำ กปปส.ได้ แต่จะจุดเชื้อไฟให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจมากขึ้น จากการกดดันของอำนาจรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน ปล่อยให้มีการสร้างสถานการณ์รุนแรงกับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่รัฐบาลคิดผิด เพราะไม่มีทางทำให้การชุมนุมยุติลง มีแต่จะเติมเชื้อไฟเพิ่มขึ้น